บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กุมภาพันธ์, 2013

เจ้าคุณเอื้อน กำลังจะทำให้วัดกลายเป็นแหล่งเงินกู้

รูปภาพ
ตั้งกองทุนวัดแข่งกองทุนหมู่บ้าน  ! เจ้าคุณเอื้อนเจ้าของไอเดีย สงฆ์ภาค  14  นำร่อง สมเด็จเกี่ยวตั้งชื่อกองทุน หักเงินเดือนพระสังฆาธิการทุกระดับในภาค  14  ปีละครั้ง เอาเงินมาช่วยเหลือประชาชนผู้ยากจน แหมสุดยอดพระเมตตาเลยนะเจ้าคุณเอื้อนนี่ ว่าแต่ถามพระสังฆาธิการเขาดูหรือยังว่ายินยอมพร้อมใจกันเสียสละหรือไม่ อย่าใช้วิธีเผด็จการนะฮะ โครงการดีๆ แต่วิธีการไม่ดีนั้นมีปัญหา และที่จะเป็นปัญหามากกว่านั้นก็คือว่า ถ้าให้เจ้าอาวาสเป็นผู้มีอำนาจเสนอชื่อผู้ยืมเงิน แล้วจะเชื่อได้อย่างไรว่าเจ้าอาวาสไม่ลำเอียง ประเดี๋ยวก็มีแต่ชื่อพี่ชื่อน้องฟ้องร้องกันนัวเนียหรอก แต่เดิมมานั้น พระสงฆ์ไทยจะพยายามไม่เข้าไปยุ่งเรื่องเงินเรื่องทอง ปล่อยให้เป็นเรื่องของข้าราชการบ้านเมือง แต่ปัจจุบันนี้กลับวิ่งเข้าไปจัดการมากขึ้น ถึงกับตั้งและบริหารกองทุนเสียเอง มันก็น่าศึกษาว่า บทบาทของพระสงฆ์ไทยในยุคต่อไปจะเป็นอย่างไร เพราะพระในมหาวิทยาลัยสงฆ์นั้นก็กลายเป็นข้าราชการในกำกับของรัฐบาลไปเต็มตัวแล้ว ภาคส่วนอื่นๆ ไม่ว่ามหานิกายและธรรมยุตก็ขยับตัวเข้าหาเงินทองและอำนาจ วันนี้ เจ้าคุณเอื้อน กำลังจะทำให้วัดกลา

บันทึกประวัติศาสตร์ สื่อทีวีภัยต่อความมั่นคง ?

รูปภาพ
 วันนี้ 25 ก.พ.56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (24 ก.พ.) เมื่อเวลา 22.43 น. รายการข่าวสามมิติ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ดำเนินรายการโดย นายกิตติ สิงหาปัด ได้สัมภาษณ์พิเศษ นายกัสตูรี มะห์โกตา ซึ่งอ้างว่าเป็นประธานขบวนการปลดปล่อยสหปัตตานี หรือพูโล ที่อ้างว่ายังมีบทบาทต่อเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกล่าวว่า พูโลคือองค์กรต่อสู้ที่ก่อตั้งครบกำหนด 45 ปี ขณะนี้พูดได้ว่าพูโลเป็นองค์กรที่สุกงอมพร้อมแล้ว ที่กำลังดำเนินการ ทางวิสัยทัศน์และพันธกิจ เพื่อกำหนดชะตากรรมของประชาชนชาวปาตานี (ปัตตานี) ที่เป็นอยู่เช่นนี้มานับร้อยปี       เมื่อถามว่า ทุกวันนี้ก็ยังคงมีสมาชิกของขบวนการพูโลยังคงเคลื่อนไหวทางความคิด หรือมีบทบาทอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ นายกัสตูรี กล่าวว่า พูโลเป็นองค์กรต่อสู้เพื่อเอกราช แน่นอนที่สุด พูโลไม่ใช่องค์กรเพ้อฝัน แต่เป็นองค์กรที่ยืนและเหยียบบนแผ่นดินที่มีอยู่ชัดเจน หมายความว่าพูโลพร้อม และสามารถในทุกๆ ด้าน การเมือง การทหาร การประชาสัมพันธ์ และอื่นๆ    “แต่ในปัจจุบัน เหตุอะไรก็แล้วแต่ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ มักถูกอ้างว่า เป็นการกระทำของบีอาร์เอ็น (

ประวัติศาสตร์ และกฏแห่งกรรม การเมืองยุ่งศาสนาหรือศาสนายุ่งการเมือง ?

รูปภาพ
\ ตั้งพระพายัพ ชินวัตร เป็นพระครูปลัดสมเด็จฯ การเมืองยุ่งศาสนาหรือศาสนายุ่งการเมือง 0 1 คณะสงฆ์ไทยสมัยกรุงศรีอยุธยา คณะสงฆ์ไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยานั้น ท่านว่าแบ่งออกเป็น  3  คณะนิกาย ได้แก่ คณะเหนือ  เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า คณะคามวาสีฝ่ายซ้าย มีสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เป็นเจ้าคณะ คณะใต้  (คณะคามวาสีฝ่ายขวา) มีสมเด็จพระพุทธาจารย์ เป็นเจ้าคณะ คณะอรัญวาสี  (ต่อมาได้เป็นคณะกลาง) มีสมเด็จพระวันรัต เป็นเจ้าคณะ แคนดิเดทสมเด็จพระสังฆราชนั้นท่านว่ามาจาก  2  ตำแหน่งหลัก คือ  สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์  เป็นสมณศักดิ์เอกอุของพระสงฆ์ผู้คงแก่เรียนพระปริยัติธรรม หมายถึงว่าเก่งภาษาบาลี และสมเด็จพระวันรัต ซึ่งชำนาญในทางวิปัสสนากรรมฐาน พระสงฆ์ไทยสมัยโบราณที่จะได้ขึ้นครองตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชต้องมาจาก  2  ตำแหน่งนี้เท่านั้น หมายถึงว่าถ้าพระภิกษุรูปใดได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดฯสถาปนาขึ้นเป็น  "สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์"  และหรือ  "สมเด็จพระวันรัต"  แล้ว ก็หมายถึงว่าเข้าไลน์เป็นสมเด็จพระสังฆราชแห่งพระนครศรีอยุธยา ถ้าไม่มรณภาพลงไปเสียก่อน หรือว่าอ่อนอาวุโสให