บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก พฤศจิกายน, 2014

มหาเถระไม่ทำหน้าที่? ในยุคคสช.

รูปภาพ
บวชภิกษุณีที่สงขลา ! มหาเถรรู้หรือไม่ รู้แล้วจะทำอย่างไร ? อา..ปัญหาพระศาสนามาอีกแล้ว คราวนี้หนักกว่าเดิม เพราะมีพระไทยและพระศรีลังกามาช่วยให้การอุปสมบทภิกษุณีสำเร็จ ต่อไปก็สามารถทำกิจกรรมทุกอย่างได้เอง เพราะมีทั้งโรงอุโบสถ มีภิกษุณีสงฆ์ มีสามเณรี มีสิกขามานา และมีพระภิกษุสงฆ์ภาคใต้และต่างประเทศให้การสนับสนุน อุดแบบไหนก็เอาไม่อยู่ ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ได้รายงานว่า เมื่อวันที่  29 พฤศจิกายน 2557 ที่ผ่านมา ณ ทิพยสถานธรรมภิกษุณีอาราม ตำบลเกาะยอ อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา ได้มีพิธีอุปสมบทภิกษุณีขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมีสิกขมานาจำนวน 8 รูป ได้เข้ารับการอุปสมบทในครั้งนี้ ทั้งนี้ ได้มีการนิมนต์พระอุปัชฌาย์มาจากประเทศศรีลังกา คือ  "ท่านมหินทวังสะ"  ซึ่งมีตำแหน่งเป็นมหาสังฆนายก หรือพระสังฆราช แห่งศรีลังกา ส่วนปวัตตินี (อุปัชฌาย์) ในฝ่ายภิกษุณีสงฆ์นั้น ได้นิมนต์  "ภิกษุณีสุมิตตา"  และคณะภิกษุณีสงฆ์จากศรีลังกา มาครบองค์สงฆ์ ทำให้พิธีกรรมผ่านไปโดยเรียบร้อย ภิกษุณีธัมมทีปา (ณัฐทิพย์ ตนุพันธ์) หัวหน้าภิกษุณีแห่งอารามทิพยสถานธรรม เกาะยอ สงขลา หัวหน้านักบวชในอารามแห่ง

ปฎิรูปเพื่อความมั่นคงของชาติไทย?

รูปภาพ
กรณีจับกุมและดำเนินคดีกับพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และพวก ได้ร่วมกันแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ กระทำผิดกฎหมายอาญาร้ายแรง อาศัยตำแหน่งหน้าที่ สถานะ แอบอ้าง รับส่วยน้ำมันเถื่อน-บ่อนการพนัน-ซื้อขายตำแหน่งตำรวจ ฯลฯ นำไปสู่การตรวจยึดทรัพย์สินที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลค่ามหาศาล มีการซุกซ่อนไว้ในบ้านหลายหลัง บางแห่งถึงขนาดทำห้องนิรภัย เจาะใต้พื้นบ้าน เจาะผนังบ้าน ทำห้องพิเศษ ติดตั้งตู้นิรภัยเป็นการเฉพาะ เพื่อเก็บซ่อนทรัพย์สินมหาศาล มีทั้งเงินสด (เงินบาท-เงินดอลลาร์) ทองคำแท่ง สแตมป์ทอง เครื่องประดับ พระพุทธรูป โบราณวัตถุล้ำค่า งานศิลปะราคาแพง พระเครื่องนับพันองค์ ไม้แปรรูป รวมถึงโฉนดที่ดินหลายร้อยแปลง ฯลฯ มูลค่ารวมหลายพันล้านบาท! นำมาซึ่งความตื่นตะลึงของคนในสังคม! โดยเฉพาะลักษณะของการกระทำผิด ปรากฏว่า กระทำกันเป็นขบวนการ โดยมีนายตำรวจระดับสูงเป็นหัวขบวนใหญ่ ใช้กลไกตำรวจภายใต้สายบังคับบัญชาเป็นมือเป็นไม้ กระทำการเรียกรับผลประโยชน์อันมิชอบ กว้างขวางและลงลึกไปถึงแม้กระทั่งพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คาดว่า จะนำไปสู่การดำเนินคดีกับนายตำรวจที่เกี่ยว

พฤติกรรมมหาโจร ? ในประวัติศาสตร์ไทย

รูปภาพ
ยังคงเป็นที่สนใจของผู้คนสำหรับคดีสะท้าน “ยุทธจักรสีกากี” กรณี “เดอะกิ๊ก” พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(ผบช.ก.) และ “เครือข่าย” ถูกจับกุมด้วย“ข้อหาร้ายแรง” ซึ่งนอกจากเรื่องของคดีจะถูกพูดถึงเป็นวงกว้างแล้ว เรื่อง “ของกลาง” ที่ถูกตรวจยึดได้ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์เช่นกัน เพราะทำให้หลายคนอ้าปากค้าง เพราะมันมากมายก่ายกอง เป็นดั่ง “คลังมหาสมบัติ” ก็ว่าได้ “พระเก่า-วัตถุโบราณ-เงินสด-ทองคำ-โฉนดที่ดิน” เพียบ!!! หลายคนเกิดคำถามถึง “กรุสมบัติ” เหล่านี้ว่ามีที่มาอย่างไร โดยเฉพาะ “วัตถุโบราณ” ซึ่งต้องบอกว่าหลายๆชิ้นน่าจะมีอายุหลายร้อยปี และประเมินค่ามิได้??? “นักโบราณคดี” ระดับอาจารย์จากมหาวิทยาลัยท่านหนึ่ง บอกว่า จากการสังเกตต้องบอกว่า “วัตถุโบราณ” ที่ตรวจยึดได้จากเครือข่าย “เจ้าพ่อสอบสวนกลาง” จะว่าไปแล้วเข้าข่าย “คอลเลคชั่นอาเซียน” เพราะเต็มไปด้วยของเก่าทุกยุคทุกสมัย บางส่วนเป็นศิลปะ “สมัยทวารวดี”, ศิลปะเขมรแบบบายน อายุราวๆ 700 ปี, ศิลปะพม่า, ศิลปะอินเดียสมัยคุปตะ อายุ 1,000 กว่าปี และ “ศิลปะคันธาระ” อายุเกือบ 2,000 ปี เป็นต้น เขาบอกด้วยว่า “วัตถุโบราณ” ที่น่าสนใจในกลุ

ข้อมูลความมั่นคงของชาติ สมัยคสช.

รูปภาพ
การเลือกนายกรัฐมนตรีโดยรัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ได้ออกความคิดเห็นเสนอให้มีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีว่า สมควรมาจากการเลือกตั้งของรัฐสภา ซึ่งนับว่าเป็นแนวความคิดใหม่ หมายความว่า ในกรณีที่รัฐสภามีสองสภา คือสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ทั้งสองสภาดังกล่าวซึ่งประกอบเข้ากันเป็นรัฐสภาจะเป็นผู้ลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี จากนั้นพระมหากษัตริย์จะทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีตามมติของรัฐสภา ต่างจากบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญทุกฉบับที่ผ่านมา คือในกรณีที่รัฐสภามีทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ก็จะมีบทบัญญัติแต่เพียงว่าพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี โดยประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการบ้าง หรืออีกแบบหนึ่งก็คือพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีตามมติของสภาผู้แทนราษฎร บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่ผ่านๆ มา แม้ว่าจะมีบทบัญญัติกำหนดว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็ดี สมาชิกวุฒิสภาก็ดี เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย แต่การที่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญไม่ยอมรับนับถือให้สมาชิกวุฒิสภามีสิทธิ์มีส่วนในการเลือกนายกรัฐมนตรี จึงเท่ากับว่าบทบัญญัติที่ว่าสมาชิกวุฒิสภาเ