ข่าวความมั่นคงพระศาสนา วัดหลังศาล



นักธุรกิจจีนมอบ 30 ล้าน สร้างเจดีย์วัดหลังศาล จ.ภูเก็ต
นายจางเจี้ยน หรือ มีชื่อไทย ว่า นายศุภชัย รุจาธร นักธุรกิจเกี่ยวกับซอฟท์แวร์ จากประเทศจีน
        ศูนย์ข่าวภูเก็ต - นักธุรกิจซอฟต์แวร์ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา บริจาคเงินให้วัดเจริญสมณกิจ หรือวัดหลังศาล จังหวัดภูเก็ต เพื่อสร้างเจดีย์หลวงปู่เทศก์ เทสรังสี จำนวน 30 ล้านบาท ขณะที่ก่อนหน้านี้เคยบริจาคมาแล้ว 4 ล้านบาท ในการจัดซื้อที่ดิน 
นักธุรกิจจีนมอบ 30 ล้าน สร้างเจดีย์วัดหลังศาล จ.ภูเก็ต
        เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (16 ก.ย.) ภายในพระอุโบสถ วัดเจริญสมณกิจ หรือวัดหลังศาล อ.เมือง จ.ภูเก็ต ภูเก็ต พระอาจารย์จำรัส จันทโชโต เจ้าอาวาส พร้อมด้วย นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และคณะกรรมการวัด ร่วมต้อนรับคณะพุทธศาสนิกชน ผู้มีจิตศรัทธาจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศมาเลเซีย ที่เดินทางมาร่วมทำบุญทอดผ้าป่าการกุศลนานาชาติที่วัดแห่งนี้ เนื่องจาก นายจางเจี้ยน หรือมีชื่อไทย ว่า นายศุภชัย รุจาธร นักธุรกิจเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ หรือเว็บไซด์ของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งบวชเป็นพระอยู่ที่วัดดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ ได้มอบเงิน จำนวน 30 ล้านบาท เพื่อสมทบทุนสร้างเจดีย์ และเสนาสนะต่างๆ ในวัดเจริญสมณกิจ และก่อนหน้านี้ นายจางเจี้ยน มอบเพื่อจัดซื้อที่ดินบริเวณด้านข้างวัด จำนวน 6 ไร่ มูลค่า 4,000,000 บาท ให้แก่ทางวัดด้วย
นักธุรกิจจีนมอบ 30 ล้าน สร้างเจดีย์วัดหลังศาล จ.ภูเก็ต
        พระอาจารย์จำรัส จันทโชโต เจ้าอาวาสวัดเจริญสมณกิจ กล่าวว่า นายจางเจี้ยน และคณะพุทธศาสนิกชนนานาชาติ มีจิตศรัทธาที่แรงกล้า และเดินทางมาร่วมทำบุญที่วัดนี้อย่างต่อเนื่อง และเขาได้ตัดสินใจบวชเป็นพระภิกษุ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา และได้ฉายาว่า “พระสุคโต” ในขณะนี้ ยังไม่มีกำหนดวันสึกแต่อย่างใด
นักธุรกิจจีนมอบ 30 ล้าน สร้างเจดีย์วัดหลังศาล จ.ภูเก็ต
        ทั้งนี้ นายจางเจี้ยน มีเจตจำนงในการบริจาคเงินสดเพื่อร่วมสมทบทุนก่อสร้างพระเจดีย์หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงท่านที่เป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เผยแผ่ธรรมะในพื้นที่ และยังมีส่วนสร้างเสนาสนะของวัดตั้งแต่ในอดีต สำหรับการสร้างเจดีย์ของวัดนั้นจะใช้งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 40 ล้านบาท
หนีไปป่วนมาเลย์ มาจนมุม-ในไทย
ทลายขบวนการแชร์ลูกโซ่ข้ามชาติจากแดนมังกร ลวงเหยื่อให้สมัครเป็นสมาชิกและหาลูกข่ายต่อ ก่อความเสียหายในจีนไปแล้ว 1.3 พันล้านหยวน หรือ 6 พันล้านบาท หลังทางการจีนออกหมายจับ 10 คน หนีไปเปิดบริษัทลักษณะเดียวกันที่มาเลเซีย ลวงเหยื่อได้เงินอีก 3 พันล้านบาท กำลังขยายเครือข่ายเข้ามาในไทย เข้ามาปลอมบัตรประชาชนไปทำธุรกรรมจนมีทรัพย์สินในครอบครองกว่า 200 ล้านบาท ความแตกเพราะทำตัวเป็นเสี่ยใจปํ้าไปบวชที่วัดใน จ.ภูเก็ต บริจาคเงินสด 2 ครั้ง 34 ล้านบาท ถูกตำรวจสะกดรอยประสานตำรวจจีนและมาเลเซียตามจับได้คาคอนโดฯหรูกลางกรุง 3 คน
ตำรวจจับขบวนการแชร์ลูกโซ่รายใหญ่เปิดเผยขึ้นที่ สตช. เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 28 ต.ค. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รรท.รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รอง ผบช.สยศ. และ ร.ต.อ.สุวนีย์ แสวงผล รองเลขาธิการ ปปง. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมขบวนการแชร์ลูกโซ่ข้ามชาติชาวจีน ก่อความเสียหายทั้งในประเทศจีน มาเลเซีย และไทย ผู้ต้องหาประกอบด้วย นายซ่ง มี่ ชิว ชื่อไทยนายศุภชัย รุจาธร อายุ 37 ปี นายเกิ้ง เหลี่ยนเปา ชื่อไทยนายสุรินทร์ โสภณสุขสันต์ อายุ 27 ปี และ น.ส.วาง เวนฟาง ชื่อไทย น.ส.ปาชัวชิว แซ่ย่าง อายุ 29 ปี พร้อมของกลางเงินสกุลเงินต่างๆ มูลค่า 987,110 บาท หนังสือสัญญาขายที่ดินใน จ.ภูเก็ต 5 ฉบับมูลค่า 22,350,000 บาท โฉนดที่ดิน ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต 2 ฉบับ สมุด บัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ของ น.ส.ปาชัวชิว แซ่ย่าง มีเงินในบัญชี 1,500,000 บาท บัตรประชาชนไทยปลอม 2 ใบ ชื่อนายศุภชัย รุจาธร และ น.ส.ปาชัวชิว แซ่ย่าง
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวว่า การจับกุมขบวนการดังกล่าวเป็นการสนธิกำลังระหว่าง บช.น. บช.ภ.8 และสำนักงาน ปปง. สืบเนื่องจาก ตร.ได้รับรายงานจาก พล.ต.ต.เดชา บุตรน้ำเพชร รรท.ผบช.ภ.8 เกี่ยวกับกลุ่มบุคคลต่างด้าวที่มีพฤติกรรมปลอมแปลงบัตรประชาชน และใช้จ่ายเงินสดจำนวนมากผิดสังเกตในพื้นที่ จ.ภูเก็ต จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รองผบช.สยศ. กับพวก ไปสืบสวนเชิงลึกจนพบว่าน่าจะเป็นขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ลักษณะการกระทำความผิดคือ ใช้บัตรประชาชนปลอมที่ระบุว่า เป็นคน จ.เชียงราย ทำนิติกรรมต่างๆ และรวมตัวกันเป็นเครือข่ายตั้งบริษัทชื่อ หยิน ซู เหม่า จำกัด (YUM SHU MAO หรือ YSML) เป็นธุรกิจลักษณะหาสมาชิกหลอกลวงประชาชนโดยแบ่งหน้าที่กันทำ กลุ่มบุคคลดังกล่าวเคยทำความผิดลักษณะดังกล่าวมาแล้วในประเทศจีน ใช้ชื่อบริษัท YUM SHU MAO (YSML) เช่นกัน มีผู้หลงเชื่อสมัครเป็นสมาชิกกว่า 100,000 ราย มูลค่าความเสียหาย 1.3 พันล้านหยวน หรือประมาณ 6,000 ล้านบาท ทางการจีนได้ออกหมายจับขบวนการดังกล่าวไว้แล้ว
ด้าน พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ กล่าวว่า คดีนี้เป็นการทำงานร่วมกันของตำรวจจีน มาเลเซีย และไทย ผู้ต้องหามีพฤติกรรมหลอกลวงให้เหยื่อสมัครเป็นสมาชิกและให้หาสมาชิกเพิ่ม ทางการจีนออกหมายจับผู้อยู่ในกระบวนการ 10 คน จึงหนีไปเปิดบริษัทลักษณะเดียวกันที่ประเทศมาเลเซีย มีสมาชิกรวม 80,000 คน ค่าเสียหายประมาณ 3,000 ล้านบาท จากนั้นเริ่มเข้ามาในประเทศไทยช่วงเดือน ก.ค. อยู่ระหว่างจดทะเบียนบริษัท โดยส่งทีมงานเข้ามาทำบัตรประชาชนปลอมนำไปซื้อทรัพย์สินในไทย เท่าที่ตรวจสอบพบประมาณ 240 ล้านบาท เรื่องแดงขึ้นเพราะนายซ่ง มี่ ชิว ชื่อในบัตรประชาชนปลอมคือนายศุภชัย ไปบวชที่วัดใน จ.ภูเก็ต แล้วบริจาคเงินให้วัด 4 ล้านบาท ต่อมายังบริจาคเงินเพิ่มอีก 30 ล้านบาท จึงถูกตำรวจ บช.ภ.8 จับตาและรายงานมายัง พล.ต.ท.จักรทิพย์ จัดชุดสืบสวนไปตรวจสอบพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาพบปะกับกลุ่มชาวจีนที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย จึงตามเฝ้าดูพฤติกรรมอยู่ 2 อาทิตย์ ตัดสินใจจับกุมทั้ง 3 คน ได้หน้าคอนโดหรรษา เรสซิเดนซ์ ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน เบื้องต้นดำเนินคดีข้อหาใช้เอกสารราชการปลอม และทางการจีนจะทำเรื่องหมายจับตามมา หลังจากนี้จะพาผู้ต้องหาทั้ง 3 คนไปขยายผลที่ จ.ภูเก็ต
พล.ต.ต.รณศิลป์กล่าวต่อว่า หลังจากนั้น พล.ต.ต.เดชา บุตรน้ำเพชร รรท.ผบช.ภ.8 สั่งการให้ชุดสืบสวนภาค 8 ขยายผลหากลุ่มบุคคลที่มาพบปะผู้ต้องหา พบผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติมคือ น.ส.หลิว กุ้ยจุน (LIU GUIJUN) นายหลิว ไห่จุน (LIU HAIJUN) และนายลู่ ชุนหัว (LU CUNHUA) จึงประสานกับทางการจีนดำเนินคดีต่อ ส่วนผลการตรวจค้นที่ จ.ภูเก็ต จำนวน 9 จุด พบทรัพย์สินเงินสดสกุลต่างๆมูลค่า 5,000,000 บาท โฉนดที่ดิน 9 แปลง มูลค่า 200,000,000 บาท ทองรูปพรรณหนัก 2 กก. มูลค่า 2,200,000 บาท ตู้เซฟ 1 ตู้ รถยนต์โตโยต้า อัลติส สีขาว ทะเบียน กล 1962 ภูเก็ต รถยนต์โตโยต้า พราโด้ สีขาว ทะเบียน กล 1872 ภูเก็ต รถยนต์แลนโรเวอร์ สีขาว ป้ายแดง บัตรประชาชน ไทยปลอมในชื่อนายสุรินทร์ โสภณสุขสันต์ รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 240,000,000 บาท
พล.ต.ต.รณศิลป์กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มผู้ต้องหาเตรียมจะเปิดบริษัทสาขาในพื้นที่ จ.ขอนแก่น และ จ.เลย สำหรับการเข้าเป็นสมาชิกของบริษัทดังกล่าวต้องสมัครสมาชิกทางอินเตอร์เน็ต เสียค่าสมัคร 6,200 บาท จากนั้นคนที่เป็นสมาชิกจะได้ซื้อสินค้าเช่น โทรศัพท์ไอโฟน ไอแพด โน้ตบุ๊ก ซึ่งยังไม่ทราบว่ามีอยู่จริงหรือไม่ในราคาลด 50 เปอร์เซ็นต์ และให้สัญญาว่าจะได้หุ้นของบริษัทเมื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ ระหว่างนั้นจะมีรายได้จากการหาสมาชิกเพิ่มได้แต้มเป็นคะแนน รายได้เหล่านี้จะหมุนเวียนไปเรื่อยๆถ้าสายโซ่ยังไม่ขาด แต่ถ้าหาสมาชิกใหม่ไม่ได้สายโซ่ขาดเงินจะไม่เข้า แต่ในประเทศไทยเพิ่งเริ่มยังไม่เห็นความเสียหายว่ามากน้อยแค่ไหน ในเว็บไซต์ของประเทศมาเลเซียที่ถูกขบวนการนี้เข้าไปก่อเหตุได้มีข้อความเตือนคนไทยเอาไว้ด้วย แต่ในประเทศไทยยังไม่มีการเปิดตัวบริษัท
ด้าน ร.ต.อ.สุวนีย์ แสวงผล รองเลขาธิการ ปปง.กล่าวว่า ปปง.ได้รับการประสานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ร่วมมือกันตรวจสอบเรื่องเส้นทางการเงิน ซึ่ง ปปง.พิจารณาเห็นว่า บุคคลทั้ง 3 คนมีหมายจับของประเทศจีนในประเด็นแชร์ลูกโซ่ ความผิดดังกล่าวเป็นความผิดมูลฐานหนึ่งของกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งในกฎหมายฟอกเงินมีอยู่ข้อหนึ่งระบุไว้ว่า การกระทำความผิดในราชอาณาจักรถือว่าเป็นความผิดหนึ่ง ที่ตรงกับมูลฐานฉ้อโกงประชาชนของประเทศไทย ปปง.จึงมีหน้าที่เข้าไปดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินของบุคคลที่ถูกออกหมายจับ รวมถึงบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง หากพบว่ามีทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดอาจจะดำเนินการยึดทรัพย์ จึงเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง ปปง.กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในอีกมิติ
วันที่ 1 พย. 2557 ข่าวข้อกล่าวหาและข้าพเจ้า สมเกียรติ กาญจนชาติ ได้นมัสการเรียนถาม พระอาจารย์จำรัส ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เกิดจากพระรูปหนึ่งที่เห็นว่ามีการนำปัจจัยมาถวายที่วัดหลังศาลมาก จึงได้ทำการแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ตรวจสอบ และข้าพเจ้าได้รายงานต่อหน่วยงานด้านความมั่นคงให้ทราบแล้ว


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

#พระเครื่องในประวัติศาสตร์ หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร สามารถศึกษาการอนุรักษ์ได้ด้วยตนเอง

#หลวงปู่ทวด องค์ในประวัติศาสตร์ เพื่อหาทุนในการพิทักษ์รักษา โบราณสถาน โบราณวัตถุ ๒๕๖๑

#พระกริ่งปวเรศแท้ในประวัติศาสตร์ไทย บันทึกไว้โดย สมเกียรติ กาญจนชาติ