ในทางพุทธศาสนา พระศิวะเป็นใคร? มีจริงไหม?


"ฉันคืออะไร?"   www.whatami.net  เว็บไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ
หน้า: [1]
 พิมพ์ 
ผู้เขียนหัวข้อ: ในทางพุทธศาสนา พระศิวะเป็นใคร? มีจริงไหม?  (อ่าน 4526 ครั้ง)
phonsak
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: ธันวาคม 08, 2009, 11:01:22 AM »

  

ในทางพุทธศาสนา พระศิวะเป็นใคร? มีจริงไหม? 


พระศิวะ หรือ พระอิศวร ตามความหมายของพราหมณ์ คือ พระเจ้าสูงสุด

พระเจ้าสูงสุด พระพุทธองค์เรียกไปทางมหายานว่า อาทิพุทธเจ้า หรือ พุทธะสูงสุด = อสังขตธาตุ ในนิพพาน พระศิวะเป็นผู้สร้างสิ่งมายาี่ใน 3 ภพ ขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ พระศิวะก็คือพระธรรม เพราะเป็นต้นกำเนิด 3 ภพ 

แต่ผู้ที่เป็นพระธรรมคือ พระพุทธเจ้า เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ พระศิวะจึง = พระพุทธเจ้าองค์ปฐม ซึ่งก็คือ อาทิพุทธเจ้า นั่นเอง แล้วอาทิพุทธก็อวตารลงมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้าต่างๆบนโลก จะเห็นได้จากพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ในพระไตรปิฎกของเถรวาท เล่มที่ 15 ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค หน้า 150 เรื่อง อัคคัญญสูตร ว่า 

" ..... ก็ผู้ใดแลมีศรัทธาในพระตถาคตตั้งมั่น เกิดแต่มูลราก ตั้งมั่นอย่าง มั่นคง อันสมณพราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆ ในโลกให้เคลื่อน ย้ายไม่ได้ ควรจะเรียกผู้นั้นว่า

เราเป็นบุตรเกิดแต่พระอุระเกิดจากพระโอษฐ์ ของพระผู้มีพระภาค เกิดจาก พระธรรม พระธรรมเนรมิตขึ้น เป็น ทายาทของพระธรรมดังนี้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะคำว่า "ธรรมกาย" ก็ดี "พรหมกาย" ก็ดี "ธรรมภูต" ก็ดี "พรหมภูต" ก็ดีเป็นชื่อของพระตถาคต

พรหมสูงสุดก็คือพระศิวะ(พระนารายณ์/พระพรหม) พระศิวะก็คือพระพุทธเจ้าองค์ปฐม โคตมพุทธเจ้าเป็นอวตารภาคหนึ่งของพระองค์(พระธรรม หรือ อาทิพุทธ)

แต่พระศิวะซึ่ง = พระพุทธเจ้านั้น มีพระพุทธเจ้าองค์เดียวที่ไม่ยอมเข้านิพพาน คอยดูแลโลกอยู่ คือ พระอวโลกิเตศวร พระอวโลกิเตศวร เป็นแห่งมหากรุณาคุณของพระพุทธเจ้าทั้งปวง ด้วยเหตุนี้ พระศิวะที่วนเวียนคอยช่วยเหลือสรรพสัตว์ในโลกก็คือ พระอวโลกิเตศวร

คำว่า "อวโลกิเตศวร" มาจากคำสันสกฤตสองคำคือ อวโลกิต กับ อิศวร แปลได้ว่าผู้เป็นใหญ่ที่เฝ้ามองจากเบื้องบน หรือพระผู้ทัศนาดูโลก ซึ่งหมายถึงเฝ้าดูแลสรรพสัตว์ที่ตกอยู่ในห้วงทุกข์นั่นเอง

สรุป

พระศิวะ = พระธรรม = พระพุทธเจ้าองค์ปฐม ซึ่งก็คือ อาทิพุทธเจ้า ท่านอยู่ในพุทธภูมิ และเป็นพุทธะหรือพระธรรมในจิตของเรา

พระศิวะที่วนเวียนใน 3 ภพ คือ พระอวโลกิเตศวร พระองค์ท่านเป็นแห่งมหากรุณาคุณของพระพุทธเจ้าทั้งปวง
บันทึกการเข้า
phonsak
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2009, 11:03:02 AM »

1. หลักฐานว่า : พระศิวะเปรียบเสมือนพระพุทธเจ้า

ในการถกกันระหว่างพระพุทธเจ้า พระสารีบุตร แลพระโพธิสัตว์(มหายาน)อื่นๆ

ท้าวสนังพรหมกุมาร ได้กล่าวกับพระสารีบุตรว่า
“ขอท่านผู้เจริญอย่าได้ปริวิตก แลกล่าวว่าวพุทธเกษตรนี้ไม่บริสุทธิ์เลย ข้อนั้นเพราะเหตุเป็นไฉน ? เพราะเรานั้นได้เห็นความบริสุทธิ์หมดจดแห่งพุทธเกษตรของพระศากยมุนีเจ้า เปรียบดุจทิพยมณเฑียรแห่งพระอิศวรเทพฉะนั้น.”



2. หลักฐานว่า : พระอวโลกิเตศวร คือ พระพุทธเจ้า(พระศิวะ)ที่ไม่เข้านิพพาน


จากคัมภีร์สหัสภุชสหัสเนตรอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ไวปุลยสมบูรณอกิญจนมหากรุณาจิตรธารณีสูตร

พระอานนท์เถระเจ้า ได้ทูลถามพระพุทธองค์ว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระโพธิสัตว์มหาสัตว์พระองค์นี้มีนามอักษราเช่นใดฤๅ ถึงอาจกล่าวแสดงธารณีได้ปานฉะนี้ พระบรมศาสดาตรัสตอบว่า พระโพธิสัตว์องค์นี้มีนามว่า อวโลกิเตศวร, อโมฆบาศโลเกศวร,สหัสประภาเนตร

ดูก่อนกุลบุตร พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์พระองค์นี้ มีฤทธานุภาพไพศาลเหนือการคาดคะเนตรึกคิด ในอดีตกาลล่วงมานับประมาณกัลป์มิได้ มีพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งได้ตรัสรู้พระสรรเพชุดาญาณ พระนามว่า สัทธรรมวิทยาตถาคต ด้วยพระมหาปณิธานที่เปี่ยมด้วยมหากรุณาคุณอันยิ่งใหญ่ จึงมีพุทธประสงค์จะนิรมิตพระโพธิสัตว์จํานวนมหาศาลให้บังเกิดขึ้น เพื่อยังความสุขศานติให้สําเร็จแก่สรรพสัตว์ แต่แล้วจึงบังเกิดเป็นพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์(องค์เดียว )

ด้วยคติตามพระสูตรข้างต้นนี้ จึงเป็นหนึ่งของข้อมูลที่ว่า พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ทรงได้ตรัสรู้พระโพธิญาณมาแสนนานแล้ว โดยอาศัยนัยยะที่ว่าพระสัทธรรมวิทยาตถาคตทรงจะนิรมาณพระโพธิสัตว์จํานวนมหาศาลเพื่อโปรดสัตว์ แต่กลับมีพระอวโลกิเตศวรเพียงพระองค์เดียว
ดังนั้นพระอวโลกิเตศวรจึงเป็นพระภาคหนึ่งของพระสัทธรรมวิทยาตถาคตเจ้าในอดีต ที่เกิดขึ้นจากพระมหากรุณาจิตของพระตถาคตพระองค์นี้นั่นเอง
บันทึกการเข้า
phonsak
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2009, 11:43:13 AM »

หลักฐานว่า : พระศิวะเปรียบเสมือนพระพุทธเจ้า

วิมลเกียรตินิทเทสสูตร ปริเฉทที่ 1 พุทธเกษตร แปลโดยเสถียร โพธินันทะ

ในการถกกันระหว่างพระพุทธเจ้า พระสารีบุตร แลพระโพธิสัตว์(มหายาน)อื่นๆ
ท้าวสนังพรหมกุมาร ได้กล่าวกับพระสารีบุตรว่า

“ขอท่านผู้เจริญอย่าได้ปริวิตก แลกล่าวว่าพุทธเกษตรนี้ไม่บริสุทธิ์เลย ข้อนั้นเพราะเหตุเป็นไฉน ? เพราะเรานั้นได้เห็น ความบริสุทธิ์หมดจดแห่งพุทธเกษตรของพระศากยมุนีเจ้า เปรียบดุจทิพยมณเฑียรแห่งพระอิศวรเทพฉะนั้น.” 
พระสารีบุตรกล่าวว่า “แต่เราเห็นโลกธาตุนี้อุดมไปด้วยขุนเขาหุบเหวสูงต่ำ มีขวากหนามอิฐกรวดดิน ทราย เต็มไปด้วยความโสมมสกปรก.”

ท้าวสนังพรหมจึงว่า “จิตของท่านผู้เจริญสูงต่ำไม่สม่ำเสมอเองต่างหากเล่า ท่านผู้เจริญ! มิได้อาศัยพุทธปัญญาทัศนาโลกนี้ ฉะนั้นจึงเป็นโลกธาตุนี้ว่าไม่สะอาดหมดจด ข้อแต่พระคุณเจ้าสารีบุตร อันพระโพธิสัตว์ย่อมเห็นสรรพสัตว์โดยความเป็นสมภาพ มีจิตอันลึกซึ้งบริสุทธิ์ อาศัยพุทธปัญญาเป็นเครื่องอยู่ ฉะนั้น จึงสามารถทัศนาความบริสุทธิ์ของโลกธาตุนี้ได้.”
พระผู้มีพระภาค จึงกดนิ้วพระบาทลง ณ ผืนปฐพี ในทันใดนั้น มหาตรีสหัสสโลกธาตุ ก็มีอันเปลี่ยนแปลง ปรากฏเป็นรัตนอลังการนับแสนโกฏิประดับประดาแล้ว ประชุมชนทั้งปวงพากันอุทานด้วยความมหัศจรรย์ว่า
“สิ่งที่ไม่เคยมีก็มีขึ้นแล้วหนอ”
ต่างเห็นตนของตนเองนั่งอยู่บนปทุมรัตน์อันเป็นทิพย์

พระผู้มีพระภาคจึงตรัสกับพระสารีบุตรว่า “สารีบุตร! เธอจงทัศนาวิสุทธิคุณาลังการแห่งพุทธเกษตรนี้เถิด.”
พระสารีบุตรทูลว่า “อย่างนี้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สิ่งซึ่งข้อพระองค์มิเคยได้เห็นมาก่อน มิเคยได้ฟังมาก่อน บัดนี้ได้ปรากฏขึ้นแล้วหนอ พุทธเกษตรของพระองค์บริสุทธิ์หมดจดยิ่งนัก.”
บันทึกการเข้า

Owner board
Administrator
Sr. Member
*****

Karma: +3/-0
ID: 3
กระทู้: 320

Level 14 : Exp 48%
HP: 90.9%


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2009, 08:18:34 AM »

     นี่เป็นการนำเอาหลักศาสนาต่างๆมายำเข้าด้วยกัน โดยการคิดคำนวณเอาว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ แล้วสรุปให้เป็นอันเดียวกัน เพื่อจะได้รวมศาสนาต่างๆให้มาเป็นอันเดียวกัน
     โดยมีจุดประสงค์เพื่อตั้งตัวเองเป็นศาสดาคนใหม่ของทุกศาสนา เป็นความคิดที่ก้าวหน้ามากเลย
    แต่ใครจะเชื่อล่ะ? แม้เด็กที่ฉลาดหน่อยยังรู้เลยว่านี่คือ "จอมเพี้ยนลวงโลก"
บันทึกการเข้า
phonsak
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: ธันวาคม 11, 2009, 12:00:29 AM »

ฟ้าเบื้องบนได้ส่งศาสดาในศาสนาต่างๆมาสอนธรรมแก่มนุษย์   แต่ศาสดาเหล่านั้น ก็มีภูมิปัญญาทางธรรมแตกต่างกัน  พระพุทธเจ้าองค์ปฐมเบื้องบนก็ให้ความรู้ในแต่ละเรื่องแตกต่างกัน

โคตมะพุทธเจ้าเป็นผู้รู้มากที่สุด  แต่ท่านก็ไม่ได้สอนทุกเรื่อง  ท่านสอนเรื่องที่จะนำมนุษย์และเทพเข้านิพพานเป็นหลักใหญ่  ด้วยเหตุนี้ มนุษย์จึงต้องพึ่งความรู้ในบางเรื่องจากศาสนาอื่น

ถ้าท่านower board คิดว่าผม"จอมเพี้ยนลวงโลก"   ท่านต้องยกเรื่องใดเรื่องหนึ่งขึ้นมาถก  คำกล่าวใส่ร้ายของท่าน มันไม่มีข้อมูลหลักฐานใดๆเลยว่า ผมเป็น
 "จอมเพี้ยนลวงโลก"

อนึ่ง ผมมั่นใจว่าผมตอบท่านได้ทุกเรื่อง  โดยมีพระสูตรของมหายาน และเถรวาท มายืนยันกับหลักธรรมในศาสนาอื่น

ได้โปรดเถิดยกขึ้นมาถกเลย  อย่ากล่าวหาใส่ร้ายกันลอยๆ
บันทึกการเข้า

Owner board
Administrator
Sr. Member
*****

Karma: +3/-0
ID: 3
กระทู้: 320

Level 14 : Exp 48%
HP: 90.9%


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #5 เมื่อ: ธันวาคม 14, 2009, 10:19:14 AM »

หลักใหญ่ๆที่ทำให้คุณพลศักดิ์ได้รับฉายาว่า "จอมเพี้ยนลวงโลก" ก็เพราะการอ้างอิงตำราพระไตรปิฎก และ การเอาเรื่องอจินไตยมาสอน

พระพุทธเจ้าก็สอนอยู่ว่า อย่าเชื่อเพียงเพระเหตุสักว่า มีตำราอ้างอิง หรือฟังจากคนอื่นเขามา เป็นต้น แต่คุณพลศักดิ์ก็อ้างตำราบ้าง(เช่น เอาจากของมหายานมาผสมปนเปกีบเถรวาททั้งๆที่มันไปคนละทาง และยังเอาจากศาสนาอื่นมายำรวมกันอีก) อ้างตนเองว่าปฏิบัติได้แล้วบ้าง(ทำนองว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษ) แล้วก็ทำตัวเหมือนจะตั้งตัวเองเป็นศาสดาคนใหม่ของทุกศาสนาเลย

อีกทั้งพระพุทธเจ้ายังทรงสอนว่า อย่าไปสนใจเรื่องอจินไตย แต่คุณพลศักดิ์กลับเอาแต่เรื่องอจินไตยมาสอน (ทำตัวเก่งกว่าพระพุทธเจ้า หรือศิษย์ดื้อ ตะแบงไม่เชื่อครูอาจารย์) ทั้งๆที่เรื่องอจินไตยจะทำให้ผู้ศึกษาเดินหลงทางได้ง่ายที่สุด

เอาแค่นี้ก็พอแล้ว เอาตัวให้รอดจากสองเรื่องนี้ให้ได้ก่อน จึงจะพ้นจากฉายาว่า จอมเพี้นลวงโลก ได้
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
 พิมพ์ 
 
กระโดดไป:   

สมัครสมาชิก คลิกที่นี่

ธรรมะวิทยาศาสตร์... ของอัจฉริยะบุคคลระดับสุดยอด...สำหรับบุคคลอัจฉริยะ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

#หลวงปู่ทวด องค์ในประวัติศาสตร์ เพื่อหาทุนในการพิทักษ์รักษา โบราณสถาน โบราณวัตถุ ๒๕๖๑

#พระกริ่งปวเรศแท้ในประวัติศาสตร์ไทย บันทึกไว้โดย สมเกียรติ กาญจนชาติ

#พระเครื่องในประวัติศาสตร์ หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร สามารถศึกษาการอนุรักษ์ได้ด้วยตนเอง