บันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ในหลวง เสด็จฯ ทุ่งมะขามหย่อง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย และทรงติดตามความก้าวหน้าโครงการแก้มลิง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทุ่งมะขามหย่อง เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยของราษฎร ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
วันที่ 25 พฤษภาคม 2555 เวลา 16.45 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลงจากที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินไปทรงสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย ทุ่งมะขามหย่อง ตำบลบ้านใหม่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นการส่วนพระองค์ โดยทรงฉลองพระองค์ชุดทหารบก ซึ่งมีประชาชนไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทส่งเสด็จ จำนวนมาก
เวลา 17.59 น.เสด็จพระราชดำเนินถึงยังพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย โดยมีพสกนิกรในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดใกล้เคียง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จอย่างเนืองแน่นตลอดเส้นทางที่เสด็จพระราชดำเนินผ่าน พร้อมทั้งโบกธง และเปล่งเสียงถวายพระพร "ทรงพระเจริญ" ดังกึกก้องด้วยความปลื้มปีติ ที่เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระพักตร์แจ่มใส และมีพระพลานามัยที่แข็งแรง เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เจ้าพนักงานพระราชพิธี เชิญพวงมาลัยไปถวายสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย
จากนั้นประทับรถยนต์พระที่นั่ง ทอดพระเนตรโดยรอบพระราชานุสาวรีย์ ซึ่งพื้นที่บริเวณแห่งนี้เป็นพื้นที่แก้มลิงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตามที่มีพระราชดำริให้สร้างอ่างเก็บน้ำในพื้นที่รอบพระราชานุสาวรีย์ มาใช้ประโยชน์ตามแนวพระราชดำริ ตลอดจนเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง โดยส่งเสริมให้ราษฎรโดยรอบพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง ทำไร่นาสวนผสมเลี้ยงปลา และเลี้ยงสัตว์แบบผสมผสาน โดยการใช้น้ำจากที่เก็บกักน้ำบริเวณพระราชานุสาวรีย์ ซึ่งจะมีปริมาตรน้ำ 1 ล้านลูกบาศ์กเมตร และสามารถสูบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา เข้ามาเพิ่มเติมได้อีก ในฤดูน้ำหลาก จะสามารถระบายน้ำมากักเก็บไว้เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วม และเมื่อถึงฤดูแล้งก็จะสามารถระบายน้ำออกไปใช้ในการเกษตรตามแนวพระราชดำริ
ต่อจากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้า ผลิตภัณฑ์พื้นบ้านและผลิตผลการเกษตรพระราชานุสาวรีย์ แล้วพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายโฉนดที่ดิน เลขที่ 5009 เนื้อที่ 7 ไร่ 3 งาน ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านใหม่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จลงไปทรงเกี่ยวข้าวเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2539 และพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงิน โดยเสด็จพระราชกุศลสมทบทุนมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปยังศาลากลางน้ำ ทอดพระเนตรขบวนอัญเชิญเครื่องราชสักการะ โดยข้าราชการ ตุลาการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และพสกนิกรชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมจัดถวาย รวมทั้งยังมีขบวนการอัญเชิญพระราชสักการะ เป็นช้าง 11 เชือก โดยอัญเชิญเครื่องราชสักการะบายศรี พานพุ่ม พระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระแสงดาบประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา , การแสดงพื้นบ้าน เพลงเรือเฉลิมพระเกียรติ, วีดิทัศน์ทุ่งมะขามหย่อง "ผืนแผ่นดินแห่งพระมหากรุณาธิคุณ" ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของทุ่งมะขามหย่องพื้นที่ประวัติศาสตร์ ที่ในอดีตเป็นทุ่งกว้างที่สมเด็จพระสุริโยทัย ทรงปกป้องผืนดินอันล้ำค่าแห่งนี้ไว้ เป็นสักขีพยานในการเสียสละของบรรพกษัตริย์ และในปัจจุบันได้กลายเป็นพื้นที่รองรับน้ำเพื่อป้องกันอุทกภัย
โดยเมื่อ 16 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดคันบังคับน้ำ เพื่อส่งน้ำให้เกษตรกร และทรงเกี่ยวข้าวเมื่อปี 2539 รวมถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานความช่วยเหลือแก่ประชาชนด้วยการสละพื้นที่บนทุ่งมะขามหย่องเป็นที่รับน้ำ ทำให้ชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาพ้นจากภัยพิบัติมาได้ ประกอบการบรรเลงขลุ่ย โดยอาจารย์ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี เพื่อเชื่อมเรื่องราวเข้ากับปัจจุบัน ร่วมกับบทกวีของอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ ที่ถ่ายทอดเรื่องราว เพื่อเทิดพระเกียรติ ที่แสดงให้เห็นถึงพระปรีชาญาณ และความเสียสละของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเสียสละพื้นที่ส่วนพระองค์เพื่อเยียวยาคนส่วนรวม ทรงเป็นผู้พระราชทานความหวังให้แก่ชาวไทยในยามทุกข์ยากอย่างแท้จริง , การแสดงขบวนเรือวิถีชีวิต ชาวอยุธยา ทั้ง 30 ลำ บนผืนน้ำในเพลงแผ่นดินทอง เป็นการจำลองภาพการฉลอง ของผู้คนหลังจากผ่านพ้นอุทกภัย แสดงถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอยุธยา ซึ่งได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหลังจากได้รับการเยียวยาจากโครงการแก้มลิงในพระราชดำริ , การแสดงบทเพลงเทิดพระเกียรติ ผู้ปิดทองหลังพระ ที่ขับร้องโดย แอ็ด คาราบาว ประกอบการประมวลภาพพระราชกรณียกิจ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงอย่างหนักเพื่อปวงชนชาวไทย ปิดท้ายด้วยการแสดงบทเพลงสดุดีมหาราชา และเพลงสรรเสริญพระบารมี
ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงขับร้องบทเพลงลาวดวงเดือน ร่วมกับวงดนตรีไทยวงปี่พาทย์ พาทยรัตน์ ถวายซึ่งเป็นเพลงที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงโปรด
ซึ่งการเสด็จพระราชดำเนินครั้งนี้ เป็นพระราชประสงค์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ต้องการทอดพระเนตรพื้นที่ ซึ่งเคยเกิดอุทกภัยอย่างหนักเมื่อปี 2538 แต่สามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้ ด้วยการบริหารจัดการน้ำที่ดี เมื่อปี 2538 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชดำริให้สร้างอ่างเก็บน้ำ เพื่อใช้เป็นแหล่งเก็บกักน้ำในฤดูน้ำหลาก และปล่อยน้ำในฤดูแล้ง ซึ่งในปีนี้ก็ได้เกิดน้ำท่วมใหญ่ในประเทศไทย และพื้นที่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา น้ำกำลังจะทะลักเข้าท่วมนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีรับสั่งให้เปิดประตูอ่างเก็บน้ำ เพื่อให้ระดับน้ำลดลงมา 4 เซนติเมตร และในวันรุ่งขึ้นเมื่อน้ำลดลงมาในระดับปกติ จึงมีรับสั่งให้ปิดประตูอ่างเก็บน้ำทุ่งมะขามหย่อง โดยทรงยอมให้ระบบไฟฟ้าในอ่างเก็บน้ำเสียหาย เพื่อรักษาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมและบริเวณพื้นที่โดยรอบไว้
สำหรับโครงการพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย ทุ่งมะขามหย่องนี้ เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริให้ก่อสร้าง เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2534 ณ วังไกลกังวลหัวหิน เพื่อใช้เก็บน้ำไว้ใช้ในการเพาะปลูกในฤดูแล้งแก่ราษฎรที่มีพื้นที่รอบบริเวณพระราชานุสาวรีย์ ฯ ปัจจุบันโครงการดังกล่าวยังสร้างประโยชน์อย่างใหญ่หลวงในการป้องกันอุทกภัยที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกร แสดงให้เห็นว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรักและทรงห่วงใยต่อชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรอย่างแท้จริง ซึ่งประโยชน์ที่ประชาชนได้รับจากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรินั้น สร้างความสุขให้กับพระองค์เป็นอย่างยิ่ง
วันที่ 25 พฤษภาคม 2555 เวลา 16.45 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลงจากที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินไปทรงสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย ทุ่งมะขามหย่อง ตำบลบ้านใหม่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นการส่วนพระองค์ โดยทรงฉลองพระองค์ชุดทหารบก ซึ่งมีประชาชนไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทส่งเสด็จ จำนวนมาก
เวลา 17.59 น.เสด็จพระราชดำเนินถึงยังพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย โดยมีพสกนิกรในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดใกล้เคียง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จอย่างเนืองแน่นตลอดเส้นทางที่เสด็จพระราชดำเนินผ่าน พร้อมทั้งโบกธง และเปล่งเสียงถวายพระพร "ทรงพระเจริญ" ดังกึกก้องด้วยความปลื้มปีติ ที่เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระพักตร์แจ่มใส และมีพระพลานามัยที่แข็งแรง เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เจ้าพนักงานพระราชพิธี เชิญพวงมาลัยไปถวายสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย
จากนั้นประทับรถยนต์พระที่นั่ง ทอดพระเนตรโดยรอบพระราชานุสาวรีย์ ซึ่งพื้นที่บริเวณแห่งนี้เป็นพื้นที่แก้มลิงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตามที่มีพระราชดำริให้สร้างอ่างเก็บน้ำในพื้นที่รอบพระราชานุสาวรีย์ มาใช้ประโยชน์ตามแนวพระราชดำริ ตลอดจนเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง โดยส่งเสริมให้ราษฎรโดยรอบพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง ทำไร่นาสวนผสมเลี้ยงปลา และเลี้ยงสัตว์แบบผสมผสาน โดยการใช้น้ำจากที่เก็บกักน้ำบริเวณพระราชานุสาวรีย์ ซึ่งจะมีปริมาตรน้ำ 1 ล้านลูกบาศ์กเมตร และสามารถสูบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา เข้ามาเพิ่มเติมได้อีก ในฤดูน้ำหลาก จะสามารถระบายน้ำมากักเก็บไว้เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วม และเมื่อถึงฤดูแล้งก็จะสามารถระบายน้ำออกไปใช้ในการเกษตรตามแนวพระราชดำริ
ต่อจากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้า ผลิตภัณฑ์พื้นบ้านและผลิตผลการเกษตรพระราชานุสาวรีย์ แล้วพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายโฉนดที่ดิน เลขที่ 5009 เนื้อที่ 7 ไร่ 3 งาน ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านใหม่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จลงไปทรงเกี่ยวข้าวเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2539 และพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงิน โดยเสด็จพระราชกุศลสมทบทุนมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปยังศาลากลางน้ำ ทอดพระเนตรขบวนอัญเชิญเครื่องราชสักการะ โดยข้าราชการ ตุลาการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และพสกนิกรชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมจัดถวาย รวมทั้งยังมีขบวนการอัญเชิญพระราชสักการะ เป็นช้าง 11 เชือก โดยอัญเชิญเครื่องราชสักการะบายศรี พานพุ่ม พระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระแสงดาบประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา , การแสดงพื้นบ้าน เพลงเรือเฉลิมพระเกียรติ, วีดิทัศน์ทุ่งมะขามหย่อง "ผืนแผ่นดินแห่งพระมหากรุณาธิคุณ" ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของทุ่งมะขามหย่องพื้นที่ประวัติศาสตร์ ที่ในอดีตเป็นทุ่งกว้างที่สมเด็จพระสุริโยทัย ทรงปกป้องผืนดินอันล้ำค่าแห่งนี้ไว้ เป็นสักขีพยานในการเสียสละของบรรพกษัตริย์ และในปัจจุบันได้กลายเป็นพื้นที่รองรับน้ำเพื่อป้องกันอุทกภัย
โดยเมื่อ 16 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดคันบังคับน้ำ เพื่อส่งน้ำให้เกษตรกร และทรงเกี่ยวข้าวเมื่อปี 2539 รวมถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานความช่วยเหลือแก่ประชาชนด้วยการสละพื้นที่บนทุ่งมะขามหย่องเป็นที่รับน้ำ ทำให้ชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาพ้นจากภัยพิบัติมาได้ ประกอบการบรรเลงขลุ่ย โดยอาจารย์ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี เพื่อเชื่อมเรื่องราวเข้ากับปัจจุบัน ร่วมกับบทกวีของอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ ที่ถ่ายทอดเรื่องราว เพื่อเทิดพระเกียรติ ที่แสดงให้เห็นถึงพระปรีชาญาณ และความเสียสละของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเสียสละพื้นที่ส่วนพระองค์เพื่อเยียวยาคนส่วนรวม ทรงเป็นผู้พระราชทานความหวังให้แก่ชาวไทยในยามทุกข์ยากอย่างแท้จริง , การแสดงขบวนเรือวิถีชีวิต ชาวอยุธยา ทั้ง 30 ลำ บนผืนน้ำในเพลงแผ่นดินทอง เป็นการจำลองภาพการฉลอง ของผู้คนหลังจากผ่านพ้นอุทกภัย แสดงถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอยุธยา ซึ่งได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหลังจากได้รับการเยียวยาจากโครงการแก้มลิงในพระราชดำริ , การแสดงบทเพลงเทิดพระเกียรติ ผู้ปิดทองหลังพระ ที่ขับร้องโดย แอ็ด คาราบาว ประกอบการประมวลภาพพระราชกรณียกิจ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงอย่างหนักเพื่อปวงชนชาวไทย ปิดท้ายด้วยการแสดงบทเพลงสดุดีมหาราชา และเพลงสรรเสริญพระบารมี
ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงขับร้องบทเพลงลาวดวงเดือน ร่วมกับวงดนตรีไทยวงปี่พาทย์ พาทยรัตน์ ถวายซึ่งเป็นเพลงที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงโปรด
ซึ่งการเสด็จพระราชดำเนินครั้งนี้ เป็นพระราชประสงค์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ต้องการทอดพระเนตรพื้นที่ ซึ่งเคยเกิดอุทกภัยอย่างหนักเมื่อปี 2538 แต่สามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้ ด้วยการบริหารจัดการน้ำที่ดี เมื่อปี 2538 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชดำริให้สร้างอ่างเก็บน้ำ เพื่อใช้เป็นแหล่งเก็บกักน้ำในฤดูน้ำหลาก และปล่อยน้ำในฤดูแล้ง ซึ่งในปีนี้ก็ได้เกิดน้ำท่วมใหญ่ในประเทศไทย และพื้นที่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา น้ำกำลังจะทะลักเข้าท่วมนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีรับสั่งให้เปิดประตูอ่างเก็บน้ำ เพื่อให้ระดับน้ำลดลงมา 4 เซนติเมตร และในวันรุ่งขึ้นเมื่อน้ำลดลงมาในระดับปกติ จึงมีรับสั่งให้ปิดประตูอ่างเก็บน้ำทุ่งมะขามหย่อง โดยทรงยอมให้ระบบไฟฟ้าในอ่างเก็บน้ำเสียหาย เพื่อรักษาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมและบริเวณพื้นที่โดยรอบไว้
สำหรับโครงการพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย ทุ่งมะขามหย่องนี้ เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริให้ก่อสร้าง เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2534 ณ วังไกลกังวลหัวหิน เพื่อใช้เก็บน้ำไว้ใช้ในการเพาะปลูกในฤดูแล้งแก่ราษฎรที่มีพื้นที่รอบบริเวณพระราชานุสาวรีย์ ฯ ปัจจุบันโครงการดังกล่าวยังสร้างประโยชน์อย่างใหญ่หลวงในการป้องกันอุทกภัยที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกร แสดงให้เห็นว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรักและทรงห่วงใยต่อชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรอย่างแท้จริง ซึ่งประโยชน์ที่ประชาชนได้รับจากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรินั้น สร้างความสุขให้กับพระองค์เป็นอย่างยิ่ง
ขอบคูณที่ให้ข้อมูลมา ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
ตอบลบขอบคุณที่ให้ขอ้มูลมา และขอพระองค์ทรงพระเจริญ
ตอบลบ