ผู้ตรวจการชี้ปาราชิกในหน้าประวัติศาสตร์

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 20 ก.ค. 2558 ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินแถลงผลการตรวจสอบกรณีพระพุทธอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย และนางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศ (มปปท.) ร้องเรียนขอให้ตรวจสอบนายพชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุด (อสส.) ในขณะนั้น ที่มีคำสั่งถอนฟ้องคดีที่พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ความผิดเกี่ยวกับการลงชื่อตนเองเป็นเจ้าของในการซื้อขายที่ดิน เมื่อปี 2549 และกรณีผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ในฐานะเลขาธิการมหาเถรสมาคม ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยไม่บรรจุวาระการประชุมเกี่ยวกับการอาบัติปาราชิกของพระธัมมชโย ซึ่งถือว่าไม่เป็นไปตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช

นายรักษเกชา กล่าวว่า ผู้ตรวจฯพิจารณาแล้วเห็นว่า การลงชื่อซื้อขายที่ดินในนามตนเองของพระธัมมชโยนั้น เข้าข่ายเป็นความผิดตามพ.ร.บ.คณะสงฆ์ ที่กำหนดว่าหากเป็นทรัพย์สินของวัดก็จะต้องมีการลงทะเบียนของวัดไว้เป็นหลักฐาน ว่าเป็นทรัพย์สินของวัด แม้ต่อมาพระธัมมชโยจะคืนทรัพย์สินดังกล่าว ให้เป็นของวัดแต่ก็ล่วงเลยไปถึง 7 ปี ถือว่าการกระทำของพระธัมมชโยครบองค์ประกอบความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ฐานทุจริต ผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 147 และ157 แม้ภายหลังจะมีการคืนทรัพย์สินให้วัดก็เป็นเพียงการพยายามบรรเทาผลร้ายแห่งความผิดเท่านั้น ไม่อาจถือว่าทำให้การกระทำที่เป็นความผิดอาญาซึ่งสำเร็จไปแล้วกลายเป็นไม่มีความผิด

ในส่วนของสำนักพระพุทธศาสนานั้น หลังจากสมเด็จพระสังฆราชมีพระลิขิต ฉบับลงวันที่ 26 เม.ย. 1 พ.ค. และ 10 พ.ค. 2542 ที่ระบุว่า พระธัมมชโยควรคืนทรัพย์สินให้วัด ซึ่งจะไม่ถือว่ามีโทษเพราะอาจไม่มีเจตนา แต่หากไม่ยอมคืนทรัพย์สินดังกล่าว ถือได้ว่าจงใจเอาทรัพย์สินดังกล่าวเป็นของตัวเอง ถือได้ว่าพระธัมมชโยไม่เป็นสมณะ ย่อมต้องอาบัติปาราชิกขาดจากความเป็นพระภิกษุ ซึ่งพระลิขิตดังกล่าวถือว่าเป็นกฎหมายตามพ.ร.บ.คณะสงฆ์ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการให้เป็นไปตามพระลิขิตดังกล่าว แต่ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาและสำนักงานพระพุทธศาสนาไม่ได้ดำเนินการตามพระลิขิต จึงถือได้ว่าสำนักงานพระพุทธศาสนาละเลย ไม่ใส่ใจต่อการประพฤติผิดพระธรรมวินัยของพระสงฆ์

นายรักษเกชา กล่าวอีกว่า ในวันนี้ผู้ตรวจแผ่นดินจึงมีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อให้พิจารณาตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานพิจารณาว่าการที่นายพชรมีคำสั่งให้ถอนฟ้องเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ อีกทั้งขอให้ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ ชั่วคราว 2557 มาตรา 44 ตั้งคณะกรรมการร่วมสองฝ่าย ประกอบด้วยฝ่ายคฤหัสถ์และบรรพชิต เช่น พระเถระชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งมหาเถรสมาคม ผู้แทนจากสำนักงานพระพุทธศาสนา ผู้แทนจากสนช.และสปช. ผู้แทนจากสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นต้น เพื่อศึกษาประเด็นทางพระธรรมวินัยที่ยังไม่ได้ข้อยุติ และพระธัมมชโยต้องอาบัติปาราชิกตามพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราชหรือไม่ เนื่องจากผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่าจากการสืบพยานหลักฐานนั้น เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายมีความผิดขัดพ.ร.บ.คณะสงฆ์ และพระลิขิตระบุว่าอาบัติปาราชิก จึงต้องเสนอเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเรื่องดังกล่าวต่อไป
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1437382780

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

#พระเครื่องในประวัติศาสตร์ หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร สามารถศึกษาการอนุรักษ์ได้ด้วยตนเอง

#หลวงปู่ทวด องค์ในประวัติศาสตร์ เพื่อหาทุนในการพิทักษ์รักษา โบราณสถาน โบราณวัตถุ ๒๕๖๑

#พระกริ่งปวเรศแท้ในประวัติศาสตร์ไทย บันทึกไว้โดย สมเกียรติ กาญจนชาติ