#พระกริ่งปวเรศแท้ในประวัติศาสตร์ไทย บันทึกไว้โดย สมเกียรติ กาญจนชาติ
#พระกริ่งปวเรศแท้ในประวัติศาสตร์ การอนุรักษ์เชิงประวัติศาสตร์บันทึกไว้โดย สมเกียรติ กาญจนชาติ และ คุณหมอ อธิคม
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.169264189786358.35217.161446187234825&type=3
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.169594319753345.35350.161446187234825&type=3
พระกริ่งปวเรศวัดบวรนิเวศ
|
| ||
โดย athikhom วันที่ 08 ธ.ค. 2553 |
| ||
โดย athikhom |
| ||
โดย athikhom |
| ||
| ||
โดย athikhom |
| ||
| ||
| ||
|
ชุดพระกริ่งในประวัติศาสตร์ไทย ชุด ๔ องค์นี้ มอบให้ท่านที่ศรัทธาบริจาค ๙๙ ล้านบาท
เพื่อหาทุนในการสร้าง อาคารเรียน ๑๐๐ พระชันษา สมเด็จพระญาณสังวร เพื่อการศึกษาในมูลนิธิสิรินธรราชวิทยาลัย ในพระราชูปถัมภ์ ครึ่งหนึ่งทางพิพิธภัณฑ์ภาพพระเครื่องนำไปใช้ในการดำเนินการด้านความมั่นคงและยุทธศาสตร์ชาติ ผู้บริจาคสามารถรับพระกริ่งปวเรศ รุ่นแรก ในประวัติศาสตร์ ได้ที่ท่าน เจ้าคุณพระเทพสารเวที อดีตเลขานุการในสมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศ ทุกองค์มีข้อมูลบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์
พระกริ่งปวเรศ รุ่นแรก ในประวัติศาสตร์เพื่อสืบทอดพระศาสนาของชาติไทย
ประวัติการสร้างพระกริ่งปวเรศ (ข้อมูลประวัติศาสตร์ในการอนุรักษ์)
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ วัดบวรนิเวศวิหาร สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๓ โปรดให้สร้างพระกริ่งปวเรศขึ้น โดยฝีมือของช่างสิบหมู่ หรือช่างหลวง ตั้งแต่ พ.ศ.๒๓๘๒-๒๔๓๔ ตามประวัติมีการจัดสร้าง ๖ ครั้ง ระบุจำนวนให้ทราบเพียง ๒ ครั้ง รวมแล้วได้ ๑๒ องค์ แต่ก็สร้างเพื่อพิธีสำคัญของพระมหากษัตริย์เท่านั้นมีเพียงครั้งที่ ๖ เพื่อฉลองสมณศักดิ์สมเด็จกรมพระยาปวเรศ ที่อาจสร้างแจกเป็นที่ระลึกให้ข้าราชบริพาน พระสกนิกร ในสมัยนั้นแต่ก็ไม่ระบุจำนวนการสร้าง และก็มีหลายแบบพิมพ์ทรง
พระกริ่งปวเรศ ถือว่ามีพลังพุทธนุภาพแรงที่สุด เริ่มมีชื่อเสียงในวงแคบๆ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ เป็นต้นมาถึงยุคของรัชกาลที่ ๕ พระกริ่งที่โด่งดังในอดีตล้วนแต่เป็นพระกริ่งที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) ร่วมอธิษฐานจิต ในวงการพระเครื่องรางที่นับถือว่ามีอานุภาพขลังศักดิ์สิทธิ์เป็นที่รู้จักแพร่หลายในหมู่นักนิยมพระเครื่องปัจจุบัน มีราคาซื้อขายสูงที่สุดในประเภทพระโลหะ
พุทธลักษณะของพระกริ่งปวเรศ เป็นรูปหล่อลอยองค์ ประทับนั่งสมาธิเพชร (วัชรสานะ) เหนืออาสนะบัลลังค์ บัวคว่ำ บัวหงาย ๒ ชั้น ชั้นละ ๗ กลีบ ฐานด้านหลัง ยื่นเล็กน้อย บัวคว่ำ บัวหงาย ชั้นละ ๑ กลีบ พระเกศแบบตุ้มหรือบัวตูม ฐานพระเมาลี ด้านหน้า ปรากฏรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว พระศกแบบตอก “รอยตุ๊ดตู่”ปราศจากไรพระศก ใต้ฐานไม่ปะก้น หรือรอยเจาะก้นสำหรับบรรจุลูกกริ่งเหมือนทั่วๆ ไป แต่กว้านก้นลึก และกว้าง (กว้าง ๑ ซม. ยาว ๑.๖ ซม.)
ประวัติการสร้างพระกริ่งปวเรศ วัดบวรนิเวศ สร้างครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.๒๔๐๔ โดยสมเด็จกรมพระยาปวเรศ ทรงสร้างเพื่อทดแทนพระกริ่งปวเรศทองคำที่หายไป เมื่อ พ.ศ.๒๔๐๓ ในพระราชพิธีมุรธาภิเษกและพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระมหากษัตริย์ (ร.๔) และขณะรัชกาลที่ ๕ พระชนมายุ ๙ พระชันษา เพื่อใช้ในพระราชพิธีเจริญน้ำพระพุทธมนต์ พิธีรับพระสุพรรณบัฏ (พระราชนิพนธ์สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ หน้า ๕๐-๕๑) จำนวนการสร้าง ๓ องค์
การสร้างครั้งที่ ๒ เมื่อ พ.ศ.๒๔๐๙ ในหนังสือตำนานวัดบวรนิเวศ หน้า ๑๔๗ บันทึกไว้ว่า สร้างเพื่อถวายรัชกาลที่ ๔ ในพระราชพิธีที่รัชกาลที่ ๕ ทรงผนวชเป็นสามเณร เป็นที่ระลึกถวายรัชกาลที่ ๔ และรัชกาลที่ ๕ จำนวนการสร้าง ๙ องค์ ในปีนั้นกำลังของปีตกเลข ๙ พอดี
การสร้างครั้งที่ ๓ เมื่อ พ.ศ.๒๔๑๑ ในพระราชนิพนธ์พงศาวดาร ร.๕ หน้า ๓๐-๓๔, หน้า ๔๗, และพระราชพิธีโสกันต์ หน้า ๕๔-๕๕ บันทึกไว้ว่าสร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์ถวายรัชกาลที่ ๕ พระชนมายุ ๑๕ พระชันษา ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ขึ้นครองราชย์สมบัติ โดยมีผู้สำเร็จราชการเจ้าพระยาสีสุริยวงศ์ (ช่วง บุญนาค) กริ่งรุ่นนี้ไม่มีเส้นพระศก และไม่มีส่วนผสมของเนื้อพระพุทธชินสีห์แบบครั้งที่ ๑ และ ๒ เป็นเนื้อสัมฤทธิ์ มี ๓ ชนิด เนื้อสัมฤทธิ์เดช ออกสีแดงแก่ อ่อน, เนื้อสัมฤทธิ์โชติ ออกสีขาว หรือขาวจัด เนื้อสัมฤทธิ์เดช ออกสีเหลือง ส่วนจำนวนการสร้างไม่ได้กล่าวไว้
การสร้างครั้งที่ ๔ เมื่อ พ.ศ.๒๔๑๖ ในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวันในรัชกาลที่ ๕ พ.ศ.๒๔๑๑-พ.ศ. ๒๔๑๖ คณะกรรมการเผยแพร่เอกสารประวัติศาสตร์ สำนักนายกรัฐมนตรีจัดพิมพ์เผยแพร่ พ.ศ.๒๕๑๖ หน้า ๑๒๑-๑๒๙ บันทึกไว้ว่า รัชกาลที่ ๕ ทรงผนวชเป็นพระภิกษุ และบรมราชาภิเษกครองราชย์เป็นครั้งที่ ๒ กริ่งรุ่นนี้ไม่มีการบรรจุลูกกริ่งไว้ กรมพระยาปวเรศ ทรงออกแบบเป็น ๒ แบบ หล่อในคราวเดียวกัน เพื่อทรงถวายในพระราชพิธีทรงผนวช และบรมราชาภิเษกขึ้นครองราชย์สมบัติ สันนิษฐานว่าเป็นกริ่งในเก๋งจีนอยู่ที่วัดบวรนิเวศ ส่วนจำนวนการสร้างไม่ได้กล่าวไว้
การสร้างครั้งที่ ๕ เมื่อ พ.ศ.๒๔๒๖ ในบันทึก สงครามปราบฮ่อสมัย ร.๕ ม.ร.ว.แสงโสม เกษมศรี ประวัติศาสตร์ไทย ปี ๒๕๐๓ ระบุว่า เรียกกริ่งปราบฮ่อ ร.๕ กรมพระยาปวเรศไม่ได้เป็นผู้ออกแบบ ช่างสิบหมู่และโหรหลวงเป็นผู้ออกแบบ ลักษณะ “ปราบฮ่อ” อยู่บนฐานชั้น ๒ ติดกับพระโสณี (ตะโพก) ด้านหลัง “ร.๕” ตัว “ร” หล่อติดระหว่างกลางฐาน ๑ และ ๒ ด้านซ้ายของกลีบบัวหลัง เลข “๕” หล่อติดแนวเดียวกันทางด้านขวาของกลีบบัวหลัง จำนวนการสร้างไม่ได้กล่าวไว้
ส่วนการสร้างครั้งที่ ๖ สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๓๔ ในบรรณานุกรมหอสมุดแห่งชาติ มหามกุฎราชวิทยาลัย หน้า ๕ วรรค ๒ บันทึกไว้ว่า กรมพระยาปวเรศไม่ได้ออกแบบ จัดสร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์ทรงได้รับมหาสมณุตมาภิเษก ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๘ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ออกแบบโดยช่างสิบหมู่ บรมวงศานุวงศ์ และไวยาวัชกรวัดบวรนิเวศ สมัยนั้นจึงมีหลายแบบพิมพ์ทรง บางแบบใช้แม่พิมพ์เก่าก็มี โลหะก็ไม่เหมือนกัน บางองค์ก็แบบพิมพ์ใหม่ รวมทั้งที่อยู่ในขันน้ำมนต์ และยอดไม้เท้าของพระองค์ท่าน จำนวนการสร้างไม่ได้กล่าวไว้ (กริ่งรุ่นนี้วัดสุทัศน์ได้จัดสร้างขึ้นในปี ๒๔๔๓ เรียก “พระกริ่งคู่แฝด” จะต่างกันตรงอุดกริ่ง)
ขอบคุณภาพจากพระครูสังฆวิจารณ์ (พิทยา) ญาณิกว์โส ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศน์เทพวราราม คณะ ๒ กทม.
พระกริ่งปวเรศองค์วัดบวร
สมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เคยมีดำรัสถึงเรื่องพระกริ่งปวเรศนี้ว่า ตำราการสร้างพระกริ่งและตำรามงคลโลหะ ที่มีมาแต่โบราณสืบค้นได้ถึงสมัยสมเด็จพระพนรัตนวัดป่าแก้ว
ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ คือ แม้จะมีการประมาณว่า สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ จะสร้างพระกริ่งปวเรศประมาณ ๓๐ องค์ แต่กลับมีผู้ครอบครองพระกริ่งปวเรศที่ยืนยันว่าเป็นของแท้มากถึงหลักร้อยองค์ ทั้งนี้ หากไล่เรียงจำนวนผู้ครอบครองพระกริ่งปวเรศในปัจจุบันมีกว่ากว่า ๑๐๐ องค์ แต่ละคนล้วนคุยว่าเป็นของแท้ทุกองค์
ความเชื่อและคตินิยม
สำหรับความเชื่อในเรื่อง เครื่องราง ของคนไทย มีมาแต่ครั้งโบราณ ดังจะเห็นได้ในวรรณกรรมที่มีการกล่าวถึงอยู่เสมอๆ โดยเฉพาะ เครื่องราง ที่นักรบใช้ติดตัวในยามออกศึกสงคราม เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้ห้าวหาญไม่เกรงคลัวข้าศึก โดยเชื่อกันว่า เครื่องราง ที่สร้างขึ้นด้วยวิชาไสยศาสตร์ชั้นสูง โดยพระเกจิอาจารย์ผู้มีวิชาอาคมอันเข้มขลัง จะสามารถช่วยคุ้มครองป้องกันภัยรอบตัวได้เป็นอย่างดี
ปัจจุบันนิยมนำมาห้อยคอเป็นเครื่องรางสำหรับคุ้มครองป้องกันและเพื่อความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต
อาราธนาทำ น้ำมนต์ เมื่อเวลาเรารู้สึกดวงไม่ดี มีเคราะห์ หรือเจ็บป่วย นำพระกริ่ง
ปวเรศ หรือพระกริ่ง (องค์แทนพระพุทธเจ้าไภษัชยคุรุไวฑูรย์ประภาสพุทธเจ้า) อาราธนาบารมีของพระองค์ท่านทำน้ำพระพุทธมนต์ ดื่ม รด อาบ กินเพื่อความสวัสดี มีชัยปราศจากโรคภัยและกำจัดปัดเป่าอัปมงคล อันตราย ภัยพิบัติต่างๆ
มวลสารพระกริ่งปวเรศ
แผนการดำเนินการ
๑.นำรายได้ครึ่งหนึ่ง
สร้างอาคารเรียน ๑๐๐ พระชันษา สมเด็จพระญาณสังวร เพื่อการศึกษาในมูลนิธิสิรินธรราชวิทยาลัย ในพระราชูปถัมภ์ ถวาย พระธรรมวราจารย์ (แบน กิตฺติสาโร)
หมายเหตุรายได้ครึ่งหนึ่ง ข้าพเจ้า สมเกียรติ กาญจนชาติ นำไปดำเนินการด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคงของสถาบันพระศาสนา และนำไปลงทุนเพื่อให้เกิดรายได้เข้ากองทุน โดย จัดหาศิลปวัตถุโบราณ ที่มีคุณค่าด้านจิตใจมอบให้ผู้ศรัทธาในการบริจาคในโครงการ เช่น พระพุทธรูป พระเครื่องเก่าที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์เชิงประวัติศาสตร์เพื่อสืบทอดพระศาสนา
วัตถุประสงค์
เพื่อสร้างอาคารเรียน ๑๐๐ พระชันษา สมเด็จพระญาณสังวร เพื่อการศึกษาในมูลนิธิสิรินธรราชวิทยาลัย ในพระราชูปถัมภ์ อันประกอบด้วย มหาวิทยาลัยมหามงกุฎราชวิทยาลัย วิทยาลัยเขตสิรินธรราชวิทยาลัย และศูนย์เด็กก่อนวัยเรียน วิทยาลัยเขตสิรินธรราชวิทยาลัย ใช้เป็นต้นแบบการเรียนรู้และใช้ในทางยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงของพระศาสนา และ ดำเนินการจิตอาสาด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคงของสถาบันพระศาสนา
หลักการและเหตุผล
๑.สร้างความสามัคคีในชาวพุทธ"สามัคคีนี้แหละล้ำเลิศ จักชูชาติเชิดพระศาสนา" จะต้องร่วมใจร่วมกายกันเป็นเอกฉันท์ ด้วยกำลังศรัทธา กำลังกาย กำลังใจ และกำลังทรัพย์เป็นกำลังใหญ่เพื่ออุปถัมภ์พระพุทธศาสนาแทนบุรพชนของพวกเราทั้งหลายที่เคยได้ทำมาแล้วแต่อดีตกาล ไม่ว่าจะเป็นการกุศลใดๆ ที่ไหนก็ตาม หากพวกท่านทั้งหลายได้มีกุศลจิตคิดร่วมใจกันเป็นเอกฉันท์สามัคคีกันเช่นกับการครั้งนี้ นอกจากจะทำงานนั้นๆ ให้สำเร็จลุล่วงไปได้แล้ว ยังทำให้เกิดความสุข ปลื้มปีติอิ่มใจอีกด้วย (จาก การแสดงธรรมหลวงปู่เทสก์ วันที่ ๓ กันยายน ๒๕๐๖ )
๒.ร่วมสร้างสัญลักษณ์ของความดีของจังหวัด เช่น
แสดงให้เห็นว่าทุกศาสนาสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขและสันติ ด้วยเมตตาธรรม
๓.มีกิจกรรมด้านการฝึกอบรมด้านคุณธรรมและจริยธรรม ให้กับเยาวชนในจังหวัด โดยประสานกับหน่วยงานราชการ และมีการบูรณาการกับหน่วยงานภายในจังหวัด ร่วมวางแผนการดำเนินโครงการเพื่อรับฟังข้อเสนอแนะต่างๆในจังหวัด
๔.จารึกชื่อและองค์กรของท่านผู้มีจิตศรัทธาบริจาคทุนในโครงการ ไว้ที่อาคารเรียน ๑๐๐ พระชันษา สมเด็จพระญาณสังวร
ศรัทธาโทรสอบถามได้ที่ สมเกียรติ กาญจนชาติ 084-6514822
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ครับ