#ข้อมูลการฟอกเงินในวงการพระเครื่องไทยและสร้างมูลค่าเกินจริงในประเทศไทย ภัยต่อความมั่นคงของชาติ

การประมูลพระปิดตา หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ หลังแบบ เนื้อผงคลุกรัก จ.ชลบุรี ของนายกำพล วิระเทพสุภรณ์
ผู้ที่ประมูลได้คือ นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร ในราคา 31 ล้านบาท
อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/515071

#ข้อมูลการฟอกเงินและสร้างมูลค่าเกินจริงในประเทศไทย




 #ประจักษ์ความจริงเซียนพระไทย?
#การฟอกเงินค้ามนุษย์
https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_77392

ชีวิตกำพล จากพระ, ชี, หุ้น และฟุตบอล 

การบุกจับ "วิคตอเรีย" ของ “เสี่ยกำพล” กำลังลามไปสู่เรื่องอื่นๆ กระทั่งธุรกิจดั้งเดิมที่เป็นเครื่องปั๊มเงินให้เขามาโดยตลอด

หลายคนบอกว่า “ชูวิทย์ก็เคยทำอาบอบนวด พอขายแล้วดันไปว่าคนอื่น”

ขอบอกก่อนเลยว่า คนอย่างผมไม่เคยกลั่นแกล้งใคร การที่ดีเอสไอไปบุกจับก็เป็นเพราะกำพลดันไป "ขายเด็ก"

แต่อย่างว่าล่ะครับ คนเคยหากินแบบนี้มาก่อน เลยไม่รู้สึกรู้สา

ประวัติ "กำพล" ผมรู้จักดี พวกคนใหญ่คนโตที่คบค้าสมาคมก็ขอให้รู้ไว้

กำพลเริ่มต้นจากการ "ทำเด็กเอเย่นต์ " ส่งตามอาบอบนวดแถวเพชรบุรี ใช้วิธีการเหมาเด็กเข้าในสังกัดด้วยการยื่นเงินกู้ให้เป็นก้อนๆ แล้วให้เด็กทำงานใช้หนี้ แน่นอนว่าต้องบวกดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่นๆ เด็กเหล่านี้ยากที่จะหลุดจากเงื้อมมือกำพล เพราะเงินใกล้หมดก็ให้เงินกู้ก้อนใหม่อีก

หนึ่งในอาบอบนวดเล็กๆบน ถ.เพชรบุรี ที่กำพลเอาเด็กไปส่งคือ "อะตามิ" อาบอบนวดเกรดสองย่านมักกะสัน เป็นสถานที่ทำให้กำพลได้พบกับ "นิภา" ที่ทำงานเป็นแคชเชียร์อยู่ที่นั่น คบหากันจนได้เป็นเมีย ยกให้คุมการเงินและบัญชีจนพลอยถูกหมายจับไปด้วย

กำพลกับนิภาช่วยกันทำมาหากิน เหมาเด็กไปทำที่ "ภูเก็ต" โดยไปได้อาบอบนวดเล็กๆในป่าตอง ใกล้โรงแรม "รอยัลซิตี้" เมื่อเก็บเงินได้พอสมควร ก็กลับมาเหมาตู้ ทำเองที่ "โนอาร์" จนได้ฉายาในวงการว่า “เสี่ยโนอาร์”

ในสมัยนั้นผมเริ่มทำอาบอบนวด แต่ไม่รู้จักทั้ง "กำพล" และ "โกลัก" เพราะอาบอบนวดของผมมีระดับ ไม่เอาพวกทำเด็กส่ง ทุกคนทำงานอิสระ เย็นๆมาทำงานดึกๆกลับเอง ไม่ต้องมีรถตู้มารับมาส่งแบบเด็กของกำพล

เมื่อผมอยากขาย กำพลอยากซื้อ เขาก็ไปรวบรวมเงินจากคนในวงการเมืองมาซื้อผม

ธุรกิจอาบนำ้ต้องทำเป็น ไม่ใช่ทุกคนทำแล้วรวย เพราะต้องคุมเชียร์แขกให้ดี คนที่เป็นเจ้าพ่อในอดีตเคยเตือนผมมาก่อน ท่านนั้นคือ "เสี่ยศุภชัย อัมพุช" สมัยแกรุ่งเรืองเป็นเจ้าของอาบอบนวดกว่าครึ่งของถนนเพชรบุรี

กำพลเรียนรู้การทำอาบอบนวดจนช่ำชอง จึงกลับมาซื้อของผมอีก จากแรกๆที่เป็นคนไม่มั่นใจ กำพลก็มั่นใจขึ้น กว้านซื้ออาบอบนวดที่ผมอยากขายเสียเต็มแก่ โดยมีนิภาเมียรักที่มีอายุมากกว่าเกือบ 10 ปี เป็นคนคุมการเงินและบัญชี แถมยังมีญาติโกโหติกามาร่วมด้วยช่วยงานตามประสาธุรกิจครอบครัว

เมื่อกำพลซื้อของผมครบ 3 แห่ง ก็ทำธุรกิจจนได้เงินมากมาย ก่อนไปสร้างอาบอบนวดของตัวเอง ชื่อ "เดอะลอร์ด" ใหญ่โตมโหฬาร มีห้องสูทไว้รับรองผู้ใหญ่ในทุกวงการ

งานอดิเรกที่ทำเงินให้กำพลมากมายในระยะหลัง คือ "พระเครื่อง" กำพลเล่นพระดังเป็นอันดับต้นๆของเมืองไทย ได้รู้จักนายตำรวจ ทหาร นักการเมือง และ นักธุรกิจใหญ่ พระของกำพลนั้นหากไม่ใหญ่จริง รวยจริง คงซื้อไม่ได้ อย่างพระสมเด็จองค์หนึ่งราคา 10 ล้านอย่างต่ำ

การกระโดดเข้ามาในวงการพระ ทำให้กำพลรู้จักคนรวย คนใหญ่คนโตมากมาย ซึ่งคนเหล่านั้นไม่สนใจว่ากำพลทำอะไรมาก่อน สถานะของกำพลจึงรุ่งเรือง แตกต่างจากผมที่ผู้คนรู้ดีว่ามีความเป็นมาอย่างไร

กำพลคบคนรวย นักธุรกิจ จนไปเจอนักธุรกิจหนุ่มดาวรุ่งพุ่งแรงคนหนึ่ง ที่กำลังเอาธุรกิจของตัวเองเข้าตลาดหลักทรัพย์ และมักพาผู้ใหญ่ในวงการไปใช้บริการที่ “เดอะลอร์ด” อยู่เป็นประจำจนสนิทกับกำพล

จาก ค้าพระ ค้าชี ชีวิตกำพลจึงหันเหเข้าไปค้าหุ้นจากการแนะนำของนักธุรกิจหนุ่มชื่อ "บี" จาก กำพลที่เล่นบอลตั้งโต๊ะ ก็กลายเป็น "กำพล คับฟ้า" นำเงินจากอาบอบนวดกว้านซื้อหุ้นเล็กๆที่มีปัญหาเข้ามาในพอร์ทเพื่อรอเวลา

หุ้นตัวสำคัญที่กำพลถือหุ้นใหญ่สุด คือ Aqua จำนวน 591,406,000 หุ้น (12.88%) มูลค่า 295,703,000 บาท

และบริษัท Aqua นี่แหละ คือผู้สนับสนุนทุนให้กับทีมฟุตบอล “เชียงราย ยูไนเต็ด” กำพลส่งลูกชาย “บิ๊กโจอี้” ธนพล วิระเทพสุภรณ์ เข้าไปเป็นรองประธานสโมสร หวังฟอกขาวตัวเองให้ขาวจั๊วขึ้นไปอีก โดยคบค้าสมาคมกับอดีตนักการเมืองชื่อดัง

แต่ชีวิตกลับพลิกผัน เดินทางมาถึงจุดพลาดตรง “วิคตอเรีย ซีเครท” แม้จะวางแผนไว้ว่าทำสัญญาหลอกๆเพื่อตบตาว่าให้เช่าไปแล้ว และหลังๆกำพลก็ไม่เข้าวิคตอเรียเพื่อให้คนเข้าใจว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้อง นั่งบัญชาการอยู่แต่ที่เดอะลอร์ด

มั่นใจว่าไม่มีอะไรในประเทศไทยที่ “กำพล คับฟ้า” เคลียร์ไม่ได้

หากแต่สัญญาเช่าที่ทำหลอกๆกับ "เชียร์แขก" นั้น แม้จะช่วยให้ “ชื่อ” ไปไม่ถึง และตัวกำพลที่ไม่ได้เข้าวิคตอเรียจะพอตบตาใครได้บ้าง แต่ “เงิน” มันยังเดินทางไปถึงกำพล หากสืบเส้นทางการเงินจะพบได้ชัดเจน

นอกจากโดนคดี “ค้ามนุษย์” 12 ข้อหาแล้ว ยังต้องถูกยึดทรัพย์ เพราะคดีค้ามนุษย์เป็น 1 ใน 26 ความผิดมูลฐานการฟอกเงิน

ขึ้นอยู่กับว่า กำพลจะกล้าเคลียร์ขนาดหมดตู้พระ หมดพอร์ทหุ้นหรือไม่? ไหนๆก็รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่มากมาย ลองดูสิว่าจะต้านกระแสสังคมไหวไหม?

เพราะหากผม “แฉ” ก็คงยากที่จะหยุด

https://m.facebook.com/ChuvitKamolvisit/posts/1724541374259251

#เผยข้อมูลประวัติศาสตร์การฟอกเงินในวงการพระเครื่องไทย?
#พระเครื่องที่เป็นมงคลโดยแท้อยู่ที่ชาวบ้านไม่ใช้เซียนพระ?

เรื่องสะท้านวงการสีกากีประจำปี 2557 หนีไม่พ้นคดีทุจริตเรียกรับผลประโยชน์มหาศาล โดยมี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เป็นหัวหน้าขบวนการใหญ่ ถูกจับพร้อมด้วยลูกน้อง นายตำรวจใน....... อ่านต่อได้ที่ : https://m.posttoday.com/analysis/report/338327







ชำแหละ 8 วิธี "ฟอกเงินร้อน".... 

ขบวนการฟอกเงินพลิกแพลงแยบยลมากขึ้นเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่จะเอื้ออำนวยให้แก๊งมิจฉาชีพลงมือปฏิบัติการเสกเงินเข้ากระเป๋าด้วยวิธีไหนให้เนียนที่สุด คดีการได้ทรัพย์สินมาอันมิชอบของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์.......1.การฟอกเงินโดยใช้ชื่อบุคคลที่คุ้นเคยและว่าจ้างบุคคลอื่นเปิดบัญชี วิธีการนี้ว่าจ้างให้คนรู้จักหรือเพื่อนสนิท เปิดบัญชีธนาคารสำหรับการโอนเงิน โดยมีการทำบัตรเอทีเอ็มไว้พร้อม ซึ่งวิธีการนี้มักจะพบในคดีค้าเสพติดหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์....... 
อ่านต่อได้ที่ 

ปปง. เตรียมจัดมหกรรมขายทอดตลาดทรัพย์สินของเครือข่าย “พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์” ตัดวงจรการฟอกเงิน พร้อมนำเงินคืนสู่แผ่นดิน ระบุล็อตแรกกว่า 20,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 50 ล้านบาทวันนี้ (16 ก.พ.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. พร้อมด้วย พ.ต.ท.หญิงเอมอร ไชยบัวแดง รองเลขาธิการ ปปง. ร่วมกันแถลงข่าว การจัดงานมหกรรมขายทอดตลาด ตัดวงจรฟอกเงิน นำเงินคืนสู่แผ่นดินกว่า 20,000 ชิ้น มูลค่าประเมินเบื้องต้นกว่า 50 ล้านบาท
ซึ่งทั้งหมดเป็นทรัพย์สินของเครือข่าย พ.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในคดีที่ร่วมกันเรียกรับผลประโยชน์จากการแต่งตั้งข้าราชการเรียกรับผลประโยชน์จากธุรกิจผิดกฎหมาย (ค้าน้ำมันเถื่อน) การเปิดบ่อนพนันผิดกฎหมายและฟอกเงิน ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน อาทิ วัตถุโบราณ พระเครื่อง นาฬิกา ชุดถ้วยชาม ชุดเครื่องเงิน ชุดเครื่องแก้ว เฟอร์นิเจอร์ ประติมากรรม และทรัพย์สินมีค่ากว่า 2,000 รายการ จำนวน 20,000 ชิ้น
โดย พ.ต.อ.สีหนาท ระบุว่า ทรัพย์สินที่ยึดและอายัดไว้ในคดีดังกล่าวมีกว่า 3,000 ชิ้น แต่มีกว่า 1,000 ชิ้นที่เป็นทรัพย์สินที่ไม่สามารถขายได้ ซึ่งบางส่วนกรมศิลปากรได้รับไปเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ และทรัพย์สินที่เก็บไว้ได้เพราะไม่เสื่อมราคา เช่น ทองคำ เพชร พลอย อัญมณี ส่วนทรัพย์สินที่นำขายทอดตลาดก่อน เนื่องจากหากเก็บไว้จะเสื่อมราคา
ทั้งนี้ ปปง.จะจัดการขายทอดตลาดทรัพย์ของ พ.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และเครือข่าย เบื้องต้น 2ครั้ง ครั้งที่ 1 เปิดให้ประชาชนเข้าชมทรัพย์สินได้ระหว่างวันที่ 2-3 มี.ค. 2558 และขายทอดตลาดในวันที่ 5-8 มี.ค.2558 ส่วนครั้งที่ 2 กำหนดให้ชมได้ในระหว่างวันที่ 20-21 มี.ค.2558 และขายทอดตลาดในวันที่ 23-26 มี.ค.2558 ที่กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ แจ้งวัฒนะ
“สำหรับประชาชนที่สนใจสามารถเข้าชมทรัพย์สินที่สนใจได้ก่อนวันประมูล โดยทรัพย์ที่มีราคาไม่เกิน 50,000 บาท ต้องจ่ายเป็นเงินสดทั้งหมด ส่วนทรัพย์ที่ราคาเกิน 50,000 บาท ต้องวางเงินจอง 10% ในวันที่ดูทรัพย์จึงจะมีสิทธิเข้าประมูล โดยวันประมูลต้องวางเงินอีก 25% และจ่ายให้ครบทั้งหมดภายใน 15 วัน สำหรับเงินที่ได้จากการประมูลทั้งหมด เมื่อคดีสิ้นสุดจะถูกส่งให้กระทรวงการคลัง แต่หากพิสูจน์ว่าได้มาโดยสุจริตจะส่งคืนให้เจ้าของทรัพย์เป็นเงินพร้อมดอกผล” พ.ต.อ.สีหนาท กล่าว
นอกจากนี้ พ.ต.อ.สีหนาท เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรมปปง. มีมติให้อายัดทรัพย์สินของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กับพวก เพิ่มเติมอีกหลายรายการ พร้อมมีมติ ให้ ปปง.ยื่นเรื่องให้อัยการส่งให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินส่วนแรก ที่ ปปง.อายัดไว้ จำนวน 152 รายการ ตกเป็นของแผ่นดิน ตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 หลังตรวจสอบธุรกรรมการเงินแล้วพบว่า พฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายความผิดมูลฐานฟอกเงิน

แฉ‘กำพล’ไหวทันโยกเงินก่อนถูกอายัด ดีเอสไอพบส่อฟอกเงิน

24 ม.ค.61 พ.ต.อ ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวว่า ดีเอสไอได้ส่งบัญชีทางเงินของนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ และนางนิภา วิระเทพสุภรณ์ สองสามีภรรยา ที่ถูกออกหมายจับในความผิดคดีค้ามนุษย์ รวมถึงบัญชีผู้เกี่ยวข้องกับสถานบริการวิคตอเรีย ซีเครท ไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ให้ช่วยประสานธนาคาร เพื่อให้ช่วยตรวจสอบเส้นทางการเงิน และขออายัดบัญชีดังกล่าวจำนวนกว่า 10 บัญชี รวมวงเงินกว่า 100 ล้านบาท เนื่องจากพบว่ามีโอนเงินออกจากบัญชีไปก่อนที่จะถูกออกหมายจับจำนวนหนึ่ง คาดว่าขณะนี้ ปปง.กำลังดำเนินการ
ส่วนการเข้าไปตรวจสอบสถานบริการอาบอบนวดเครือข่ายของนายกำพล ดีเอสไอไม่ได้รับการประสานจากตำรวจให้ร่วมตรวจ เข้าใจว่าเป็นการตรวจสอบเรื่องการใช้น้ำบาดาล ตามอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ
รายงานข่าวจากดีเอสไอ แจ้งว่า เบื้องหลังที่ดีเอสไอประสานให้ ปปง.ทำการอายัดบัญชีกว่า 10 บัญชี ที่มีเงินกว่า 100 ล้านบาทของนายกำพล เนื่องจากหลังจากเจ้าหน้าที่อายัดเครื่องรูดบัตรเครดิตที่อายัดได้จากอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท ก่อนตรวจสอบพบว่าปลายทางเป็นชื่อบัญชีของนายกำพล และนางนิภา เบื้องต้นอาจเข้าข่ายการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน ของ ปปง. นอกจากนี้ยังพบมีการยักย้ายถ่ายเทเงินออกไปจากบัญชีก่อนทำการอายัดไว้จำนวนมาก

การฟอกเงินในวงการพระเครื่องไทย? และขบวนการนักการเมือง


#ติดตามข้อมูลข่าวสารด้านความมั่นคงของชาติที่

https://www.facebook.com/thaihistory/

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

#พระเครื่องในประวัติศาสตร์ หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร สามารถศึกษาการอนุรักษ์ได้ด้วยตนเอง

#หลวงปู่ทวด องค์ในประวัติศาสตร์ เพื่อหาทุนในการพิทักษ์รักษา โบราณสถาน โบราณวัตถุ ๒๕๖๑

#พระกริ่งปวเรศแท้ในประวัติศาสตร์ไทย บันทึกไว้โดย สมเกียรติ กาญจนชาติ