เรื่องที่ชาวพุทธต้องช่วยกันตรวจสอบ ก่อนสิ้นศรัทธา
คำถามท่ามกลางสายน้ำเชี่ยว
"เงินกองทุนวัดช่วยวัดหายไปไหน"
ทำไมไม่เอามาช่วยน้ำท่วมบ้าง
????????????
อ้า..เขาคงเก็บเอาไว้ช่วยวัดตามชื่อมั๊งครับ
ไม่ได้บอกว่าช่วยน้ำท่วมนิ
ไม่ได้บอกว่าช่วยน้ำท่วมนิ
กองทุนเงิน 'วัดช่วยวัด' หายไปไหน ?
ภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งนี้ เกิดขึ้นมาร่วม 3 เดือนแล้ว ขณะที่ระดับน้ำยังไม่มีทีท่าจะลดลง ส่งผลให้ชาวบ้านที่ยังพอมีแรงอยู่สู้กับน้ำบางส่วนก็เริ่มจะหมดเรี่ยวแรง ...โดยเฉพาะศูนย์พักพิงรากหญ้าอย่าง "วัดแสงสรรค์" ที่มีเพียง สมภาร และลูกวัด 80 ชีวิต คอยดูแลช่วยเหลือชาวบ้านกว่า 30 ชีวิต กำลังจะอ่อนแรงลงเพราะขาดการเหลียวแลจากหน่วยงานรัฐ
ชาวบ้านคลองสอง รังสิต-นครนายก ร้องผ่าน "คม ชัด ลึก” ขอให้ช่วยเหลือพระภิกษุสงฆ์ที่ติดอยู่ในวัดแสงสรรค์ หลังจากถูกน้ำท่วมมานานกว่า 1 เดือนแล้ว ซึ่งระดับน้ำขังสูงสุดอยู่ที่ 2 เมตร จึงได้ประสานความช่วยเหลือเรื่องยานพาหนะไปยังกองทัพไทย เพื่อนำอาหาร น้ำดื่ม และถุงยังชีพกว่า 300 ชุด รวมถึงสุขาเคลื่อนที่ ขับรถขนาดใหญ่ฝ่าน้ำขังที่เชี่ยวและสูง เพื่อนำไปถวายแด่พระภิกษุและมอบให้ชาวบ้านละแวกดังกล่าวด้วย
การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก จากถนนบางนา-ตราด ขึ้นทางด่วนมอเตอร์เวย์ไปลงที่รังสิต-นครนายก คลองห้า ซึ่งปกติจะใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น แต่การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมงเศษ เมื่อไปถึงปากทางเข้าวัด คนขับต้องวัดใจกับถนนที่กลายเป็นทะเลสาบ มองไม่เห็นเส้นขอบถนนตลอด 2 กิโลเมตร ทำให้รถต้องเคลื่อนตัวช้าๆ อย่างระมัดระวัง
เมื่อมาถึง "วัดแสงสรรค์" ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2430 บนพื้นที่ราว 25 ไร่ ถูกน้ำท่วมขังเต็มพื้นที่ 100 เปอร์เซ็นต์ บางจุดน้ำท่วมสูง 2 เมตรครึ่ง "พระกมล" พระลูกวัด บอกว่า ปกติเวลาพระภิกษุที่นี่ออกบิณฑบาต เมื่อกลับมาแล้วจะเอาอาหารที่ได้มาแบ่งไปให้นักเรียนที่ยากไร้ตามโรงเรียนใกล้ๆ กับศูนย์ช่วยเหลือผู้ไร้ที่พักพิงที่คลองห้า เมื่อเกิดน้ำท่วม พระที่วัดและคนที่ได้รับการช่วยเหลือจากวัดในยามปกติจึงได้รับความเดือดร้อนถ้วนหน้ากัน
“ตอนนี้มีพระ 5 รูปลาสิกขาออกไป เพราะต้องไปช่วยเหลือคนที่บ้านจึงเหลือเพียง 80 รูป ตอนน้ำท่วมใหม่ๆ เคยมีเทศบาลนำสิ่งของมามอบให้ แต่ท่านเจ้าอาวาสก็ปฏิเสธ บอกให้เอาสิ่งของไปช่วยเหลือชาวบ้านก่อน ตอนนั้นลูกศิษย์ ญาติโยมที่ไม่ประสบภัยเขาก็เอาสิ่งของมาถวายให้พอฉันและช่วยเหลือชาวบ้านที่มาอาศัยวัดอีกราว 30 คน ตอนนั้นคิดว่าท่วมไม่นาน น่าจะพอสู้ไหว แต่นี่มันนานเกินไป เราจะออกไปขอถุงยังชีพหรือไปตกปลาหาปลาก็ไม่ได้ ชาวบ้านเขาเลยพยายามร้องขอความช่วยเหลือให้มาช่วยพระอย่างที่เป็นอยู่” พระกมลกล่าว
หลังจากที่น้ำเอ่อเข้าท่วมวัดแสงสรรค์ ทางวัดพยายามต่อสู้กับน้ำทำแนวกันดินแต่น้ำท่วมสูงจึงปล่อยให้น้ำเข้าท่วม โดยที่ทางวัดได้รับชาวบ้านไว้ดูแลทั้งเรื่องอาหารการกินและที่พักราว 30 คน โดยยึดกุฏิพระเป็นที่พักพิง เอาศาลาเป็นที่ปรุงอาหารเลี้ยงทั้งพระและชาวบ้าน มื้อเช้าเน้นข้าวต้มเป็นหลัก ส่วนมื้อเพลจะมีปลาเค็ม ส่วนมื้อเย็นก็จะเป็นแกงจืด และไข่เจียว แม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา วัดจะพยายามช่วยเหลือตัวเองมาตลอด แต่น้ำที่ยังท่วมขังอยู่นานกำลังทำให้เสบียงกรังร่อยหรอลงไป พระสงฆ์ตลอดจนผู้คนที่มาอาศัยพักพิงก็เริ่มจะอ่อนแรงหมดกำลังใจลงไปทุกวัน
ด้าน พระครูอนุกูลธัญกิจ เจ้าอาวาส บอกว่า ตั้งแต่บวชมากว่า 40 พรรษา เพิ่งเคยเจอน้ำท่วมมากมายขนาดนี้ ก่อนน้ำท่วมทางราชการก็มาเตือน แต่ไม่เชื่อว่ามันจะท่วม เพราะคิดว่าคลองทวีวัฒนา เป็นคลองหน้าด่านสุดท้ายก่อนที่น้ำจะเข้ากรุงเทพฯ คงไม่ปล่อยให้น้ำเข้ากรุงเทพฯ เลยไม่ได้เตรียมการอะไร แต่สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็น กุฏิจมหายอยู่ใต้น้ำ
"ภัยพิบัติน้ำท่วมในครั้งนี้ ต้องปรับตัวให้อยู่กับสถานการณ์ปัจจุบันให้ได้ ตอนเป็นเด็ก อาตมาจำได้ว่าน้ำท่วมก็ออกหาปลา เอาควายไว้บนดอน แต่ปัจจุบันทุกสิ่งอย่างเปลี่ยนแต่ก็ต้องยึดหลักการช่วยเหลือตัวเองก่อนที่จะรอคอยคนอื่นเพียงอย่างเดียว" พระครูอนุกูลธัญกิจ กล่าว
ตลอดเวลาที่อยู่ร่วมกับน้ำมาร่วม 2 เดือน "พระครูอนุกูลธัญกิจ” ยังมีข้อกังขาอยู่ว่า ตั้งแต่ปี 2545 ทางมหาเถรสมาคม มีการจัดตั้งกองทุน "วัดช่วยวัด” ขึ้นมาโดยหักจากเงินเดือนพระที่ได้รับจากภาครัฐเพื่อเข้ากองทุนดังกล่าวเอาไว้ช่วยเหลือวัดที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย โดยในหลักการจะจ่ายให้วัดที่ประสบภัย 100 บาท ต่อพระ 1 รูป ต่อวันนั้น ขณะที่วัดแสงสรรค์และวัดอื่นใน จ.ปทุมธานี อีกหลายสิบวัด ยังไม่เห็นความชัดเจน หรือการลงมาตรวจสอบข้อมูลจากคณะกรรมการกองทุนดังกล่าวเลย ?!!
การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก จากถนนบางนา-ตราด ขึ้นทางด่วนมอเตอร์เวย์ไปลงที่รังสิต-นครนายก คลองห้า ซึ่งปกติจะใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น แต่การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมงเศษ เมื่อไปถึงปากทางเข้าวัด คนขับต้องวัดใจกับถนนที่กลายเป็นทะเลสาบ มองไม่เห็นเส้นขอบถนนตลอด 2 กิโลเมตร ทำให้รถต้องเคลื่อนตัวช้าๆ อย่างระมัดระวัง
เมื่อมาถึง "วัดแสงสรรค์" ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2430 บนพื้นที่ราว 25 ไร่ ถูกน้ำท่วมขังเต็มพื้นที่ 100 เปอร์เซ็นต์ บางจุดน้ำท่วมสูง 2 เมตรครึ่ง "พระกมล" พระลูกวัด บอกว่า ปกติเวลาพระภิกษุที่นี่ออกบิณฑบาต เมื่อกลับมาแล้วจะเอาอาหารที่ได้มาแบ่งไปให้นักเรียนที่ยากไร้ตามโรงเรียนใกล้ๆ กับศูนย์ช่วยเหลือผู้ไร้ที่พักพิงที่คลองห้า เมื่อเกิดน้ำท่วม พระที่วัดและคนที่ได้รับการช่วยเหลือจากวัดในยามปกติจึงได้รับความเดือดร้อนถ้วนหน้ากัน
“ตอนนี้มีพระ 5 รูปลาสิกขาออกไป เพราะต้องไปช่วยเหลือคนที่บ้านจึงเหลือเพียง 80 รูป ตอนน้ำท่วมใหม่ๆ เคยมีเทศบาลนำสิ่งของมามอบให้ แต่ท่านเจ้าอาวาสก็ปฏิเสธ บอกให้เอาสิ่งของไปช่วยเหลือชาวบ้านก่อน ตอนนั้นลูกศิษย์ ญาติโยมที่ไม่ประสบภัยเขาก็เอาสิ่งของมาถวายให้พอฉันและช่วยเหลือชาวบ้านที่มาอาศัยวัดอีกราว 30 คน ตอนนั้นคิดว่าท่วมไม่นาน น่าจะพอสู้ไหว แต่นี่มันนานเกินไป เราจะออกไปขอถุงยังชีพหรือไปตกปลาหาปลาก็ไม่ได้ ชาวบ้านเขาเลยพยายามร้องขอความช่วยเหลือให้มาช่วยพระอย่างที่เป็นอยู่” พระกมลกล่าว
หลังจากที่น้ำเอ่อเข้าท่วมวัดแสงสรรค์ ทางวัดพยายามต่อสู้กับน้ำทำแนวกันดินแต่น้ำท่วมสูงจึงปล่อยให้น้ำเข้าท่วม โดยที่ทางวัดได้รับชาวบ้านไว้ดูแลทั้งเรื่องอาหารการกินและที่พักราว 30 คน โดยยึดกุฏิพระเป็นที่พักพิง เอาศาลาเป็นที่ปรุงอาหารเลี้ยงทั้งพระและชาวบ้าน มื้อเช้าเน้นข้าวต้มเป็นหลัก ส่วนมื้อเพลจะมีปลาเค็ม ส่วนมื้อเย็นก็จะเป็นแกงจืด และไข่เจียว แม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา วัดจะพยายามช่วยเหลือตัวเองมาตลอด แต่น้ำที่ยังท่วมขังอยู่นานกำลังทำให้เสบียงกรังร่อยหรอลงไป พระสงฆ์ตลอดจนผู้คนที่มาอาศัยพักพิงก็เริ่มจะอ่อนแรงหมดกำลังใจลงไปทุกวัน
ด้าน พระครูอนุกูลธัญกิจ เจ้าอาวาส บอกว่า ตั้งแต่บวชมากว่า 40 พรรษา เพิ่งเคยเจอน้ำท่วมมากมายขนาดนี้ ก่อนน้ำท่วมทางราชการก็มาเตือน แต่ไม่เชื่อว่ามันจะท่วม เพราะคิดว่าคลองทวีวัฒนา เป็นคลองหน้าด่านสุดท้ายก่อนที่น้ำจะเข้ากรุงเทพฯ คงไม่ปล่อยให้น้ำเข้ากรุงเทพฯ เลยไม่ได้เตรียมการอะไร แต่สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็น กุฏิจมหายอยู่ใต้น้ำ
"ภัยพิบัติน้ำท่วมในครั้งนี้ ต้องปรับตัวให้อยู่กับสถานการณ์ปัจจุบันให้ได้ ตอนเป็นเด็ก อาตมาจำได้ว่าน้ำท่วมก็ออกหาปลา เอาควายไว้บนดอน แต่ปัจจุบันทุกสิ่งอย่างเปลี่ยนแต่ก็ต้องยึดหลักการช่วยเหลือตัวเองก่อนที่จะรอคอยคนอื่นเพียงอย่างเดียว" พระครูอนุกูลธัญกิจ กล่าว
ตลอดเวลาที่อยู่ร่วมกับน้ำมาร่วม 2 เดือน "พระครูอนุกูลธัญกิจ” ยังมีข้อกังขาอยู่ว่า ตั้งแต่ปี 2545 ทางมหาเถรสมาคม มีการจัดตั้งกองทุน "วัดช่วยวัด” ขึ้นมาโดยหักจากเงินเดือนพระที่ได้รับจากภาครัฐเพื่อเข้ากองทุนดังกล่าวเอาไว้ช่วยเหลือวัดที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย โดยในหลักการจะจ่ายให้วัดที่ประสบภัย 100 บาท ต่อพระ 1 รูป ต่อวันนั้น ขณะที่วัดแสงสรรค์และวัดอื่นใน จ.ปทุมธานี อีกหลายสิบวัด ยังไม่เห็นความชัดเจน หรือการลงมาตรวจสอบข้อมูลจากคณะกรรมการกองทุนดังกล่าวเลย ?!!
ข่าว : คมชัดลึก
19 พฤศจิกายน 2554
19 พฤศจิกายน 2554
คลองทวีวัฒนาอยู่ผั่งธน กั้นน้ำที่จะเข้าคลองห้าปทุมได้หรือคะ
ตอบลบ