โครงการช่วยชาวนาแห่งชาติ ขอให้มวลมหาประชาชนช่วยแชร์และศึกษา


เรื่อง    โครงการแก้ปัญหาของชาติไทย
เรียน   ท่านเลขาธิการ กปปส. และ สภาประชาชน

สิ่งที่ส่งมา: สำเนาเอกสารข้อมูลต่างๆ            

               เนื่องด้วย ข้าพเจ้า นายสมเกียรติ กาญจนชาติ อดีตที่ปรึกษา คณะอนุกรรมาธิการการศาสนา วุฒิสภาบ้านเลขที่ ๔๔๘/๙๘ อาคารทรัพย์แก้วทาวเวอร์ ถนนประชาอุทิศ ห้วยขวาง กรุงเทพ  ๑๐๓๑๐ ได้ดำเนินโครงการประวัติศาสตร์ความมั่นคงพระศาสนา เพื่อถวายเป็นพระกุศล  แด่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช  สกลมหาสังฆปริณายก เป็นการถวายอาลัยแด่พระองค์  โดยข้าพเจ้าได้กราบเรียน ปรึกษาท่านเจ้าคุณ พระเทพสารเวที เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช โดยได้รับข้อมูลและการแนะนำในเรื่องต่างๆที่ สามารถจะนำไปแก้ปัญหาของชาติได้

โดยขอเสนอเนื้อหาดังต่อไปนี้ เพื่อท่านได้พิจารณาและวิเคราะห์หาแนวทาง การประยุคต์ใช้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและประเทศชาติ

ท่านเจ้าคุณพระเทพสารเวที เลขานุการในสมเด็จพระสังฆราช  ได้ให้ข้อมูลมาประมาณ ๒ ปี
คือ สมัยรัฐบาลทักษิณ ได้พยายามนำศาสนสมบัติของพระศาสนาทั่วประเทศไปเป็นประโยชน์ของตน ร่วมถึงเงินของมูลนิธิของพระศาสนาทั่งประเทศ
เลขานุการสมเด็จพระสังฆราชเห็นว่า ถ้าสามารถนำที่ดินของศาสนสมบัติของวัดทั่วประเทศและเงินของมูลนิธิที่ฝากไว้กับธนาคาร(ไม่ต่ำกว่าเก้าแสนล้านบาท)  มาบริหารจัดการโดย ใช้หลักธรรมของพระศาสนา ตามหลักของเถรวาท คือ ทำให้ประชาชมมีปัจจัยสี่ ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง และมีศีลธรรม ส่งเสริมการศึกษา
โดย สามารถนำที่ดินที่มีทั่งหมดมาจัดสรรที่ทำกินให้แก่ประชาชน และ ช่วยชาวนาได้ สามารถนำเงินของมูลนิธิมาบริหารจัดการแก้ปัญหาหนี้สินของชาวนา ข้อมูลล่าสุดวัดธรรมกายได้เข้าไปยึดวัดร้างสามพันกว่าวัดทั่วประเทศแล้ว
 กปปส และ สภาประชาชน ต้องปกป้องหลักธรรมตามพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า เพื่อการครองแผ่นดินโดยธรรม ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


ภาพประกอบ
                    



                                                                                                                                    
วันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๓๗ วัดป่าบ้านตาด


        



                                                                ภาพนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก

"เปิบข้าวทุกคราวคำ .. จงสูจำเป็นอาจิณ
เหงื่อกูที่สูกิน .. จึงก่อเกิดมาเป็นคน
ข้าวนี้น่ะมีรส .. ให้ชนชิมทุกชั้นชน
เบื้องหลังสิทุกข์ทน .. และขมขื่นจนเขียวคาว
จากแรงมาเป็นรวง .. ระยะทางนั้นเหยียดยาว
จากรวงเป็นเม็ดพราว .. ล้วนทุกข์ยากลำบากเข็ญ
เหงื่อหยดสักกี่หยาด .. ทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น
ปูดโปนกี่เส้นเอ็น .. จึงแปรรวงมาเป็นกิน
น้ำเหงื่อที่เรื่อแดง .. และน้ำแรงอันหลั่งริน
สายเลือดกูทั้งสิ้น .. ที่สูซดกำซาบฟัน

" ภาพชาวนา นั่งกินข้าวโรยพริกป่น " เพราะไม่มีเงินซื้อกับข้าว นิคือความทุกข์ของชาวนา เพราะนโยบายรัฐฯที่โกงกินทำประเทศฉิบหาย ภาพนี้ ทำให้ผม น้ำตาไหล ...เหนื่อยครับน่าสงสารผมมองดูภาพนี้ทั่งวัน ลองคิดดูนะถ้าชาวนาผู้นี้เปน พ่อ,แม่,คุณจะคิดอย่างไร

 ประจักษ์แจ้งที่ ศึกษาข้อมูล วิทยานิพนธ์ด้านความมั่นคงสถาบันพระศาสนา ข้อมูลที่ https://docs.google.com/file/d/0B_nOh0gPsWNSUkVWRG9aQ3pkbmc/edit

       จึงขอกราบเรียนมายังท่าน เพื่อได้นำข้อมูลไปวิเคราห์และพิจารณา ข้าพเจ้ายินดีที่จะทำงานประสานในโครงการที่เสนอมา ให้กับคณะของท่าน
                                                                                        ด้วยความเคารพ
                                                                             
                                                                                    สมเกียรติ กาญจนชาติ
                                                                                     โทร 084-6514822

บทความอ้างอิง

       ธรรมะนำไทยไปโลด : กษิต ภิรมย์

วันที่มวลมหาประชาชนออกมารวมตัวบนท้องถนนกันเพื่อประท้วง คัดค้าน และต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรมที่ไร้ศีลธรรม ไม่เคารพกฎหมาย เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนไทยนั้นมีความเห็นตรงกันว่าจะไม่เกรงกลัวต่อการใช้อำนาจรัฐเถื่อน และไม่อดทนต่ออำนาจเสียงข้างมากอย่างไร้ขอบเขตอีกแล้ว คนไทยได้ประสานเสียงตะโกนว่า พอกันทีกับการเมืองสีเทา ที่ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ เพื่อกอบโกยหาผลประโยชน์เข้าตัวและพรรคพวก โดยไม่คำนึงถึงอนาคตของประเทศชาติ
                จากการคัดค้านกฎหมายนิรโทษกรรมครอบจักรวาลของมวลมหาประชาชน ก็ก่อร่างสร้างตัว พัฒนาไปสู่การต่อสู้เพื่อล้มล้างระบอบทักษิณทุนนิยมสามานย์ ที่ใช้เงิน ใช้อำนาจครอบงำสังคมไทยจนกลายเป็นเผด็จการทรราช นำไปสู่การเรียกร้องอย่างกว้างขวางเพื่อให้มีการปฏิรูปชำระล้างการเมืองน้ำเน่า ที่ฉุดรั้งสังคมประชาธิปไตยของไทยให้ไร้เสถียรภาพ ไร้ความก้าวหน้า และเป็นตัวถ่วงความเจริญของประเทศไทย
                แต่การเรียกร้องต่อสู้ครั้งนี้ มิใช่การต่อต้าน ล้มล้างเผด็จการทุนนิยมสามานย์ เพียงเพราะเหตุผลที่ประชาชนไทยไม่ชอบความเป็นเผด็จการเท่านั้น แต่มันออกมาจากส่วนลึกในหัวใจ ของวิญญูชน ของเสรีชน ที่รังเกียจ ชิงชัง ขยะแขยงการเมืองโสโครก นักการเมืองโสมม พรรคการเมืองหน้าด้าน ไร้คุณธรรม ศีลธรรมและขาดซึ่งจริยธรรม กระทำตนเป็นเสือหิว เป็นเปรตของสังคม เมื่อจิตใจอันดีงาม มุ่งมั่นและสูงส่งของวิญญูชนได้ประสานกันจนเป็นมวลมหาประชาชน เสียงกู่ก้องกังวานว่า พอกันทีได้แล้วกับการเมืองแห่งผลประโยชน์ การเมืองที่นักการเมืองและพรรคการเมืองชั่ว ที่กดขี่ ข่มเหง ข่มขู่ เอารัดเอาเปรียบประชาชนชาวไทยเจ้าของประเทศ เจ้าของอำนาจ จึงได้ถูกเปล่งออกมาลั่นประเทศไทย
                สังคมไทยได้ป่าวประกาศออกมาโดยพร้อมเพรียงกันว่า ไม่เอาแล้ว พวกอำนาจนิยม แต่พวกเขาต้องการธรรมนิยมต่างหาก พวกเขาต้องการให้ธรรมะน้อมนำการใช้อำนาจ ให้เป็นพลังที่จะนำพา และปกครองประเทศไทย
                มวลมหาประชาชนได้แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่า บัดนี้ไม่มีที่ยืนอีกแล้วให้กับผู้ที่อ้างว่าอาสาเข้ามารับใช้ชาติบ้านเมือง แล้วคอยจะจ้องมองหาประโยชน์จากตำแหน่งหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการการเมือง หรือข้าราชการประจำ สังคมไทยนั้นต้องการบุคลากรที่ใสสะอาด พร้อมจะอุทิศกายและปัญญาให้แก่บ้านเมืองเท่านั้น
                ประเทศไทยนั้นแสนจะโชคดีเพราะตั้งอยู่ในดินแดนสุวรรณภูมิที่อุดมสมบูรณ์ ปลอดภัยจากภัยพิบัติธรรมชาติ มีปัจจัยทางเศรษฐกิจที่หลากหลาย อยู่ท่ามกลางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นศูนย์กลางโดยธรรมชาติ  มีศักยภาพมากมาย ประเพณีวัฒนธรรมเป็นเลิศ เป็นที่เลื่องลือ ความพร้อมบริบูรณ์ต่างๆเหล่านี้จะสพรั่งขึ้นมา เมื่อการเมืองมีเสถียรภาพ อันสืบเนื่องมาจากธรรมครอบคลุม เมื่อมีธรรมะอยู่ในใจ อยู่ในการปฏิบัติ อยู่กับการปกครองบ้านเมือง เมื่อนั้นประเทศไทยก็จะไปโลด ไม่มีอะไรจะมาฉุดรั้ง ขวางกั้นได้อีก
ขณะนี้ประเทศไทยอาจจะกำลังชะงัก เศรษฐกิจกำลังติดขัด ชีวิตประชาชนไม่ได้รับความสะดวกสบาย  พวกเราทุกคนต้องอดทน เพราะเรากำลังขจัดสิ่งที่ขวางกั้นความเจริญก้าวหน้าของเราเองมานานนับสิบๆปี นั่นคือการเมืองสามานย์ แล้วเราจะเอาธรรมะเป็นที่ยึดมั่น ธรรมะเป็นใบเบิกทาง ธรรมะเป็นพลัง ซึ่งไม่มีความชั่วร้ายใดจะต้านทานได้
อีกไม่นานเราจะผ่านความไม่สะดวกเหล่านี้ไปได้ และเมื่อนั้น เมื่อธรรมะมาแล้ว ประเทศไทยจะโลดแล่น เฟื่องฟู ระบือไกล กว่าที่เคยพบเคยเห็น              
   

ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ความสำคัญกับเกษตรกรชาวนาชาวไร่ จากโครงการฝนหลวง โครงการชลประทาน และโครงการหลวงมากมาย ก็เพราะพระองค์มีพระราชประสงค์ให้เกษตรกรซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศและยากจนให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พึงตนเองได้ แต่ก็เกิดนักการเมืองชั่วมาทำลายความหวังดีที่พระองค์ทรงทุ่มเทมาทั้งชีวิตของพระองค์หมด ไม่มีเหลือ  

โครงการช่วยชาวนาแห่งชาติ
                  เพื่อถวายเป็นพระกุศล แด่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาปริณายก  และวโรกาสมหามงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระชนมพรรษา ๗ รอบ
หลักการและเหตุผล

        เพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ของชาวนาและเกษตรในประเทศ ในขณะนี้   ข้าพเจ้า นาย สมเกียรติ กาญจนชาติ (NGO) อดีตที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการพิจารณา ติดตาม ตรวจสอบ ส่งเสริมกิจการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปวัฒนธรรมและกฎหมาย วุฒิสภา และคณะทำงาน ได้ประสานกับ ท่านเจ้าคุณ  พระเทพสารเวที ผู้ปฎิบัติหน้าที่เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช  โดยหาทางแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงของชาติ
 โดยได้รับข้อมูลและการแนะนำในเรื่องต่างๆที่ สามารถจะนำไปแก้ปัญหาของชาติได้
โดยขอเสนอเนื้อหาดังต่อไปนี้ เพื่อท่านได้พิจารณาและวิเคราะห์หาแนวทาง การประยุคต์ใช้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและประเทศชาติ ท่านเจ้าคุณพระเทพสารเวที เลขานุการในสมเด็จพระสังฆราช  ได้ให้ข้อมูลมาประมาณ ๒ ปี
คือ สมัยรัฐบาลทักษิณ ได้พยายามนำศาสนสมบัติของพระศาสนาทั่วประเทศไปเป็นประโยชน์ของตน ร่วมถึงเงินของมูลนิธิของพระศาสนาทั่งประเทศ
เลขานุการสมเด็จพระสังฆราชเห็นว่า ถ้าสามารถนำที่ดินศาสนสมบัติของวัดทั่วประเทศและเงินของมูลนิธิที่ฝากไว้กับธนาคาร(ไม่ต่ำกว่าเก้าแสนล้านบาท)  มาบริหารจัดการโดย ใช้หลักธรรมของพระศาสนา ตามหลักของเถรวาท คือ ทำให้ประชาชมมีปัจจัยสี่ ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง และมีศีลธรรม ส่งเสริมการศึกษาโดย สามารถนำที่ดินที่มีทั่งหมดและศาสนสมบัติและที่ราชพัสดุ หมายถึง อสังหาริมทรัพย์อันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินทุกชนิด มาจัดสรรที่ทำกินเพื่อช่วยชาวนารวมถึงเกษตรกรได้ สามารถนำเงินของมูลนิธิมาบริหารจัดการแก้ปัญหาหนี้สินของชาวนา (ข้อมูลล่าสุดวัดธรรมกายได้เข้าไปยึดวัดร้างสามพันกว่าวัดทั่วประเทศแล้ว)
หลักการดำเนินโครงการ  กปปส และ สภาประชาชน ต้องปกป้องหลักธรรมตามพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า เพื่อการครองแผ่นดินโดยธรรม ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ส่งเสริมการอยู่แบบพอเพียง


เป้าหมายระยะยาว 
    เพื่อชาวเหลือชาวนาและเกษตรในประเทศอย่างยังยืน สามารถปกป้องและสืบทอดพระศาสนา โดยแก้ไขปัญหาความมั่นคงของชาติ โดยใช้หลักพระศาสนา เน้นการรักษาพระธรรมวินัย ของพระสงฆ์ในประเทศ ให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่เยาวชนและประชาชนในประเทศไทยทั่วทุกภาคส่วน ได้มีความรู้ เกิดจิตสำนึกในคุณธรรมและจริยธรรม (ศีล๕) โดยยึดหลักธรรมะเป็นใหญ่
เป้าหมายระยะ๑๐ปี  (พศ.๒๕๕๗-๒๕๖๖) เผยแพร่และปลูกฝังแนวคิดโครงการต้นแบบนี้ทั่วประเทศ

ยุทธศาสตร์การดำเนินงาน  

            .ใช้หลักศีล๕ บรรเทาความรุนแรงของสถานการณ์ในสังคมไทย
                 ทั้งประเทศ และฟื้นฟูจิตใจประชาชนในกรณีปัญหาต่างๆในประเทศไทย
                 สร้างพื้นที่โครงการต้นแบบขึ้นที่วัดธรรมยุต ประมาณ 2,000 วัด ทั่วประเทศ
             ๒.วางแผนการในการเผยแพร่เอกสารสื่อ DVD การอบรมพระกรรมฐานและหนังสือนิพนธ์ใน
                 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาปริณายก
             ๓. อบรมธรรม โดย ใช้การบรรยายธรรมกรรมฐาน ของ
                 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาปริณายก
             .พัฒนา ส่งเสริม กิจกรรมทุกจังหวัด และเผยแพร์ข้อมูลข่าวสาร โดยเป็น
                 ช่องทางให้สาธารณชนมีส่วนร่วมในการสนับสนุนโครงการ

กลุ่มเป้าหมาย
             .ชาวนาและเกษตรในประเทศ วัด หน่วยงานราชการ และสถาบันการศึกษา ภาคประชาชน ทั่วประเทศไทย

แนวคิดและรูปแบบการดำเนินงาน

                แนวความคิด กำหนดกิจกรรมในการอบรมสัมมนาเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศในระยะเวลา ๑o ปีข้างหน้า โดยเน้นความร่วมมือและการสนับสนุนจากรัฐบาล กองทัพ หน่วยงานราชการทุกภาคส่วน โดยพันธมิตรทั้งภาครัฐเอกชน ตลอดจนองค์กรพัฒนาสังคม ที่ให้ความสนับสนุนในการทำประโยชน์ เพื่อปฎิรูปประเทศไทยให้เกิดความสงบอย่างยั่งยืนตลอดไป

กิจกรรมในโครงการ 

                 .คณะทำงานและ ข้าพเจ้า นาย สมเกียรติ กาญจนชาติ ประสานท่านเจ้าคุณ พระเทพสารเวที เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ให้ชาวนาและเกษตร ประชาชน หน่วยงานและ สถาบันการศึกษาและนักเรียนที่ได้ในประเทศทราบ และเข้าร่วมศึกษา ได้นำไปปฎิบัติ

งบประมาณ

      เสนอของบประมาณสนับสนุน การดำเนินโครงการ จาก ประชาชนผู้มีจิตศรัทธา องค์กรภาคเอกชน และแก้ไขกฎหมายในการนำศาสนสมบัติและที่ราชพัสดุ หมายถึง อสังหาริมทรัพย์อันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินทุกชนิด มาจัดสรรที่ทำกินเพื่อช่วยชาวนารวมถึงเกษตรกรได้ และนำเงินของมูลนิธิมาบริหารจัดการแก้ปัญหาหนี้สินของชาวนา


 ผลที่คาดว่าจะได้รับ

.สามารถแก้ไขวิกฤตการณ์ของชาวนาและเกษตรในประเทศ สร้างจิตสำนึกที่ดี ให้อยู่ในจิตใจของเยาวชนและประชาชนในชาติอย่างยั่งยืน

.สามารถแก้ไขปัญหาของชาติ ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศมานานได้ เช่น ปัญหายาเสพติด และ การทุจริตคอรัปชั่น และการนำศาสนสมบัติและที่ราชพัสดุ หมายถึง อสังหาริมทรัพย์อันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินทุกชนิด ไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

.ชาวนาและเกษตรในประเทศ จะมีชีวิตที่ดีขึ้น มีความสุข มีรายได้ กินอยู่พอดี ฝึกความรู้จักพอเพียงยึดธรรมะเป็นใหญ่

.ส่งผลดีในแง่ความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจของชาติ  และการพัฒนาสังคม ตลอดจนความมั่นคงของชาติ  อย่างยั่งยืน

         

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

#พระเครื่องในประวัติศาสตร์ หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร สามารถศึกษาการอนุรักษ์ได้ด้วยตนเอง

#หลวงปู่ทวด องค์ในประวัติศาสตร์ เพื่อหาทุนในการพิทักษ์รักษา โบราณสถาน โบราณวัตถุ ๒๕๖๑

#พระกริ่งปวเรศแท้ในประวัติศาสตร์ไทย บันทึกไว้โดย สมเกียรติ กาญจนชาติ