พรปีใหม่ ๒๕๕๗ อำนาจแห่งหัวใจศิวะเทพ
อำนาจแห่งหัวใจศิวะเทพ
โดย ศาสดา อริยไมตรี
หากเราจะมีความรอบรู้สักเพียงใด แต่ไม่เคยรู้ถึงคุณาธิการแห่งหัวใจของตน ก็ไม่ถือว่าเป็นผู้รู้แจ้ง เมื่อหัวใจไร้ความศักดิ์สิทธิ์ก็จะดับสูญ ถือเป็นสัจจะแห่งชีวิตของสรรพสัตว์ที่ไม่มีผู้ใดหลีกพ้น แต่สามารถยืดอายุออกไปได้ โดยการเข้าถึงกลไกมหัศจรรย์แห่งหัวใจ ที่นอกเหนือจากการเห็นเป็นเพียงก้อนเนื้อที่ปั๊มกระแสโลหิต แต่ยังมีความลึกลับไปในหัวใจสรรพสัตว์ คือ จิตวิญญาณ จิต หมายถึง สิ่งที่รู้สึกได้ถึงอารมณ์แห่งการรับรู้ และการปรุงแต่ง วิญญาณ หมายถึง สิ่งที่คิดได้หมายรู้ถึงความทรงจำอันมหัศจรรย์แห่งกลไกของธาตุรู้ เพื่อตองสนองต่อความรู้สึก และอารมณ์ของหัวใจ จะมีใครบ้างที่ให้ความสำคัญกับหัวใจตน พร้อมกับรู้ซึ้งถึงคุณาธิการแห่งหัวใจตนที่ให้ความรู้ ความรัก ความสุข ความทุกข์และความขมขื่น แต่ถ้าปราศจากหัวใจดวงนี้ ความรู้สึกเหล่านี้ก็บังเกิดขึ้นไม่ได้ จะมีสักกี่คนที่สำนึกถึงคุณอันประเสริฐนี้ ตรงกันข้ามผู้คนกลับให้การยอมรับนับถือแต่สิ่งนอกกาย แต่กลับหลงลืมหัวใจของตนที่มีแต่ความเมตตากรุณา โดยไม่แบ่งแยกความดี ความชั่ว แต่จะคงไว้กับการเป็นผู้ให้พลังแห่งชีวิต เมื่อผู้ใดเข้าใจถึงคุณาธิการแห่งหัวใจ ผู้นั้นย่อมพบกับความยิ่งใหญ่แห่งพลังจิตใต้สำนึก สามารถล่วงรู้หัวใจของผู้อื่นดุจใจตน การที่รู้คุณค่าหัวใจของผู้อื่น จึงทำให้ตนดำรงอยู่ในอำนาจแห่งความรัก ความเมตตา เพราะจะรู้ว่าชีวิตนั้นมาก่อนความคิด จึงให้มีความรัก และเมตตาต่อทุกชีวิต และให้ความกรุณาต่อทุกความคิด มีมุทิตาต่อความคิดที่ดีงาม มีอุเบกขาต่อความคิดที่หลงผิด เราเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า พรหมวิหารสี่หัวใจทุกดวงย่อมมีกำหนดระยะเวลาเป็นของตนเอง จะสั้น หรือยาวขึ้นอยู่กับการให้คุณค่า และความสำคัญแก่หัวใจตน หากไม่มีภัยใดมาแผ้วพาน อายุของหัวใจก็จะอยู่ได้ยืนยาวเท่ากับอายุของบิดา มารดา รวมกันหาญสอง ดังนั้นเราทั้งหลายควรก้าวเข้าสู่ยุคที่มีแนวคิดแห่งการบูชาหัวใจ เพื่อจะได้รู้ถึงคุณาธิการอันยิ่งใหญ่แห่งหัวใจมนุษย์ เพราะในที่สุดเราจะผ่านเปลือกแห่งกาย สู่แก่นแห่งหัวใจ เพื่อจะมุ่งเข้าสู่ความจริงแท้อันเป็นบ่อเกิดแห่งสรรพชีวิต นั่นคือแก่นที่ไร้แก่น
สรรพสิ่งทั้งหลายย่อมมีวิญญาณเป็นของตน นั่นคือ พลังแห่งจิตใต้สำนึก ถ้าวิญญาณใดปราศจากหัวใจก็ปราศจากความรู้และไร้ทิศทาง จะเหลือไว้แต่สัญชาตญาณแห่งการเจริญเติบโต เพราะฉะนั้นสรรพสัตว์จึงมีหัวใจ ซึ่งเป็นที่สถิตแห่งจิตวิญญาณเป็นสำคัญ ดังนั้นการสื่อสารใดย่อมออกมาจากหัวใจ สมองเป็นอวัยวะที่อ่านความรู้สึก และอารมณ์ของหัวใจเท่านั้น การสื่อสารกับหัวใจต้องใช้คุณสมบัติของความอ่อน อันเป็นของสูง ตรงกันข้ามกับความแข็งซึ่งเป็นของต่ำ เพราะสิ่งที่ตายแล้วจะแข็ง สิ่งที่มีชีวิตจะอ่อนนุ่ม การเข้าใจถึงหัวใจ หรือพลังแห่งจิตใต้สำนึก ต้องอาศัยความรัก และความอ่อนโยน แต่เมื่อมีศรัทธาในสิ่งใดตนควรจะบูชาสิ่งนั้นด้วยหัวใจ เพราะวิญญาณทั้งหลายที่มีหัวใจจะสามารถสื่อสาร และดลบันดาลให้เป็นไปตามความปรารถนาต่อผู้ที่เข้าถึงกลไกอันมหัศจรรย์แห่งหัวใจนั่นคือความรัก และความรักนั้นเป็นอาวุธของสวรรค์ ผู้ที่ใช้อาวุธของสวรรค์จะไม่มีวันพินาศ ดุจร่างแหแห่งความรัก ถึงแหจะมีตาห่าง แต่ก็ไม่มีสิ่งใดที่จะเล็ดลอดหลุดไปได้ นั่นก็คือ อำนาจแห่งความรักของหัวใจ เพราะไม่มีความรักใดเกิดขึ้นได้โดยปราศจากหัวใจ
การปลดล็อคพลังแห่งจิตใต้สำนึกในมวลสารแห่งรูปทรงอันมหัศจรรย์ของหัวใจให้ตื่นขึ้น ด้วยอำนาจแห่งความรู้ ความเข้าใจในกลไกทางจิตวิญญาณ และเมื่อหัวใจที่ถูกปลดล็อคแล้วจะเกิดพลังอำนาจอันไร้ขีดจำกัด จากนั้นจะสามารถส่งความปรารถนาดัวยความคิดลงไปที่หัวใจตน ผลที่ได้จะทำให้ได้รับพลังอำนาจแห่งความรัก และความเมตตา ทำให้เกิดปฏิกิริยาย้อนกลับจากใจของผู้อื่น อันเนื่องมาจากใจของตนมีพลังอิสระจากจิตใต้สำนึก ที่จะดูดซับความรัก และความเมตตาจากใจของผู้อื่นมาสู่ตน จงร้องขอต่อหัวใจของตนเอง เท่ากับการป้อนคำสั่งสู่จิตใต้สำนึกนั่นเอง
ทั้งหมดนี้คือ กลไกอันมหัศจรรย์แห่งหัวใจที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจของระบบปราสาทส่วนกลาง หรือเรียกว่า ระบบประสาทอัตโนมัติ นั่นก็คือพลังแห่งจิตใต้สำนึกที่สามารถเชื่อมโยงเครือข่ายของหัวใจทุกดวงเข้าด้วยกัน ด้วยความรู้สึกนึกคิดและจินตนาการเป็นสำคัญ ส่วนวิถีชีวิตของแต่ละคนจะเป็นเช่นไรขึ้นอยู่กับไฟในหัวใจมาแต่กำเนิด แต่ไฟแห่งหัวใจนี้สามารถปรับแต่ง หรือพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้ ด้วยอาศัยอำนาจแห่งความรู้ในกลไกอันมหัศจรรย์แห่งหัวใจ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ ก็เนื่องมาจากความบกพร่องของระบบประสาทอัตโนมัติที่มีผลต่อหัวใจ หนทางแห่งการแก้ไขคือการทำสมาธิ แล้วกำหนดความรู้สึกไปที่หัวใจ ระลึกถึงคุณาธิการแห่งหัวใจด้วยความนอบน้อมถ่อมตน และเปี่ยมไปด้วยความรักด้วยความคิดที่มีต่อหัวใจตน ความคิดที่นุ่มนวลเท่านั้นที่จะปรับความสมดุลของหัวใจได้ จงรู้ถึงพลังแห่งหัวใจ ซึ่งก็ด้วยพลังจิตใต้สำนึกที่เป็นผู้สร้างร่างกาย ย่อมมีความเฉลียวฉลาดในการบำบัดรักษาให้ทุเลา หรืออาจหายได้ในที่สุด ขึ้นอยู่กับศรัทธาที่มีต่อพลังอำนาจของหัวใจ ซึ่งเป็นที่สถิตแห่งจิตวิญญาณ หรือพลังใต้สำนึก
เหนือสิ่งอื่นใด เราควรให้จิตสำนึกของเราเรียนรู้แบบอย่างพฤติกรรมของหัวใจที่มีแต่ให้ และเป็นที่พึ่ง และทรงสถิตอยู่ในกายเรา และจงสร้างความฝันให้เป็นความทรงจำแห่งอนาคต เพราะผู้ที่มีความศรัทธาต่อพลังแห่งจิตใต้สำนึกเท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จ และความสำเร็จที่เกิดขึ้นนั้น ก็เนื่องมาจากพลังขับเคลื่อนแห่งหัวใจ จงตอกย้ำความฝัน และความปรารถนากับหัวใจของตนให้บรรลุถึงจิตใต้สำนึก มโนรถของผู้นั้นก็จะปรากฏเป็นจริง เพราะฉะนั้นรูปทรงอันมหัศจรรย์แห่งหัวใจ ถือเป็นเทคโนโลยีชั้นยอดที่ธรรมชาติให้มา จึงนับเป็นประดิษฐกรรมชั้นสูงทางจิตวิญญาณอันหาค่ามิได้ จงพยายามร้องขอต่อหัวใจตนเท่ากับร้องขอต่อความเฉลียวฉลาดอันไร้ขอบเขต อันเป็นเพชรแห่งภูมิปัญญาที่อุบัติขึ้นในกายเรา เพราะหัวใจเท่านั้นที่เป็นองค์คุณแห่งการตรัสรู้ และสิ่งที่พ้นไปจากความเชื่อก็คือความมีอยู่แห่งพลังจิตใต้สำนึกอันศักดิ์สิทธิ์ของหัวใจแห่งรัก
จักรวาลนี้เป็นจักรวาลของหัวใจแห่งรัก เป็นรหัสนัยของวิญญาณดึกดำบรรพ์ หัวใจเป็นอัญมณีแห่งวิญญาณ เป็นวิญญาณแห่งความรักตามกฎแห่งสรวงสวรรค์ เพื่อสร้างสรรค์ความรักให้เป็นหนึ่งเดียวด้วยการสำแดงออกซึ่งความรู้ ถึงความมีอยู่ของเอกภาพแห่งวิญญาณของความรักอันมหัศจรรย์ของพลังจิตใต้สำนึก
ข้อมูลจาก http://www.baanjomyut.com/library_2/power_of_shiva/index.html
สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น ไม่เคยไว้หน้าใครหรอก ไม่ว่าจะเป็นใครหรืออยู่ในตำแหน่งขนาดไหน
http://www.paisarn.com/believeother.htm
ข้อมูลหลักเมือง ที่ http://thaprajan.blogspot.com/2011/04/blog-post.html
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ครับ