ข่าวสถาบันพระศาสนา ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์
มอบ 2 ต่อ !
ต่อแรก "นายกฯยิ่งลักษณ์มอบให้ยงยุทธ รองนายกฯ กำกับดูแลสำนักพุทธ"
ต่อมา "รองนายกฯยงยุทธมอบให้ นพ.สุรวิทย์ รมต.สำนักนายก กำกับสำนักพุทธฯ"
งานพระศาสนาดูไร้ค่าลงไปทุกที เฮ้อ !
นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์
รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ได้รับมอบหมายให้กำกับการบริหารสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
ดัน "แบงค์พุทธ" แหล่งเงินทุนอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา
"นพ.สุรวิทย์” เอาแน่ ตั้ง “แบ๊งค์พุทธ” สั่งสำนักพุทธฯ เร่งนำร่างพ.ร.บ.ธนาคารพระพุทธศาสนามาเสนอ รองอธิการบดีมจร. คาด ใช้งบจัดตั้ง 2 พันล้านบาท หวังเป็นแหล่งเงินทุนอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา
เมื่อวันที่ 4 ก.ย. นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ตามที่ตนได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ตนวางแผนที่จะดำเนินการงานด้านพระพุทธศาสนาใน 3 เรื่องสำคัญ คือ
1. จากการที่ไทยได้รับการยอมรับจากนานาชาติให้เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลกแต่ที่ผ่านมายังไม่มีการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม ตนจึงได้หารือกับนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ และเห็นว่า จะต้องมีการตั้งสำนักงานกลางพระพุทธศาสนาโลกขึ้นที่ประเทศไทย ขณะนี้ตนได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการดำเนินการเรื่องนี้แล้ว และต้องการให้มีการวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างสำนักงานนี้ในวันที่ 5 ธ.ค.เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 84 พรรษา
2. การใช้สื่อในการเผยแพร่เรื่องราวในด้านต่างๆเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ซึ่งในปัจจุบันมีสื่อในลักษณะนี้อยู่มากพอสมควร โดยมีทั้งโทรทัศน์ และวิทยุ ดังนั้นจะให้สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ เป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ข้อมูลให้กับสื่อต่างๆ รวมทั้งส่งเสริมการเผยแพร่ไปยังต่างประเทศด้วย
3. การจัดตั้งธนาคารพระพุทธศาสนา ซึ่งทราบมาว่าขณะนี้มีการร่างพ.ร.บ.ธนาคารพระพุทธศาสนาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจะให้สำนักงานพระพุทธศาสนาฯนำร่าง พ.ร.บ.นี้มานำเสนอตน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและให้สามารถจัดตั้งธนาคารพระพุทธศาสนาได้สำเร็จ
นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ธนาคารพระพุทธศาสนามีอยู่เพียง 1 ฉบับ โดยเป็นร่าง พ.ร.บ.ธนาคารพระพุทธศาสนา ที่ร่างโดยคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ในรัฐบาลชุดที่แล้ว ซึ่งในขณะนั้นมีนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลัง เป็นประธานคณะกรรมาธิการการศาสนาฯ นำเสนอไปยัง นพ.สุรวิทย์
อย่างไรก็ตามเนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงจำเป็นที่จะต้องนำร่าง พ.ร.บ.นี้เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ที่มีสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน เพื่อขอความเห็นชอบก่อน
ด้านพระครูปลัดสุวัฒนจริยคุณ รองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแผ่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) ในฐานะที่ปรึกษาคณะทำงานกองทุนพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งดำเนินการร่าง พ.ร.บ.ธนาคารพระพุทธศาสนา กล่าวว่า หลังจากที่ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวต้องถูกพับเก็บไปก่อนเนื่องจากมีการยุบสภาไป แต่ขณะนี้มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เรียบร้อยแล้วจึงจะมีการเสนอร่าง พ.ร.บ.นี้อีกครั้ง โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคเพื่อไทย 20 คน ลงนามที่จะเสนอร่าง พ.ร.บ. นี้แล้ว ซึ่งตามหลักกฎหมาย เมื่อมี ส.ส.ลงนาม 20 คน จะทำให้สามารถเสนอออกกฎหมายได้
สำหรับร่าง พ.ร.บ. นี้จะมีทั้งหมด 63 มาตรา มีวัตถุประสงค์ คือ เพื่อให้เป็นแหล่งทุนในการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาเป็นหลัก ไม่มุ่งเน้นในเชิงธุรกิจเท่ากับธนาคารทั่วไป ทั้งยังจะมีการพิจารณาปล่อยเงินกู้ให้ผู้ที่มีคุณธรรมศีลธรรม ซึ่งจะมีการใช้ทุนประเดิมในการจัดตั้ง 2,000 ล้านบาท แยกเป็นทุนจากรัฐบาล 1,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 1,000 ล้านบาท จะมาจากการกระจายหุ้นของธนาคาร ทั้งนี้ การดำเนินงานของธนาคารพระพุทธศาสนาจะเน้นช่วยเหลือคนรากหญ้า ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ รวมทั้งต้องการให้พระสงฆ์พุทธศาสนิกชนมีแหล่งเงินทุนในการนำไปอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง หากวัดบางแห่งไม่มีงบประมาณในการบูรณะ พัฒนาวัดก็จะได้มีแหล่งเงินทุนสนับสนุนอย่างชัดเจน แต่จะไม่แย่งลูกค้าของธนาคารแห่งอื่นๆ อย่างแน่นอน
ข่าว : คมชัดลึก
05 กันยายน 2554
05 กันยายน 2554
'จารย์บำรุงฟันธง !
"ยิ่งลักษณ์อยู่ไม่ถึงสิ้นปี"
แนะอภิสิทธิ์ "คิดรีเทิร์นต้องกล้าเสี่ยง"
อา..เมื่อผ้าเหลืองแบ่งค่ายการเมือง จะเกิดอะไรขึ้น ?
พระครูวิจิตรสุธาการ หรือพระอาจารย์อำนวย วัดวังค้างคาว ลพบุรี หมอดูประจำตระกูลชินวัตร ทั้งดูดวงทั้งเชียร์ดวง ก่อนจะฟันธงว่า "หนูปูจะอยู่นานจนอายุ 60"
พระธรรมเสนานุวัตร (บำรุง ฐานุตฺตโม ป.ธ.7) เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ หรือวัดใหญ่-วัดพระพุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลกสองแคว รองเจ้าคณะภาค 5 ซึ่งเคยสร้างวีรกรรม "เทศน์ไล่คนเสื้อแดงพ้นวัดใหญ่" ในปี 2552 ที่ผ่านมา วันนี้ เจ้าคุณบำรุงสวมบทกุนซือพรรคประชาธิปัตย์ สั่งสอนอภิสิทธิ์"ถ้าคิดการใหญ่ต้องใจถึง" พร้อมกับบอกใบ้ "ยิ่งลักษณ์ไปได้ไม่กี่น้ำ" ที่น่าสนใจก็คือท่านพูดว่า "ถ้าอภิสิทธิ์ได้กลับมาเป็นนายกฯ ก็ขอให้ ช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมด้วย"
อืม..มันแปลกดีนะ ก็ยิ่งลักษณ์เขาเพิ่งเข้ามาเป็นรัฐบาลใหม่ๆ จะขออะไรก็ควรขอกับรัฐบาลสิ แต่นี่ไปขอกับฝ่ายค้านมันจะสำเร็จไปได้อย่างไร ? จะรักใครชอบใครก็ไม่น่าจะเลยเถิดจนปานนั้น เป็นถึงรองเจ้าคณะภาค พูดออกมาอย่างนี้ก็เสียรังวัดหมดซีฮะ หรือว่าไหนๆ ก็เคยเทหน้าตัก "ไล่แดงพ้นวัด" มาแล้ว วันนี้จะขอคืนดีกับพรรคเพื่อไทยคงไม่ง่าย จารย์บำรุงเลยขีดเส้นเป็นพระจีวรเหลืองให้รู้เหลืองรู้แดงกันไปเลย
แต่..แต่ท่านอาจจะมีตาทิพย์จริงๆ ก็ได้ เพราะท่านบอกแล้วไงว่ายิ่งลักษณ์อยู่ได้ไม่เกินสิ้นปี หรืออย่างช้าก็ต้นปีหน้า ดังนั้น ที่ท่านขอกับพรรคประชาธิปัตย์ไว้น่ะคงเห็นว่าไม่ไกลเกินฝัน ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า ระหว่างหมอดูวังค้างคาว (ลพบุรี) กับวังจันทร์ (พิษณุโลก) ใครจะแน่กว่าใคร ?
ว่าแต่ท่านพระธรรมปัญญาภรณ์ เจ้าคณะภาค 5 ว่ายังไงฮะ ? ไหนเห็นโฆษกมหาเถรสมาคมประกาศว่า "ห้ามพระสงฆ์ฝักใฝ่ในทางการเมือง" น่ะ หรือว่าห้ามเฉพาะพระเด็กๆ เท่านั้น พอพวกผู้ใหญ่เป็นเสียเองก็เป่าสาก มิน่า "พระผู้ใหญ่ปากพล่อยๆ" จึงมากขึ้นทุกวัน
เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุฯ จ.พิษณุโลก แนะ มาร์ค หากได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องกล้าเสี่ยงและทำงานช่วยเหลือประชาชนให้รวดเร็ว...
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และ ส.ส.ของพรรค กว่า 30 คนได้เดินเท้าไปยังวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เพื่อกราบนมัสการ พระพุทธชินราช สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งระหว่างทางที่เดินเท้าไปนั้น มีประชาชนให้การต้อนรับ รุมขอถ่ายรูปตลอดทางที่ก่อนถึงวัด
โดยหลังจากที่กราบนมัสการ นายอภิสิทธิ์ และคณะได้พากันออกมาถ่ายรูปร่วมกันที่บริเวณหน้าพระอุโบสถ จากนั้นได้เดินทางไปกราบนมัสการ พระธรรมเสนานุวัตร พิพัฒน์กิจจานุยุต เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร รองเจ้าคณะภาค 5 นานประมาณ 20 นาที ซึ่งในการเข้ากราบนมัสการครั้งนี้ พระธรรมเสนานุวัตร ได้กล่าวกับ นายอภิสิทธิ์ถึงปัญหาความเดือดร้อนจากการเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ จ.พิษณุโลก สุโขทัย และพิจิตร ว่า หากได้กลับมาอีก ขอให้ทำในเรื่องการขุดลอกแม่น้ำยม และขุดสร้างแม่น้ำสายใหม่ที่สามารถไปเชื่อมแม่น้ำยมให้ได้ เพราะจะช่วยระบายน้ำในพื้นที่ของภาคเหนือทั้ง 3 จังหวัดดังกล่าว โดยไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างเขื่อนใดๆ ขึ้นมาอีก และตรวจตรารักษาระบบการระบายน้ำให้ดี พร้อมกันนี้ ยังได้แนะนำว่า หากได้กลับมาเป็นนายกฯต้องกล้าทำ
พระธรรมเสนานุวัตร ยังกล่าวต่อว่า เชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้ จะอยู่ถึงเดือนธันวาคมหรือไม่ ก็ไม่รู้ หรืออย่างช้าก็เดือนเมษายน เป็นเพราะนโยบายที่รัฐบาลทำไว้ ผลจะออกมาให้ประชาชนได้เห็น เช่น กองทุนน้ำมันที่คาดว่าจะเกิดปัญหาแน่นอน จึงขอฝากนายอภิสิทธิ์ว่า หากได้กลับมาเป็นนายกฯอีก ต้องเป็นคนกล้า ต้องเสี่ยง หมดแล้วหมดไปไม่ต้องห่วง ต้องทำทันที อย่างรวดเร็ว ต้องเป็นคนต้องรู้จักหน้าที่ ต้องเข้าใจประชาชน คอยดูแลและต้องมีบริวารที่สำคัญ ต้องใช้ปัญญา
โดยจะฝาก 3 ข้อไว้ให้คิด คือ 1.เป็นคนเก่ง 2. เป็นคนดี 3. ทำอย่างไรให้ประชาชนมีความสุข โดยการเป็นคนดีจะต้องมี จริยธรรมและคุณธรรม เมื่อเป็นคนดีและมีคุณธรรมก็จะทำให้ประชาชนมีความสุข คนที่เป็นนายกฯต้องคิด ต้องปรับปรุง หากเป็นคนเก่งด้วยมีคุณธรรมด้วยจะเป็นสิ่งที่ดี นอกจากตัวเองจะมีความสุข ประชาชนก็มีความสุขด้วยเหมือนกัน ควรเอาธรรมะของพระพุทธเจ้า มาช่วยในการทำงาน โดยจะต้องตีธรรมะให้แตก
และก่อนที่ นายอภิสิทธิ์ จะลากลับ พระธรรมเสนานุวัตร ได้มอบพระพุทธชินราช(ใบเสมา) องค์สีน้ำตาลแดงให้นายอภิสิทธิ์ด้วย 1 องค์ โดยภายหลังนายอภิสิทธิ์ ได้สั่งให้คนสนิท นำพระองค์ดังกล่าวกลับไปคืน เพราะเกรงว่าจะมีราคาเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และ ส.ส.ของพรรค กว่า 30 คนได้เดินเท้าไปยังวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เพื่อกราบนมัสการ พระพุทธชินราช สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งระหว่างทางที่เดินเท้าไปนั้น มีประชาชนให้การต้อนรับ รุมขอถ่ายรูปตลอดทางที่ก่อนถึงวัด
โดยหลังจากที่กราบนมัสการ นายอภิสิทธิ์ และคณะได้พากันออกมาถ่ายรูปร่วมกันที่บริเวณหน้าพระอุโบสถ จากนั้นได้เดินทางไปกราบนมัสการ พระธรรมเสนานุวัตร พิพัฒน์กิจจานุยุต เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร รองเจ้าคณะภาค 5 นานประมาณ 20 นาที ซึ่งในการเข้ากราบนมัสการครั้งนี้ พระธรรมเสนานุวัตร ได้กล่าวกับ นายอภิสิทธิ์ถึงปัญหาความเดือดร้อนจากการเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ จ.พิษณุโลก สุโขทัย และพิจิตร ว่า หากได้กลับมาอีก ขอให้ทำในเรื่องการขุดลอกแม่น้ำยม และขุดสร้างแม่น้ำสายใหม่ที่สามารถไปเชื่อมแม่น้ำยมให้ได้ เพราะจะช่วยระบายน้ำในพื้นที่ของภาคเหนือทั้ง 3 จังหวัดดังกล่าว โดยไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างเขื่อนใดๆ ขึ้นมาอีก และตรวจตรารักษาระบบการระบายน้ำให้ดี พร้อมกันนี้ ยังได้แนะนำว่า หากได้กลับมาเป็นนายกฯต้องกล้าทำ
พระธรรมเสนานุวัตร ยังกล่าวต่อว่า เชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้ จะอยู่ถึงเดือนธันวาคมหรือไม่ ก็ไม่รู้ หรืออย่างช้าก็เดือนเมษายน เป็นเพราะนโยบายที่รัฐบาลทำไว้ ผลจะออกมาให้ประชาชนได้เห็น เช่น กองทุนน้ำมันที่คาดว่าจะเกิดปัญหาแน่นอน จึงขอฝากนายอภิสิทธิ์ว่า หากได้กลับมาเป็นนายกฯอีก ต้องเป็นคนกล้า ต้องเสี่ยง หมดแล้วหมดไปไม่ต้องห่วง ต้องทำทันที อย่างรวดเร็ว ต้องเป็นคนต้องรู้จักหน้าที่ ต้องเข้าใจประชาชน คอยดูแลและต้องมีบริวารที่สำคัญ ต้องใช้ปัญญา
โดยจะฝาก 3 ข้อไว้ให้คิด คือ 1.เป็นคนเก่ง 2. เป็นคนดี 3. ทำอย่างไรให้ประชาชนมีความสุข โดยการเป็นคนดีจะต้องมี จริยธรรมและคุณธรรม เมื่อเป็นคนดีและมีคุณธรรมก็จะทำให้ประชาชนมีความสุข คนที่เป็นนายกฯต้องคิด ต้องปรับปรุง หากเป็นคนเก่งด้วยมีคุณธรรมด้วยจะเป็นสิ่งที่ดี นอกจากตัวเองจะมีความสุข ประชาชนก็มีความสุขด้วยเหมือนกัน ควรเอาธรรมะของพระพุทธเจ้า มาช่วยในการทำงาน โดยจะต้องตีธรรมะให้แตก
และก่อนที่ นายอภิสิทธิ์ จะลากลับ พระธรรมเสนานุวัตร ได้มอบพระพุทธชินราช(ใบเสมา) องค์สีน้ำตาลแดงให้นายอภิสิทธิ์ด้วย 1 องค์ โดยภายหลังนายอภิสิทธิ์ ได้สั่งให้คนสนิท นำพระองค์ดังกล่าวกลับไปคืน เพราะเกรงว่าจะมีราคาเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
การเมืองไทยๆ ที่อ็อกซ์ฟอร์ดไม่มีสอน
อดีตนายกฯต้องตะลอนไปขอเรียนตามศาลาวัด
เจ้าอาวาสวัดใหญ่บอก รบ.อยู่ไม่ถึง ธ.ค.-เม.ย.นี้ แนะ "มาร์ค" ต้องกล้าทำงานกล้าเสี่ยง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 3 กันยายน ระหว่างการสัมมนาพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยบรรดาผู้บริหารและ ส.ส.พรรค จำนวนหนึ่งได้เดินเท้าจากโรงแรมท็อปแลนด์ไปยังวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.พิษณุโลก เพื่อกราบนมัสการพระพุทธชินราช
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในการเข้ากราบนมัสการครั้งนี้พระธรรมเสนานุวัตร ได้กล่าวกับนายอภิสิทธิ์ ถึงปัญหาความเดือดร้อนจากการเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ จ.พิษณุโลก สุโขทัย และพิจิตร ว่า หากได้กลับมาอีกขอให้ทำในเรื่องการขุดลอกแม่น้ำยม และขุดสร้างแม่น้ำสายใหม่ที่สามารถไปเชื่อมแม่น้ำยมให้ได้เพราะจะช่วยระบายน้ำในพื้นที่ 3 จังหวัดที่กล่าวมา และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างเขื่อนขึ้นมาใหม่ดูพระธรรมเสนานุวัตรแลการระบายน้ำให้ดี
นอกจากนี้ พระธรรมเสนานุวัตร ยังได้กล่าวว่า เชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้จะอยู่ถึงเดือนธันวาคมหรือไม่ ก็ไม่รู้ หรืออย่างช้าก็เดือนเมษายน เป็นเพราะนโยบายที่รัฐบาลทำไว้ ผลจะออกมาให้ประชาชนได้เห็น เช่นกองทุนน้ำมันที่คาดว่าจะเกิดปัญหาแน่นอน จึงขอฝากนายอภิสิทธิ์ว่า หากได้กลับมาเป็นนายกฯอีก ต้องเป็นคนกล้า ต้องเสี่ยง หมดแล้วหมดไปไม่ต้องห่วง ต้องทำทันที อย่างรวดเร็ว ต้องเป็นคนรู้จักหน้าที่ ต้องเข้าใจประชาชน คอยดูแล และต้องมีบริวาร ที่สำคัญต้องใช้ปัญญา โดยจะฝาก 3 ข้อไว้ให้คิด คือ 1.เป็นคนเก่ง 2.เป็นคนดี 3.ทำอย่างไรให้ประชาชนมีความสุข
ทั้งนี้ ก่อนที่นายอภิสิทธิ์จะลากลับ พระธรรมเสนานุวัตรได้มอบพระพุทธชินราช (ใบเสมา) องค์สีน้ำตาลให้นายอภิสิทธิ์ด้วย 1องค์ แต่หลังจากทราบว่าราคาพระมีมูลค่าเกิน 3 พันบาท ก็ได้ให้คนสนิทนำไปมอบคืนให้กับเจ้าอาวาส
ข่าว : ไทยรัฐ-มติชน
04 กันยายน 2554
04 กันยายน 2554
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ครับ