ปาฎิหารย์ แห่ง สมเด็จพระสังฆราช ที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้า ?
ปาฏิหารย์...แห่งสมเด็จพระสังฆราชฯ
วัดบวรนิเวศวิหาร บางลำพู กรุงเทพฯ ในห้วงเช้าอากาศครึ้ม สายหมอกโปรยปรายบางเบา จิตแจ่มใสมาก และได้หวนระลึกถึงพระคุณของพระอาจารย์ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พระองค์เป็นพระภิกษุที่สำรวมในจริยวัตรอันงดงามยิ่ง
ปีนี้พระองค์มีพระชนมายุ ๙๘ ชันษาแล้ว แต่ผิวพรรณบารมีของพระองค์ยังผ่องใสและเป็นที่ปีติยินดีแด่ผู้ที่ได้เฝ้ากราบอยู่เสมอ พระองค์ไม่เคยทรงทอดทิ้งธุระในกิจการสงฆ์เลย ให้ความสนพระทัยสม่ำเสมอ แม้ในกาลปัจจุบันนี้ก็ยังทรงปฏิบัติของพระองค์อย่างเงียบๆ เรียบง่ายเสมอมา ทรงเป็นพระภิกษุที่ปฏิบัติกรรมฐานควบคู่กับการศึกษาทางด้านปริยัติธรรมมาแต่ครั้งเป็นพระหนุ่มเณร ดังนั้น จิตของพระองค์จึงมากด้วยอานุภาพอะไรบางอย่างที่น่าพิศวงนัก
แต่เรื่องราวในห้วงทำนองนี้น้อยนักที่จะมีผู้ใดนำมากล่าวถึง สิ่งที่นำมาเขียนเล่าสู่กันฟังในคราวนี้ ส่วนหนึ่งได้ฟังจากผู้ที่สนองงานพระองค์มาหลายสิบปี หลายท่านหลายคน ทั้งผู้ที่เป็นบรรพชิตและฆราวาส
คงจำได้ข่าวใหญ่หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเมื่อหลายสิบปีก่อน ไฟไหม้ที่บางลำพู หลังวัดบวรนิเวศ ซึ่งตรงนั้นชาวบ้านอาศัยกันอยู่อย่างเนืองแน่ ไฟได้เริ่มลุกขึ้นโหมแดง เสียงรถน้ำของตำรวจหลายสิบคันมุ่งหน้ามาที่ซอยนี้ แต่ทว่ายังเข้าไม่ได้เพราะซอยเล็กมาก
มีเรื่องเล่ากันว่า ในวันนั้นพระองค์ทรงประทับอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร ไม่มีภารกิจเสด็จไปไหน เมื่อทรงทราบข่าวว่ามีไฟไหม้หลังวัด ทรงดำเนินลงจากพระตำหนักมาทอดพระเนตรไปยังจุดที่เกิดเหตุอย่างจิตใจที่ตั้งมั่น ไม่มีผู้ใดทราบได้ว่าพระองค์ทรงดำริอะไร แม้แต่พระผู้ที่ติดตามในวันนั้น นายตำรวจที่ติดตามในวันนั้นเองก็ไม่ทราบ
แต่ความอัศจรรย์ของอานุภาพแห่งธรรมได้ปรากฏ เมื่อพระองค์ละสายตาจากการทอดพระเนตรที่เพ่งมองด้วยจิตตั้งมั่นแล้วไม่ช้าไม่นาน ไฟที่ลุกโชตินั้นค่อยๆ สงบลงอย่างช้าๆ ทีละน้อยทีละน้อย ทั้งที่รถน้ำยังไม่ได้ทำการฉีดน้ำสักหยด
ข่าวได้แพร่สะพัดไปอย่างอื้ออึงว่า ท่านเจ้าประคุณสมเด็จอธิษฐานจิตดับไฟหลังวัดบวรนิเวศ เพื่อช่วยเหลือผู้ที่อยู่อาศัย นี่ก็นับได้ว่าเป็นความอัศจรรย์ของอานุภาพแห่งธรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งจะปรากฏและมีได้ต่อผู้ที่มีศีลและธรรมอันบริสุทธิ์
พระองค์เคยตรัสสอนเหล่าภิกษุนวกะบ้างพอสังเขปในเรื่องลักษณะเหตุแห่งธรรม ทรงตรัสว่า หากเรามีศีลบริสุทธิ์ มีสมาธิที่สงบ จิตตั้งมั่นดีแล้ว อะไรๆ ก็ปรากฏเกิดขึ้นได้ สิ่งเหล่านั้นก็เป็นธรรมะชนิดหนึ่งเหมือนกัน
ด.ต.ปัญญา เกิดท้วม ตำรวจในสังกัดกองปราบปราม มีหน้าที่ถวายการอารักขาด้านการจราจร ในการเสด็จสนองงานต่อพระองค์มาหลายสิบปี เล่าให้ฟังว่า ผู้ใดก็ตามที่ได้มากราบพระองค์แล้วจะมีความรู้สึกเป็นสุข สงบ และร่มเย็นในจิตใจเป็นพิเศษ เชื่อเหลือเกินว่าคงเป็นเพราะอำนาจแห่งบารมีธรรมของพระองค์ท่าน แม้วันนี้ก็ยังทรงเป็นผู้ที่บารมีธรรมอันยิ่ง ทรงสุขภาพแข็งแรง รับรู้เหตุการณ์ต่างๆ ทั้งหลายอย่างดี เพียงแต่ทรงเคลื่อนไหวพระองค์ช้าลง คิดว่าเป็นเรื่องปกติของผู้สูงอายุที่เป็นเหมือนๆ กัน
พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีของพระภิกษุยิ่งนัก ทรงแสดงออกถึงสิ่งที่เป็นไปตามพระธรรมวินัย ในบางคราวทรงพบกับพระเถระที่มีพรรษามากกว่าแต่ทางด้านสมณศักดิ์น้อยกว่า พระองค์ก็ทรงกราบพระเถระรูปนั้นโดยยึดถือตามหลักพระธรรมวินัย ตามที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติมากกว่าสมณศักดิ์ เรื่องราวปาฏิหาริย์แห่งสมเด็จยังมีอีกมาก
มีเรื่องเล่ากันว่า ในคราวที่นำเอาพระบรมสารีริกธาตุนั้นมาบรรจุเอาไว้ พระองค์ประทับอยู่ด้านหน้าของเจดีย์มิได้เสด็จขึ้นไปดู เพียงแต่ให้พระสงฆ์องค์เณรและช่างเป็นผู้อัญเชิญขึ้นไปประดิษฐาน โดยมีกระเช้าเป็นพาหนะนำขึ้นไป
ครั้นเมื่ออัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุไปบรรจุแล้วเสร็จก็ปิดพระเจดีย์ จึงเสด็จกลับกรุงเทพฯ ในระหว่างทางนั้นพระองค์ประทับนั่งสมาธิมาโดยตลอด จนเกือบถึงกรุงเทพฯ ทรงตรัสว่า "พรุ่งนี้ต้องกลับไปที่วัดญาณฯ ใหม่อีกครั้ง เพราะอัญเชิญวางพระบรมสารีริกธาตุไม่ตรง"
เมื่อเสด็จถึงวัดบวรนิเวศวิหาร ทรงเสด็จขึ้นตำหนักพักอิริยาบท ลูกศิษย์ต่างก็ประสานงานไปที่วัดญาณฯ อีกครั้งว่า พระองค์จะเสด็จไปอีกเพราะทรงตรัสว่าอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุวางไม่ตรง ทุกวันพระองค์จะตื่นประมาณ 04.00 น.เพื่อสวดมนต์ไหว้พระและภาวนาสมาธิเป็นลำดับ กระทั่งรุ่งอรุณเป็นกิจวัตรประจำวันที่ทรงปฏิบัติมา
ครั้นพอ 09.00 น.เศษ ทรงเสด็จลงเสวยพระกระยาหาร พระองค์เสวยเพียงมื้อเดียว และไม่โปรดฉันมังสะ (อาหารประเภทเนื้อ) ต่างๆ เว้นเสียแต่เนื้อปลาบ้างเล็กน้อย เมื่อมีผู้เข้ามาขอเฝ้า ทรงมีพระเมตตาเสมอเหมือนกันหมด ครั้นเมื่อแล้วเสร็จก็เสด็จไปวัดญาณฯ พระองค์ไม่ค่อยจะตรัสอะไรมากนัก ในวันหนึ่งๆ ทรงสำรวมในพระปาฏิโมกข์ยิ่งนัก เว้นเสียแต่ภารกิจสำคัญที่ต้องตรัส อาทิ เทศนา หรือปาฐกถาธรรม ระหว่างทางทรงประทับนิ่งด้วยจิตรวมเป็นหนึ่งในสมาธิอันยิ่งตลอดการเดินทาง
ครั้นถึงวัดญาณฯ เสด็จตรงไปที่พระเจดีย์ จากนั้นเสด็จขึ้นกระเช้าเป็นพาหนะขึ้นไป มีทั้งช่างและพระเณรที่คอยอุปัฏฐากตามเสด็จด้วย เมื่อเปิดช่องของพระเจดีย์ออก ทุกคนที่เห็นต่างต้องตกตะลึง เพราะเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุนั้นเอียงเอนไม่ตรงอยู่จริง ตามที่ทรงตรัสไว้เมื่อวาน ระหว่างที่ประทับอยู่บนรถยนต์พระที่นั่งตอนที่เสด็จกลับกรุงเทพฯ
ทรงอธิษฐานจิตแล้วเอื้อมพระหัตถ์ทั้งสองประคองเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุนั้นให้ตรงและห่างจากช่องที่มีประตูเปิดปิด ทรงอธิษฐานจิตอีกครั้งหนึ่งแล้วเสด็จลง ใครหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์จึงเชื่อมั่นและศรัทธาในพระองค์ยิ่งนักว่าเป็นผู้มีธรรมอันเกษมโดยแท้ ทรงมีญาณทิพย์วิเศษด้วยวาระจิตแห่งธรรมที่ทรงสามารถรู้กาลต่างๆ ได้อย่างอัศจรรย์นัก
แม้วันนี้พระองค์จะมีพระชนมายุ 98 พรรษาแล้ว แต่สิ่งที่ปรากฏในดวงจิตยังคงบริสุทธิ์มิจางคลาย เป็นธรรมอันเกษมปรากฏอยู่ ผู้ใดที่มีโอกาสได้เฝ้าพระองค์ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ซึ่งเป็นสถานที่ประทับรักษาพระวรกาย ย่อมจะได้ยลพระบารมีอันผ่องใสฉายแววบริสุทธิ์ออกมา ใครได้เข้าใกล้ได้กราบพระองค์ย่อมเกิดปีติ สงบเย็นในจิตอย่างยากที่จะอธิบายได้ นี่แหละที่เรียกว่า อำนาจแห่งบารมีธรรม ของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก องค์ที่ 19 ของแผ่นดินรัตนโกสินทร์จะค่อยๆ นำมาเล่า ท่านสามารถอ่านและศึกษาต่อได้ใน blog ของ somkiert
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ครับ