อภิมหาโปรเจ็คระดับประเทศไทย โฆษณาขายแผ่นทองทั่วไทย แต่แค่สร้างพระทองเหลืองเพียงองค์เดียว



"ทำบุญเอาหน้า ภาวนาเอายศ"
ผู้จัดการอัดสุดารัตน์กลางสนามหลวง
กระเทือนไกลถึงลุมพินี !
ความเหมือนที่แตกต่าง หรือความแตกต่างในความเหมือน
เปรียบการทำบุญสร้างพระพุทธเจ้าองค์น้อยของเจ๊หน่อย ค่าเท่ากับ "วัดคณิกาผล" หรือ "วัดใหม่ยายแฟง" แม่เล้าผู้มากบารมีแห่งสำเพ็ง ซึ่งสมเด็จโตได้เทศน์ถึงอานิสงส์ว่า "ทำบุญเอาหน้า ทำบุญมาก แต่ได้บุญน้อย"
พระพุทธเจ้าองค์น้อยแห่งวัดไทยลุมพินี
อภิมหาโปรเจ็คระดับประเทศไทย โฆษณาขายแผ่นทองทั่วไทย แต่แค่สร้างพระทองเหลืองเพียงองค์เดียว คงไม่กี่แสนบาท แถมการบินไทยก็บริการขนส่งฟรีอยู่แล้ว ลำพังเจ๊หน่อยไม่มีปัญญาทำบุญหรือไร ถึงได้เรี่ยไรไปทั่วไทย และจึงเป็นคำถามสะกิดใจของผู้จัดการว่า "งานนี้เจ๊ควักกระเป๋าหรือไม่" หรือว่าใช้ระบบ "อัฐยายซื้อขนมยาย"
"เจ๊หน่อยอินลุมพินี"
รับบทมหาอุบาสิกาและมหาสาวิกาของเจ้าคุณวีรยุทธ แต่ภาพเบื้องหลังกลับเป็น "วัดสระเกศ" และ "เพื่อไทย" งานที่ผู้จัดการและพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทนไม่ได้ เพราะไม่ใช่ศรีทนได้
ป้ายระดมบุญระดมทุนสร้างพระพุทธเจ้าน้อยทั่วไทย ติดคัตเอ๊าท์โฆษณาไม่ต่างไปจากการหาเสียงของผู้ว่า กทม. เล่นเอาธรรมกายอายม้วน บอกบุญ แต่ไม่ได้บอก "จำนวนบุญที่ต้องการ" งานนี้จึงมีคำถามว่า โปรเจ็คนี้ใช้เงินเท่าไหร่ ได้เท่าไหร่ เหลือเท่าไหร่ ส่วนต่างไปอยู่ที่ไหน อย่าสะดุดบุญนะจ๊ะเจ๊
หน่อยโชว์-ขายตรง

สนธิ ลิ้มทองกุล ณ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์
แต่..ลืมแล้วหรือไร เมื่อสามปีก่อน กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีนายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นหัวหน้าคณะ ได้ประกาศระดมทุนทางเอเอสทีวี เพื่อนำเงินไปบูรณะพระอุโบสถวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ของเจ้าคุณวีรยุทธ ซึ่งก็เป็นเจ้าของเดียวกับโปรเจ็คพระพุทธเจ้าองค์น้อยของเจ๊หน่อยในวันนี้
วันนั้น เอเอสทีวีก็ประกาศข่าวครึกโครมไปทั่วโลก แต่มิได้เฉลียวใจเลยหรือว่านี่คือการทำบุญแบบยายแฟงแห่งวัดคณิกาผล พอเจ๊หน่อยทำเหมือนกันก็ออกมาด่าเขาสาดเสียเทเสีย ปรามาสเขาว่า "ใครๆ ก็ทำได้" ความจริงก็น่าจะเป็นว่า "อย่ามาทำอย่างฉัน" กระนั้นหรือ ? หรือว่าความถูกต้องตั้งแต่ทางโลกถึงทางธรรมนั้น เป็นของเฉพาะกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น หรือว่าเมื่อผูกขาดทางธรรมไม่ได้ ก็เลยต้องขวางทางไม่ให้ใครได้ทำบุญเลยกระนั้นหรือ ?
แสบๆ จาก..ผู้จัดการ
สิ่งที่ "สุดารัตน์" กำลังทำเรื่องพระพุทธเจ้าน้อยนั้น จริงอยู่เป็นเรื่องที่ดีน่าสนับสนุนยกย่อง แต่การมาโพนทะนาเอาหน้ามันดูเกินงามไปหน่อย ซึ่งก็เป็นไปตามถนัดอยู่แล้วทำงานเอาหน้า งานไหนไม่ได้หน้าไม่ทำ ความจริงการทำบุญแค่นี้ใครก็ทำได้ เรื่องจิ๊บจ๊อย ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลย
รายงานการเมือง โดยผู้จัดการ

หลังการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เสร็จสิ้นลงด้วยความพ่ายแพ้ของพรรคเพื่อไทยไม่ทันไร ก็ดูเหมือนจะมีความเคลื่อนไหวเป็นชนวนให้ความขัดแย้งภายในกลับมาปะทุอีกรอบ !!

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตเจ้าแม่ กทม. พรรคไทยรักไทย สวมบทเสือปืนไว โดดเข้าประชุมพรรคเพื่อไทยเรียกส.ส. ผู้สมัคร ส.ส. ตลอดจน ส.ก. และ ส.ข. มาประชุมร่วมกัน ท่ามกลางความงุนงง

ว่าหล่อนเข้ามานั่งหัวโต๊ะประธานประชุมได้อย่างไร เพราะนึกว่าการประชุมวันนั้นเป็นการเรียกประชุมจากพรรค

นินทาให้เซ็งแซ่ว่าเป็นการอาศัยช่วงชุลมุนเข้ามาชุบมือเปิบ ดึงกิจการบริหารงานกทม.เข้าสู่อุ้งมืออีกครั้ง โดยยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยเหนือ แต่เป็นความพยายามฉวยจังหวะเล่นเกมซ่อนเล่ห์เพทุบายตามถนัด!!

ทำเอาบรรดาทีมงานภาคกทม.บางคนเซ็งจิต เพราะป้องปากคุยกันภายในว่าการบริหารงานภายใต้การกำกับดูแลของ "เดอะอ้วน" ภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค ดีกว่ายุค
"สุดารัตน์" เป็นไหนๆ

เพราะมองว่าใช้ใจบริหารมากกว่าปัจจัยอื่น การเล่นพรรคเล่นพวกก็ไม่มี เอางานเป็นตัวตั้ง ไม่คิดว่าเป็นเด็กเขาเด็กเรา ต่างจาก
"เจ๊หน่อย" สิ้นเชิง

สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ฟ้องชัดเจนแจ่มแจ้งว่า
"สุดารัตน์" ไม่เคย "รามือ" ไปอย่างเด็ดขาดตามที่ปากพร่ำบอก ว่าจะขอหยุดการเมืองสักพักเพื่อไปดำเนินงานทางพุทธศาสนา

พยายามโปรโมทตัวเองให้มีบทบาทเด่นในอีกมิติหนึ่ง ดูดีมีธรรมะ แต่ใครหลายคนส่ายหน้าไม่คิดเชื่อมาตั้งแต่ไหนแต่ไร!!

สิ่งที่
"สุดารัตน์" กำลังทำเรื่องพระพุทธเจ้าน้อยนั้น จริงอยู่เป็นเรื่องที่ดีน่าสนับสนุนยกย่อง แต่การมาโพนทะนาเอาหน้า มันดูเกินงามไปหน่อย ซึ่งก็เป็นไปตามถนัดอยู่แล้วทำงานเอาหน้า งานไหนไม่ได้หน้าไม่ทำ ความจริงการทำบุญแค่นี้ใครก็ทำได้ เรื่องจิ๊บจ๊อย ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลย

และการมาขยายความให้ใหญ่โต จะมีการแห่ไปตามเส้นทางต่างๆ ทั่วกรุงเทพในวันที่ 11 มี.ค.นั้น ถามคนกรุงเทพฯหรือยังว่าเห็นด้วยหรือเปล่า มันจะให้รถราติดเปล่าๆ ปลี้ๆ หรือไม่

เรื่องของงานบุญอะไรต่างๆ เอาเข้าจริงไม่รู้ว่า
"สุดารัตน์" ควักกระเป๋าตัวเองสักกี่บาท ขอบริจาคมาแห่เอาหน้าหรือเปล่า และดูเหมือนว่าจะทำกันแบบไม่รู้จักจบจักสิ้นเสียที ไม่รู้ว่าต้องการเลี้ยงกระแสให้ตัวเองอยู่บนกระดานข่าวตลอดเวลาหรือไม่

การสวมบทเป็นผู้มีคุณูปการต่อศาสนาใครบางคนเห็นแล้วรับไม่ได้ เพราะตัวตนของจริงที่เคยสัมผัสน่ากลัวมาก จนได้รับรางวัลเป็นฉายา "ตุ๊กตาทองสองหน้า"

หากจะอวดอ้างตนเองว่าเป็นสตรีที่ทำประโยชน์ให้พุทธศาสนา ก็ให้ลองย้อนไปดูในอดีต ก็มีหลายคนเคยทำคุณูปการไว้เยอะแยะ ไม่เห็นจะมาอวดโอ่สรรพคุณอะไร

ผู้หญิงที่เคยกระทั่งสร้างวัดก็มีให้เห็นมาแล้ว อย่างวัดคณิกาผล ถนนพลับพลาไชย เขตป้อมปรายศัตรูพ่าย !!

เมื่อครั้งสมเด็จพระนั่งเกล้าพระเจ้าอยู่หัว ทรงได้ครองแผ่นดินสยามอยู่นั้น มีหญิงคนหนึ่งที่ชาวบ้านเรียกว่า ยายคุณท้าวแฟง มีอาชีพเก็บตลาดเอาผลกำไร รวมทั้งเป็นแม่เล้าเจ้าของซ่องนางโลม
“ยายแฟง” นั้นรู้ว่าในหลวงทรงโปรดการทำบุญสร้างวัดแกจึงได้ทำการสร้างวัดด้วยเงินรายได้ของแกขึ้นมาที่ตรอกแฟง ในแหล่งธุรกิจของพระนครสมัยนั้น เพื่อต้องการให้สะดุดสายพระเนตรของพระเจ้าแผ่นดิน พวกชาวบ้านจึงเรียกกันว่า "วัดใหม่ยายแฟง" เมื่อสร้างเสร็จแล้ว แกก็ได้ทูลขอพระราชทานนามของวัดนั้น ทรงโปรดพระราชทานนามของวัดนั้นว่า "วัดคณิกาผล"

วันนี้เมื่อปลดล็อกจากบ้านเลขที่ 111 แล้ว และโอกาสที่จะเข้ามาเสียบเป็นเจ้าแม่ กทม. อีกครั้ง มีช่องทาง
"เจ๊หน่อย" ก็เสนอหน้าเข้ามาทันที ไม่ฟังอีร้าค่าอีรมใดๆ ใครจะค้าน ใครจะมองด้วยสายตาเหยียดหยามก็ไม่สน เข้าทำนองด้านได้อายอด

จากนี้ไปพรรคเพื่อไทยปั่นป่วนแน่ ด้วยสไตล์ลูกตื๊อ แย่งซีน แย่งฉาก ของ
"สุดารัตน์" หาตัวจับยาก ถ้าไม่ใช่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด มาเบรกเกม รับรองต้านไม่อยู่แน่ เพราะแกนนำคนอื่นๆ เจ๊ไม่สน เที่ยวอ้างประกาศิต “นายใหญ่” อย่างนั้นอย่างนี้
น่าสนใจเหลือเกินว่าความขัดแย้งฉบับ 2 นางสิงห์ จะกลับมาปะทุอีกหรือไม่ "ยิ่งลักษณ์-สุดารัตน์" เข้ากันไม่ได้อยู่แล้ว!!

ยิ่งความพ่ายแพ้เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ครั้งนี้
"สุดารัตน์" พยายามไล่ตำหนิข้อผิดพลาด โจมตีการทำงานของพรรคมากเท่าใด มันก็ยิ่งเหมือนไปชี้หน้าด่า "ยิ่งลักษณ์" มากเท่านั้น เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ "ปูกรรเชียง" ถือเป็นแม่ทัพรับผิดชอบโดยตรง ออกหน้าลุยหาเสียงด้วยตัวเอง

วันนี้พรรคมาประเมินข้อผิดพลาดแบบให้กำลังใจสู้ต่อ เอา 1 ล้านกว่าเสียงมาแปรเปลี่ยนเป็นพลัง แต่คุณหญิงสุดารัตน์กลับมองว่าเป็นข้อผิดพลาด ลบล้างความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเดินหน้าต่อ เสนอให้ล้าง ให้รื้อ ท่าเดียว เพื่อที่ตัวเองจะได้กลับมาเป็นใหญ่

ก็ไม่รู้ว่าคนข้างในจะคิดกันอย่างไร นายกฯจะสะท้อนใจมากน้อยแค่ไหน!!

รายการขบเหลี่ยมเฉือนคม เผชิญหน้าหลังจากนี้มีอีกแน่ จะต้องมาทบทวนกันจริงๆ จังๆ ว่าความผิดพลาดพ่ายแพ้ซ้ำซากเรื่อยมาในสนามกทม. และการพ่ายแพ้ครั้งล่าสุด มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นหรือเลวลง

เพราะนินทาเชิงเปรียบเทียบกันให้แซ่ดว่า บริหารแบบหน่อยยึดกลุ่มมุ้ง บริหารแบบอ้วนยึดพรรค บริหารแบบหน่อยใช้กระสุน บริหารแบบอ้วนใช้นโยบาย

แกนนำพรรคเองก็รู้ดี สมัย
"หญิงหน่อย" คุมกทม. เบิกปัจจัยอยู่ตลอด ผลงานมีมาแสดงมั่ง ไม่มีมั่ง แต่เบิกงบตลอด ผลงานก็ทรงๆ ทรุดๆ เขตไหนดีก็ดีอยู่อย่างนั้น เขตไหนแย่ก็ไม่กระเตื้อง ไม่รู้ไปอัดปัจจัยกันเฉพาะเขตเด็กในคาถาหรือเปล่า
วันนี้ เครือข่ายเส้นสายของเจ๊หน่อยใน กทม. ยังถูกวางไว้ทุกซอกมุม การเปลี่ยนแปลงแบบนับหนึ่งใหม่ เริ่มต้นใหม่จริงๆ มีเสียงยุส่งออกมาถ้าให้ดีต้องกล้าๆ เปลี่ยน ถีบ "เจ๊หน่อย" และเครือข่ายออกไป ในเมื่อ "ยิ่งลักษณ์" ไม่ชอบหน้า อยากจะบริหารเปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯเอง ก็เอาเลยเริ่มที่ไสหัวกลุ่มสุดารัตน์ออกไป
ข่าว : ผู้จัดการ7 มีนาคม 2556

พระเทพมหาเจติยาจารย์ อดีตเจ้าคณะจังหวัดลำพูน
มรณภาพ
พระเทพมหาเจติยาจารย์
(ไพบูลย์ ภูริวิปุโล)
เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร
ข่าวด่วนจากวัดพระธาตุหริภุญชัย จังหวัดลำพูน แจ้งว่า เมื่อเวลา 14.45 น. (บ่ายสองโมงสี่สิบห้านาที) วันนี้ (6 มีนาคม 2556) พระเทพมหาเจติยาจารย์ (ไพบูลย์ ภูริวิปุโล) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน อดีตเคยดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดลำพูนจนเกษียนอายุ ได้ถึงแก่มรณภาพอย่างสงบด้วยโรคหัวใจล้มเหลว สิริอายุ 87 พรรษา 65 ทั้งนี้พระเทพมหาเจติยาจารย์ได้เข้ารับการรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่มาเป็นเวลร่วม 2 ปี จึงถึงแก่มรณภาพลงในวันนี้ นับว่าเป็นความสูญเสียอย่างยิ่งใหญ่ของวงการสงฆ์ไทยในภาคเหนือในปี พ.ศ.2556 นี้
สำหรับกำหนดการพิธีศพพระเทพมหาเจติยาจารย์นั้นมีดังนี้
วันที่ 7 มีนาคม พ.ศ.2556 เวลา 14.00 น. มีพิธีสรงน้ำศพ
เวลา 16.00 น. ถวายน้ำสรงศพพระราชทาน
เวลา 20.00 น. พิธีสวดพระอภิธรรม
สถานที่ : วัดพระธาตุหริภุญชัยราชวรมหาวิหาร
โทรศัพท์ : 053-511-104
อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ดอทคอม รายงาน7 มีนาคม 2556

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

#หลวงปู่ทวด องค์ในประวัติศาสตร์ เพื่อหาทุนในการพิทักษ์รักษา โบราณสถาน โบราณวัตถุ ๒๕๖๑

#พระกริ่งปวเรศแท้ในประวัติศาสตร์ไทย บันทึกไว้โดย สมเกียรติ กาญจนชาติ

#พระเครื่องในประวัติศาสตร์ หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร สามารถศึกษาการอนุรักษ์ได้ด้วยตนเอง