ความชั่วระดับโลกในประวัติศาสตร์
สึกแล้วรวย !
พบทิดธรรมกายสึกได้ไม่ถึงปี มีเงินเพิ่มหลายพันล้าน
หลักฐานที่บ่ง "ธรรมกาย" โยงคดีคลองจั่น
อา..อย่าเพิ่งคิดโง่ๆ แบบนั้นสิลูก รู้ไหมว่า "โง่ไม่เป็น เป็นใหญ่ยาก" เชื่อพ่อใหญ่สิ บางทีอาจจะมีอะไรพิเศษในตัวคนเราก็เป็นได้ ในโลกนี้มีทั้งอัจฉริยะและเอ๋อ ดูพ่อใหญ่เป็นตัวอย่าง รู้จักหมดทั้งโลกนี้โลกหน้า แบบว่า สตีฟ จ็อปส์ ตายแล้วไปเกิดเป็นอะไร ทำบุญกรรมนำแต่งอะไรไว้ พ่อใหญ่สรรหามาเล่าให้เด็กอนุบาลในฝันยิงฟันกันได้หมด แต่สำหรับ "ศุภชัย ศรีศุภอักษร" ผู้ก่อตั้งสหกรณ์ให้วัดพระธรรมกาย ประธานกฐิน ผู้ปลูกดอกดาวโรยไว้โรยตีนธุดงค์ธรรมชัย ไวยาวัจกร และผู้เซ็นเช็คคลองจั่นถวายพ่อใหญ่เป็นพันล้านนั้น พ่อใหญ่บอกศาลว่า "ไม่รู้จักมักจี่" แบบนี้แหละที่ครูไม่ใหญ่อยากจะชี้แจ้งให้ศาลฟัง ชิตัง เม !
แกะรอย "อดีตพระธรรมกาย" เพิ่งสึกใหม่ ! ไฉนมีเงินสด 3.8 พันล้าน ตั้งบริษัทอสังหาฯ
แกะรอยที่มาทุนจดทะเบียนตั้ง "บริษัทอดีตพระวัดธรรมกาย" 5,550 ล้าน พบเฉพาะ "สถาพร" ยอดรวม 3,873 ล้าน ฮือฮาเพิ่งสึกใหม่ๆ มีเงินสด 10 ล้าน ผ่านไปเดือนเศษ หามาเติมได้พันล้าน ล่าสุดช่วงก.ย.55 จัดหนักให้อีก 2,774 ล้าน รวมเงินคนสกุลเดียว 550 ล้าน เบ็ดเสร็จ 4,423 ล้าน
ชื่อของ "นายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล" กำลังถูกสังคมจับตามองอย่างมาก
หลังปรากฎชื่อเป็นผู้ถือครองหุ้น บริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้งกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 11,100,000 หุ้น มูลค่า 1,110 ล้านบาท ที่ถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ออกคำสั่งอายัดไว้ ภายตรวจสอบพบว่า หุ้นจำนวนนี้ เคยปรากฎชื่อ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น หนึ่งในผู้ต้องหาคดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำนวนเงินกว่า 1.04 หมื่นล้านบาท เป็นผู้ถือครอง ก่อนจะโอนต่อไปให้นายสถาพร ถือครองแทนในปัจจุบัน
ขณะที่จากการตรวจสอบข้อมูลของสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org พบว่า นายสถาพร ปรากฎชื่อเป็นผู้จดทะเบียนก่อตั้ง กรรมการ และผู้ถือหุ้นใหญ่ ในบริษัท เอส. ดับบลิง. โฮลดิ้ง กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีทุนจดในปัจจุบันจำนวน 5,550 ล้านบาท
หากจะขมวดปมข้อมูลเกี่ยวกับ "นายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล" และบริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้งกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด จะพบข้อเท็จจริงที่น่าสนใจดังนี้
ประการแรก ในช่วงการจัดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้งกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2554 ด้วยทุนจดทะเบียนจำนวน 10 ล้านบาท
นายสถาพร แจ้งข้อมูลส่วนตัวว่า มีอาชีพเป็นนักธุรกิจ อายุเพียงแค่ 28 ปี ที่อยู่ 16/105 หมู่ที่ 2 ตำบลอ้อมใหญ่ อำเภอสามพราน จ.นครปฐม
ขณะที่ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ในอีก 2 คน คือ นางสาวพรพิมล คัทธมารถ แจ้งว่ามีอายุ 24 ปี อยู่ในจ.ปทุมธานี และ นางสาววนิดา แซ่จั่ว อายุ 27 ปี อยู่ในจ.ตรัง
ส่วนแหล่งเงินที่นำมาใช้เป็นทุนจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทฯ ระบุในเอกสาร ว่า นายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล ชำระค่าหุ้น จำนวน 99,998 หุ้น (บริษัทมีหุ้นจำนวน100,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท) เป็นเงินสดจำนวน 9,999,800 บาท
ส่วน นางสาวพรพิมล และนางสาววนิดา ชำระค่าหุ้นคนละ 100 บาท จากการเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท คนละ 1 หุ้น
ต่อมาวันที่ 22 เม.ย. 54 บริษัทฯ แจ้งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ขอเพิ่มทุนจดทะเบียน เป็นวงเงิน 1,111 ล้านบาท โดยระบุแหล่งเงินที่นำมาใช้ในการเพิ่มทุนครั้งนี้ จาก 3 แหล่ง คือ นายสถาพร จำนวน 1,0990 ล้านบาท นางสาววนิดา 1 ล้านบาท นางสาวพรพิมล 10 ล้านบาท
จากนั้น ในวันที่ 25 ก.ย.2555 บริษัทฯ ได้แจ้งเพิ่มกรรมการใหม่ 1 คน คือ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร พร้อมเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกครั้ง เป็นวงเงิน 5,550 ล้านบาท
ระบุแหล่งเงินที่นำมาใช้ในการเพิ่มทุนครั้งนี้ จาก 3 แหล่ง คือ นายสถาพร จำนวน 2,774 ล้านบาท นายศุภชัย จำนวน 1,110 ล้านบาท (สำหรับการถือหุ้นจำนวน11,100,000 หุ้น จากนั้นมีการโอนต่อให้นายสถาพร ถือแทน และถูกปปง.ออกคำสั่งอายัดไว้) และนางรินนา วัฒนาศิรินุกุล (นามสกุลเดียวกับนายสถาพร) 550ล้านบาท
สรุปที่มาของเงินที่นำมาใช้ในการจดทะเบียน และเพิ่มทุน ของ บริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้งกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ให้เห็นภาพชัดๆ อีกครั้งดังนี้
1. นายสถาพร จำนวนเงิน 3,873,999,800 บาท
2. นายศุภชัย จำนวนเงิน 1,110,000,000 บาท
3. นางสาววนิดา จำนวนเงิน 1,000,100 บาท
4. นางสาวพรพิมล จำนวนเงิน 10,000,100 บาท
5. นางรินนา วัฒนาศิรินุกุล (นามสกุลเดียวกับนายสถาพร) จำนวนเงิน 550,000,000 บาท
รวมวงเงินทั้งสิ้น 5,550,000,000 บาท
แต่หากนับรวมวงเงินของ นายสถาพร และ นางรินนา ยอดเงินจะอยู่ที่ 4,423 ล้าน
ประการที่สอง โฟกัสเฉพาะ "นายสถาพร" ข้อมูลจากสำนักงาน ปปง. ระบุว่า นายสถาพร เคยบวชเป็นพระอยู่ในวัดธรรมกาย มานานกว่า 20 ปี ก่อนจะสึกออกมาเมื่อปี 54 ซึ่งเป็นช่วงปีเดียวกับที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้งกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด
ขณะที่บริษัท อยู่ห่างจากวัดพระธรรมกายประมาณ 1 กิโลเมตร ส่วนการตรวจสอบตู้เซฟของบริษัทฯ สำนักงาน ปปง. พบว่า ทรัพย์สินมีค่าจำนวนมาก บางชิ้นเป็นของศักดิ์สิทธิ์มีความเชื่อมโยงไปถึงวัดพระธรรมกาย
คำถามที่น่าสนใจ คือ "นายสถาพร" เป็นใครกันแน่? และนำเงินสดจำนวนหลายพันล้านบาทจากไหน มาใช้ในการจดทะเบียน และเพิ่มทุน บริษัทฯ และที่สำคัญ คนในวัดพระธรรมกาย "รับรู้" และ "มีส่วนเกี่ยวข้อง"กับเงินจำนวนนี้ ด้วยหรือไม่?
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ครับ