พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชเป็นโมฆะ! ใครจะรับผิดชอบ ?
พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชเป็นโมฆะ!
ใครจะรับผิดชอบ ?
ณ วันนี้ คงไม่มีเรื่องอะไรจะใหญ่และร้อนแรงไปกว่ามติของสภามหาวิทยาลัยมหามกุกราชวิทยาลัย (มมร.) ครั้งที่ 4/2555 ประชุมวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ.2555 ทั้งนี้สภามหามกุฎราชวิทยาลัยได้ลงมติให้ "พระเทพปริยัติวิมล-อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย" พ้นจากตำแหน่ง โดยยังไม่ทราบสาเหตุแห่งการให้พ้นจากตำแหน่งในครั้งนี้ว่าคืออะไร ?
แต่อย่างไรก็ตาม ตามที่ผู้เขียนได้นำเสนอมาแล้วในตอนก่อน ว่าด้วยปัญหาสารพัดที่รุมกระหน่ำวงการพระธรรมยุตให้ซวนเซ แบบว่าเจอทั้งศึกนอกศึกในให้ร้อนรน จนสุดท้ายต้องมีกรรมการลงมาห้ามมวย และเหมือนโชคช่วยที่ทางคณะกรรมการกฤษฎีกาได้วินิจฉัยว่า "การได้มาซึ่งตำแหน่งอธิการบดีของพระเทพปริยัติวิมลในรอบที่ 2 นี้ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย" และกฤษฎีกายังได้แนะนำเพิ่มเติมว่า ทางสภามหามกุฎราชวิทยาลัย ควรที่จะกลับไปดำเนินการสรรหาอธิการบดี มมร. ให้ถูกต้องตามกฎหมายและบายลอว์ต่อไป คำแนะนำของคณะกรรมการกฤษฎีกานั้นออกมาในเดือนกันยายน พ.ศ.2555 ก็ตีซะว่า เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมานี่เอง
ก่อนที่กฤษฎีกาจะออกวินิจฉัยว่าด้วยข้องกฎหมายของมหามกุฏราชวิทยาลัยนั้น ก็เนื่องจากทางสภามหามกุฎราชวิทยาลัยได้ส่งหนังสือ "ขอคำแนะนำด้านกฎหมายว่าด้วยการแต่งตั้งอธิการบดี มมร." ในวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2555 ทางกฤษฎีกาจึงได้ออกวินิจฉัยดังกล่าว
ทั้งนี้ ยังมีข้อมูลอีกด้วยว่า เนื่องจากทางประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช (สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ) ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2554 ซึ่งการที่มีพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชออกมาเช่นนั้น ย่อมเป็นเหตุผลชั้นดีในการอ้างเป็น "ศักดิ์และสิทธิ์" หรือ "ความชอบธรรม" ในการดำรงตำแหน่งอธิการบดี มมร. ของพระเทพปริยัติวิมล รวมทั้งเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่พระเทพปริยัติวิมลและสภามหามกุฎราชวิทยาลัยว่า "สิ่งที่ทางสภามหาวิทยาลัยได้ดำเนินการไปนั้นถูกต้องชอบธรรมแล้ว มิเช่นนั้นคงจะไม่มีพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชลงมา" ดังที่นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนต่อกรณีดังกล่าว
"พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช" ฟังดูแล้วรู้สึกว่าสูงส่งระดับเดียวกับ "พระบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" เลยทีเดียว ใครที่ได้รับพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ก็เหมือนได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีศักดิ์และสิทธิ์สัมฤทธิ์ผลทุกประการ
แต่นั่นเป็นเพียงอดีต
ในปัจจุบันนั้นมันเปลี่ยนไปแล้ว
ตำแหน่งอธิการบดี มมร. เป็นตัวอย่าง
ความจริงแล้ว พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช ไม่ว่าจะลงพระนามโดยสมเด็จพระสังฆราช หรือโดยประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชก็ตาม ยังมีความแตกต่างเป็น 2 ทาง ได้แก่
1. เป็นพระบัญชาที่ทรงลงพระนามในนามประธานกรรมการมหาเถรสมาคม ซึ่งการลงพระนามในรายการนี้ มีพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 เป็นฐานรองรับอำนาจ ทั้งนี้พระราชบัญญัติดังกล่าวระบุถึงอำนาจหน้าที่ของสมเด็จพระสังฆราช (รวมทั้งประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช) ไว้ 2 แห่ง คือ
ดังนั้น เมื่อมหาเถรสมาคมลงมติใดๆ ออกมา ก็เป็นหน้าที่ของสมเด็จพระสังฆราชที่จะต้องลงพระบัญชา ที่เรียกว่า "พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช" ถือว่าเป็นอำนาจสิทธิ์ขาดที่ทรงโปรดมอบถวายให้แก่คณะสงฆ์ได้ปกครองกันเอง โดยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมิได้ทรงเข้ามาก้าวก่ายหรือเกี่ยวข้อง ยกเว้นแต่ในการทรงพระราชทานสมณศักดิ์นับตั้งแต่สมเด็จพระสังฆราชไปจนถึงพระครูประทวน
นี่คือพระบัญชาที่สมเด็จพระสังฆราชทรงลงพระนามในนามประธานกรรมการมหาเถรสมาคม
2. เป็นพระบัญชาที่ทรงลงพระนามในฐานะสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งการลงพระนามในรายการนี้ มิได้มีมติของมหาเถรสมาคมเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่มีการระบุอำนาจในการลงพระนามในการแต่งตั้งตำแหน่งอธิการบดี มมร. ของสมเด็จพระสังฆราช ไว้ในพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย พ.ศ.2540 ดังนี้
"พิจารณาดำเนินการเพื่อให้สมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้ง และพิจารณาถอดถอนอธิการบดี" ข้อความตรงนี้แหละที่มาเกี่ยวข้องกับตำแหน่งอธิการบดีของพระเทพปริยัติวิมลในปัจจุบัน
ถ้าจะประมวลกระบวนการใช้อำนาจในมหามกุฎราชวิทยาลัยแล้ว ก็ต้องเป็นไปในทำนองว่า สภามหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย เป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัย แต่เมื่อลงมติไปแล้ว ต้องนำไปให้ "สมเด็จพระสังฆราช" ทรงเซ็น หรือทรงลงพระนามเป็นพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช
ทำนองเดียวกับมหาเถรสมาคม !
เพียงแต่มติของสภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย "ไม่ต้องผ่านมหาเถรสมาคม"
คือพอสภามหาวิทยาลัยลงมติแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะกรรมการสภามหาวิทยาลัยโดยตำแหน่ง ต้องนำขึ้นทูลถวายสมเด็จพระสังฆราช เพื่อทรงลงพระนามในพระบัญชาต่อไป
กระบวนการตรงนี้จึงแตกต่างจาก "มติมหาเถรสมาคม" โดยสิ้นเชิง
พูดได้ว่า ในพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัย มหามกุฏราชวิทยาลัย (รวมทั้งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย) ได้กำหนดให้ "สมเด็จพระสังฆราช" ทรงดำรงตำแหน่ง "ประธานคณะกรรมการสภามหาวิทยาลัย" โดยตำแหน่ง เหมือนกับตำแหน่งประธานกรรมการมหาเถรสมาคม
แต่..แต่ในมาตราที่ 7 ของพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัย มหามกุฏราชวิทยาลัย ได้กำหนดไว้ว่า "ให้มหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ"
แปลว่าอะไร ?
อ๋อก็แปลว่า มหาวิทยาลัย มหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร) มิใช่มหาวิทยาลัยของคณะสงฆ์ และก็มิใช่มหาวิทยาลัยของมหาเถรสมาคม
แต่เป็นมหาวิทยาลัย "ของรัฐบาลไทย" เข้าใจไหม ?
นี่ไงที่มันผิดฝาผิดตัวจนก่อให้เกิดปัญหาว่าด้วยพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชทรงเป็นหมันอยู่ในวันนี้
เพราะว่า ในเมื่อพระราชบัญญัตินี้กำหนดให้ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ต้องเป็นของรัฐบาล ซึ่งถ้าเป็นมหาวิทยาลัยอื่นๆ ก็จะกำหนดให้ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัย (เช่น นายกสภา กรรมการสภามหาวิทยาลัย อธิการบดี เป็นต้น) เป็นตำแหน่งที่ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่สำหรับมหามกุฎราชวิทยาลัย (และมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย) กลับระบุให้ "สมเด็จพระสังฆราช" ทรงมีพระบัญชาแต่งตั้ง
ทั้งๆ ที่มิใช่มหาวิทยาลัยของคณะสงฆ์ไทยอีกต่อไปแล้ว !
ถามว่าผิดฝาผิดตัวไหม ?
ถามว่า สมเด็จพระสังฆราชทรงเอาอำนาจอะไรไปตั้งตำแหน่งที่มิได้เกี่ยวกับกิจการของคณะสงฆ์ ?
และถามว่า ใครเป็นคนเขียนพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ 2 ฉบับนี้ขึ้นมา จนก่อปัญหาใหญ่ให้แก่สมเด็จพระสังฆราชในวันนี้ !
การที่สมเด็จพระสังฆราชทรงลงพระนามในมติมหาเถรสมาคมนั้น ถูกต้อง-ชอบธรรม เพราะทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการมหาเถรสมาคมโดยตำแหน่ง และเมื่อมีพระบัญชาไปแล้ว ถือว่าเป็นที่สิ้นสุด จะอุทธรณ์หรือโต้แย้งมิได้
แต่ในการลงพระนามในมติสภามหาวิทยาลัย ทั้ง มจร. และ มมร. นั้น ถามว่าทรงลงในฐานะอะไร
เพราะในพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัย มจร.-มมร. ทั้งสองแห่ง ก็มิได้ให้ "อำนาจ" ของสมเด็จพระสังฆราชไว้ในที่ตรงไหนเลย
ระบุแต่หน้าที่ว่า ให้ลงพระนามตรงโน้นตรงนี้ แต่งตั้งตำแหน่งโน้นตำแหน่งนี้
แต่ไม่มีฐานรองรับพระอำนาจของสมเด็จพระสังฆราช !
เช่นว่า ถ้าหากมีความผิดพลาดในการทรงลงพระนามไปแล้ว เช่นกรณีอธิการบดี มมร. ในครั้งนี้ ใครจะรับผิดชอบ และมีโทษเช่นไร ?
เพราะว่า..พระบัญชาที่ทรงลงไปแล้วไม่เป็นผล พูดหยาบๆ ก็คือว่า กลายเป็นเศษขยะ
พระเทพปริยัติวิมลนั้นมีพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชอยู่ในมือจำนวน 2 ใบ
ใบหนึ่ง แต่งตั้งให้พระเทพปริยัติวิมล ดำรงตำแหน่งอธิการบดี ในวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2550
อีกใบหนึ่ง แต่งตั้งให้พระเทพปริยัติวิมลดำรงตำแหน่งอธิการบดี ในวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2554
ใบแรกนั้นส่งผลให้พระเทพปริยัติวิมลขึ้นดำรงตำแหน่งอธิการบดี มมร. และมีอำนาจหน้าที่สมบูรณ์ทุกประการ
แต่ใบที่สองนั้น กลับส่งผลตรงกันข้าม
ถามว่า พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชทั้งสองฉบับนั้น ออกมาอย่างถูกต้องไหม ?
คงไม่มีใครบังอาจตอบว่า ออกมาโดยไม่ถูกต้อง
แต่ในความเป็นจริงก็คือ ถูกใบหนึ่ง เถื่อนใบหนึ่ง
เพราะใบแรกนั้นมีผล แต่ใบที่สองนี้กลับไร้ผล
เพราะกฤษฎีการะบุว่า "การได้มาซึ่งตำแหน่งอธิการบดีของพระเทพปริยัติวิมลนั้น มิชอบด้วยกฎหมาย"
หมายถึงว่า พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชแต่งตั้งพระเทพปริยัติวิมลให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี มมร. ในรอบที่สองนี้ อยู่ในกระบวนการอันมิชอบตามกฎหมายของมหาวิทยาลัย มมร. ด้วย
ซวยละซี !
นี่ไงที่ผู้เขียนอยากถามว่า ใครเป็นคนเขียนพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัย มมร.-มจร. ขึ้นมา และก่อปัญหาให้แก่พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชในวันนี้
และที่จะถามต่อไปก็คือว่า ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อความผิดดังกล่าว ?
หรือจะปล่อยให้ผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ศักดิ์และสิทธิ์ในพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชอยู่ไหนหรือครับ
อยู่ไหนครับ "ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช" ที่เคารพยิ่ง ?
อยู่ไหนครับ "สมเด็จพระมหามุนีวงศ์" องค์นายกสภามหาวิทยาลัย มมร. ที่เคารพ ?
พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช กลายเป็น "เศษกระดาษ" ไปเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์คณะสงฆ์ไทยในวันนี้ ท่านทั้งหลายยังอยู่ดีสบายอยู่หรือ ?
หุหุ แค่ตำแหน่งครูประชาบาลบ้านนอก เขียนรายงานผิดก็ยังต้องมีความผิด
แต่ในพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชถูกสภามหาวิทยาลัย มมร. สั่งให้ไร้ผล-พระเทพปริยัติวิมล ซึ่งได้รับพระบัญชาต้องตกเก้าอี้ กลับไม่มีใครแอ่นอกอกมารับผิดชอบต่อกิจการพระศาสนาเลยแม้แต่คนเดียว
คุณด๊อกเตอร์นพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้ปราดเปรื่องแห่งสำนักพุทธฯ ในฐานะเลขาธิการมหาเถรสมาคม และกรรมการสภามหาวิทยาลัย มมร. จะรับผิดชอบต่อกรณีนี้อย่างไร ?
ปล. อาจารย์ ดร.วิษณุ เครืองาม เห็นเขียนอวยยศพระพรหมบัณฑิต อธิการบดี มจร. ในคอลัมน์ "จันทร์สนุก ศุกร์สนาน" ได้อย่างอลังการ ในฐานะที่อาจารย์เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายของสภามหาวิทยาลัย มมร. จะไม่เขียนชี้แจงข้อกฎหมายให้บรรดาพระสงฆ์สามเณรได้ทราบบ้างหรือ ขอนิมนต์ล่ะ
http://www.alittlebuddha.com/
| |||
พระมหานรินทร์ นรินฺโท
วัดไทย ลาสเวกัส รัฐเนวาด้า สหรัฐอเมริกา5 ธันวาคม 2555 09:00 P.M. Pacific Time. |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ครับ