แอน-มิตซูโอะ เปิดอกเศร้าเล่าเรื่องจริง ไม่เอาอดีตพระอาจารย์แม้แต่ชื่อหรือภาพถ่าย หรือแม้แต่วัดก็ห้ามเข้า !

                   ไทยรัฐ "พาดหัว" แรง
ตามโฆษณา

แอน-มิตซูโอะ ออกตีสิบ

เทใจตอบทุกคำถาม

เปิดอกเศร้าเล่าเรื่องจริง ถูกศิษย์โละทิ้งงานเก่า ไม่เอาอดีตพระอาจารย์แม้แต่ชื่อหรือภาพถ่าย หรือแม้แต่วัดก็ห้ามเข้า !



จาก..ปูชนียาจารย์ สู่..บุคคลน่ารังเกียจ

ชีวิตหนอ ?





กดที่ภาพเพื่อชม ตอนที่ 01




กดที่ภาพเพื่อชม ตอนที่ 02

แอนแพลม "พระอาจารย์จ่อได้เป็นเจ้าคุณ" แต่ไม่เอา




กดที่ภาพเพื่อชม ตอนที่ 03




กดที่ภาพเพื่อชม ตอนที่ 04




อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ดอทคอม รายงาน
08 ตุลาคม 2556






"ทางโลกดีกว่าทางธรรม" !

มิตซูโอะประกาศอาสภิวาจา ควงแอนออกทีวีทีละสามช่อง พร้อมออกหนังสือ "เทศน์ครั้งสุดท้ายในผ้าเหลือง" โปรโมตกระหึ่มเมือง


แอนเปิดอกร้าว พี่มิตซูโอะเจอต้านแรง "ห้ามเข้า" วัดสุนันทาวนารามและมูลนิธิมายาโคตมี ศิษย์อ้างเหตุผล "คนเขาไม่ศรัทธาอดีตพระอาจารย์แล้ว อย่ามาเลยบางกอกจะบอกให้"แอนโต้ "เนรคุณ" เรียกแขก "ศิษย์นอก-ศิษย์ใน" โต้เถียงกันกระหึ่มเว็บไซต์



ไทยรัฐ "พาดหัว" แรง






หนังสือสองเล้มใหม่

ความในใจมิตซูโอะ-เทศน์ครั้งสุดท้ายในผ้าเหลือง






กดที่ภาพเพื่อชมรายการเจาะข่าวเด่น ทางช่อง 3







วู้ดดี้แน่กว่า !

จับ แอน-มิตซูโอะ จูบแก้มกระหึ่มจอ

แบบนี้ละกระมัง ที่ลูกศิษย์รับไม่ได้





ภาพ-มดตอม

ศิษย์อาจารย์มิตซูโอะคงเซฟไว้อีกนาน ..กว่าจะลืม !



กดที่ภาพเพื่อชมรายการตื่นมาคุย






อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ดอทคอม รายงาน
08 ตุลาคม 2556





ตอบสุดยอดคำถาม !



เหตุใดพระพุทธศาสนาจึงอยู่กับคอมมิวนิสต์ได้

ในลาว เวียตนาม หรือแม้แต่จีน ?


พุทธศาสนาของเรา 
"อยู่ได้" กับทุกระบอบการปกครอง แต่..พุทธศาสนาของเรา "ไม่ล่มหัวจมท้าย" กับระบอบใดระบอบหนึ่ง..


หลวงปู่มหาผ่อง มหาสังฆนายกลาว








ปุจฉาวิสัชนาธรรม กับ  "หลวงปู่พระมหาผ่อง" ประธานคณะสงฆ์ลาว อายุ 98 ปี


ย้อนอดีต 2 ธันวาคม 2518 นับจากประเทศลาวมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบประชาธิปไตยมาเป็นสังคมนิยม เหตุไฉน...คณะสงฆ์หรือพระพุทธศาสนาในประเทศลาวก็ยังคงอยู่ได้อย่างมั่นคง และดูเหมือนว่าจะมั่นคง...เป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น

"พุทธศาสนาของเราอยู่ได้กับทุกระบอบการปกครอง แต่พุทธศาสนาของเราไม่ล่มหัวจมท้ายกับระบอบใดระบอบหนึ่ง" หลวงปู่ตอบ

ประเด็นต่อมามีอีกว่า หลวงปู่พระมหาผ่องยังมีความเชื่อมโยงกับ “โฮจิมินห์” ผู้นำคอมมิวนิสต์ ประเทศเวียดนาม มีการบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ว่า ลุงโฮมีลูกเลี้ยงคนหนึ่งอยู่ที่ลาวชื่อว่า “ผ่อง”

ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 บอกว่า ประเด็นศึกษาที่น่าสนใจคือ “ลุงโฮ” กับการนำเอาหลักธรรมมาปรับใช้อย่างไรบ้าง

ดร.สุภชัย บอกว่า การเข้าไปทำธุรกิจในเวียดนามกว่า 20 ปี รู้ดีว่า... สถานที่ราชการทุกแห่ง รัฐบาลเวียดนามจะไม่อนุญาตไม่ให้ตั้งรูปเหมือนใครเลย แม้กระทั่งรูปเหมือนองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าก็ตั้งไม่ได้ ตั้งได้เฉพาะรูปเหมือนลุงโฮเท่านั้น ที่เปรียบเหมือนเทพเจ้า แล้วก็เหมือนเป็นพ่อของประเทศ

วันนี้...ขนาดประธานาธิบดีเวียดนามก็ไม่ค่อยกล้าเรียกตัวเองว่า “ประธานาธิบดี” บอกว่า...ตัวเองเป็นรอง เพราะจริงแล้วคนเวียดนามหรือผู้ใหญ่ในรัฐบาลจะให้เกียรติลุงโฮแล้วก็จะบอกว่า “ลุงโฮเป็นประธานาธิบดีคนเดียวของเวียดนาม...คนที่เป็นอยู่ก็เป็นรองทั้งนั้น”

การใช้ประสบการณ์ แนวคิด ปรัชญาในการบริหารชีวิต ต่อสู้ปกครองของลุงโฮเป็นประเด็นน่าสนใจ...ศาสนาพุทธจะสามารถสร้างการเปลี่ยนผ่านทางความคิดก้าวข้ามประวัติศาสตร์ในอดีต เดินหน้าสู่อนาคตที่จะเกิดความเชื่อมโยง สร้างสายสัมพันธ์ ให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจกันและกันได้อย่างแนบแน่น

ศาสนาพุทธสอนปัจจุบัน อดีตทำให้เราเรียนรู้แต่ก็อย่าไปกังวล อนาคตเราก็อย่าไปหวาดกลัวกับมัน เพราะศาสนาสอนเราว่า “ทำวันนี้ให้ถูก มันก็จะเป็นการพิสูจน์ว่า...พรุ่งนี้ก็ต้องถูก”

ประเทศไทยจะเปิดประตูเออีซีในอีกปีครึ่งข้างหน้า “หลักธรรม” หรือ “หลักพุทธศาสนา” เป็นสิ่งที่จะนำไปพูดดีๆ เชื่อมโยงกันได้เพื่อให้เกิดภาคีด้านการเกษตร ภาคีด้านการท่องเที่ยว หรือว่าการเคลื่อนไหวของคนงาน แรงงานในอนาคตต่อไป ซึ่งเราจำเป็นต้องร่วมมือกันอย่างแน่นอน

ดร.สุภชัย ย้ำว่า เวียดนามเป็นประเทศใหญ่ในกลุ่มอาเซียน ผลประโยชน์ที่เราจะทำเป็นคอมมูนิตี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลยถ้า ประเทศใหญ่กับประเทศใหญ่ยังขาดความไว้เนื้อเชื่อใจกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำรัฐบาล หรือรัฐบาลต้องมีความคิดที่จูนตรงกัน...

"หลวงปู่พระมหาผ่อง" เป็นคนไทยเกิดอำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี อายุ 20 ปี ข้ามโขงไปบวชที่ฝั่งลาว แล้วก็ได้มาจำพรรษาศึกษาบาลีอยู่วัดชนะสงคราม กรุงเทพฯ นาน 16 ปี
หลวงปู่พระมหาผ่องวิสัชนาต่อไปอีกว่า วันนี้พวกเราชาวพุทธทั้งเป็นชาวพุทธเฉพาะแต่ละประเทศ และเราก็เป็นสมาชิกพุทธสมาคมทั่วโลก แสดงว่าในระยะผ่านมากิจกรรมของศาสนาแต่ละประเทศโดยเฉพาะศาสนาพุทธพวกเราทั้งหลาย...เราถือว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ประกอบด้วยเหตุผล

พูดตรงไปตรงมาว่า “พวกเราเรียนรู้ตามทฤษฎีของพุทธ แต่ส่วนมากชาวพุทธไปปฏิบัติทฤษฎีที่เป็นปรปักษ์กับศาสนาพุทธ มันจึงเกิดมีเรื่อง”

ย้อนไปช่วงหลังสงครามโลก...เป็นยุคฝรั่งเศสเจ้าอาณานิคมกลับไปแล้ว ประเทศลาวประกาศเอกราชแต่ผู้คนยังมีจิตใจเป็นฝรั่ง ครั้งหนึ่งคณะสงฆ์ได้ร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเกี่ยวกับการเผยแผ่ศาสนาพุทธ ที่ดูเหมือนว่าก่อนที่จะเผยแผ่ได้จะต้องเขียนเอกสารส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจทานก่อนถึง 5 หน่วยงาน...

“เป็นระบบที่รับไม่ได้ ศาสนายังถูกครอบงำ”

หลวงปู่เล่าว่า เขาก็ถามว่าทำไมรับไม่ได้ ก็บอกว่า “ขัดกับทิศทางของศาสนาพุทธ"

เขาก็ถามอีกว่า ทิศทางศาสนาพุทธสอนอย่างไร ?

หลวงปู่ก็อธิบายว่า ศาสนาพุทธถ้าเทียบกับการเผยแพร่

กัณฑ์ที่ 1. ต้องสอนสมเด็จพระเจ้าแผ่นดิน

กัณฑ์ที่ 2. คณะรัฐบาลต้องได้รับฟังเสียก่อน

กัณฑ์ที่ 3. พนักงานของรัฐทุกๆ ท่าน

กันฑ์ที่ 4. ประชาชนทั่วไป

“เขาบอกอีกว่า เขาเป็นชาวพุทธหมดแล้ว อาตมาก็ว่าชาวพุทธนี่ไม่ถูก เพราะว่านั่งประชุมอยู่ในวัดองค์ตื้อ นั่งอยู่ต่อหน้าพระเจ้าองค์ตื้อ พระสงฆ์นั่งเลียบอยู่ตามพรม พนักงานฝ่ายบ้านเมืองข้าหลวงลาวที่นั่งอยู่รองเท้าไม่ถอด...เท่านั้น เขาก็บอกว่า ดูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ถ้าเป็นประชาชนพูด ถูกจับแล้ว...”

หลวงปู่กลัวเหตุการณ์จะยืดเยื้อ ยกมือขึ้นพูด “ถ้าคำพูดนี่ถึงขนาดจับ จะตัดคอถวายต่อพระเจ้าองค์ตื้อ...เชิญ”...พอดีประธานจะลุกจากที่นั่ง อาตมาจึงขอเวลาสัก 5 นาที บอกว่า

“กองประชุมนี่ไม่ใช่พระสงฆ์ รัฐบาลเรียกมาประชุม การพูดก็ต้องเสาะหาสิ่งที่ดีที่ถูก การเสาะหาสิ่งที่ดีที่ถูก...การใช้คำพูดอาจมีคำหนัก คำเบา เพราะฉะนั้นคำพูดอยู่ในองค์ประชุมนี่ ห้ามเอาออกจากเศียรพระองค์ตื้อ ไม่ให้ไปพูดที่อื่น เท่านั้น...เขาจึงขออภัยว่าเขาผิด”

บรรยากาศในห้องประชุมที่ร้อนฉ่า เทียบกับนอกห้องก็ดูจะไม่ต่างกัน เพราะพวกผู้แทนที่รอกันอยู่ด้านนอก ก็ร้องเซี้ยว “ขนาดพูดกับพระสงฆ์ยังขนาดนี้ กับประชาชนจะขนาดไหน”

อีกมุมมองทางโลกผสานทางธรรม เมื่อครั้งการประชุมศาสนาในปี 2542 จัดที่มหานครนิวยอร์ก หลวงปู่พระมหาผ่องเล่าว่า ตอนนั้นนักวิทยาศาสตร์ที่เมื่อก่อนดูถูกว่าศาสนา จิตนิยม เป็นเรื่องงมงาย

“แต่เมื่อเขาค้นหา...เส้นทางสันติภาพ ด้วยการส่งเสริมกัน สร้างความเป็นผู้ยิ่งใหญ่ แต่ต่างก็ว่าเพื่อสันติภาพ เสาะหาไปทั่วโลกมนุษย์หมดแล้วไม่พบ ขึ้นไปส่องโลกพระจันทร์ ตอนหลังจะไปถึงทางตันหรืออย่างใด หรือว่าเขาจะคิดได้อย่างไร...ก็พากันกลับลงมา”

ตอนนี้ ทั้งโซเวียต อเมริกา ทั่วโลก จะมาเสาะหาเส้นทางจากศาสนา เพราะว่าเมื่อก่อนว่า “จิตนิยม งมงาย”...เป็นการพูดรวมๆ แท้จริงแล้วมันมีทุกศาสนาหรือเปล่า? พระมหาผ่องเคยไปพูดที่มอสโก โซเวียต เป็นความพยายามในการเสาะหาเส้นทางสันติภาพเหมือนกัน ที่ประชุมสรุปยังไงกันบ้าง...ตอบสั้นๆ ง่ายๆ ก็คือ...“ศีล 5”

“ในวงประชุมไม่เรียกว่าศีล 5 แต่จะพูดเป็นบทเรียนสั้นๆ... มนุษย์เป็นสัตว์เมืองไม่ใช่สัตว์ป่า ธรรมชาติสัตว์เมืองใครจะอยู่โดดเดี่ยวคนเดียว ต้องอยู่ร่วมกันเป็นหมู่เป็นคณะ แต่มนุษย์ก็มีความคิดความเห็นไม่ตรงกัน จำเป็นจะต้องมีกฎระเบียบเพื่อให้มวลมนุษย์ปฏิบัติ”

กฎระเบียบอันนั้นชาวพุทธเราเรียกว่าศีล 5 หนึ่ง...มนุษย์อยู่ด้วยกันไม่ให้เบียดเบียนกัน สอง...มนุษย์อยู่ด้วยกันไม่ให้มีการลักทรัพย์ของกันและกัน สาม...มนุษย์อยู่ด้วยกันไม่ให้ล่วงเกินระหว่างผัวเมียของกันและกัน สี่...มนุษย์อยู่ร่วมกันไม่ให้หลอกลวงกัน พูดในทางที่เกิดสามัคคี ห้า...มนุษย์อยู่ร่วมกันไม่ให้พากันเสพสิ่งมึนเมานี่คือเส้นทางธรรมที่สั้น กระชับ ปฏิบัติง่ายของ “หลวงปู่พระมหาผ่อง” ที่ยังมีไฮไลต์สำคัญที่ต้องติดตามคือ...“โฮจิมินห์” มหาบุรุษกู้ชาติที่นำหลักธรรมะไปปรับใช้อย่างไร จึงเป็นผู้ยิ่งใหญ่มาถึงวันนี้.


ข่าว : ไทยรัฐ
07 ตุลาคม 2556



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

#พระเครื่องในประวัติศาสตร์ หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร สามารถศึกษาการอนุรักษ์ได้ด้วยตนเอง

#หลวงปู่ทวด องค์ในประวัติศาสตร์ เพื่อหาทุนในการพิทักษ์รักษา โบราณสถาน โบราณวัตถุ ๒๕๖๑

#พระกริ่งปวเรศแท้ในประวัติศาสตร์ไทย บันทึกไว้โดย สมเกียรติ กาญจนชาติ