ปลด "ร้อยตรี" อภิสิทธิ์ ?
ปลด "ร้อยตรี" อภิสิทธิ์ !
จ่อปลดตำแหน่งอาจารย์ รร.นายร้อย
และต่อไปอาจจะปลด อดีตนายกรัฐมนตรี
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี
หุหุ ก็ตลกดีนะประเทศไทย ปล่อยไก่ให้ลอยนวลขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แล้วนี่กลับย้อนไปปลดตำแหน่ง "ร้อยตรี" ถามว่า ระหว่าง "ร้อยตรี" กับ " นายกรัฐมนตรี" อันไหนมันสำคัญกว่ากัน ถ้าตรวจสอบตำแหน่งร้อยตรีได้แค่นั้น แต่ไม่ยอมตรวจสอบถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มันมีความหมายอะไร ? เพราะเขาได้หรือเป็นไปหมดแล้ว วันนี้อย่านับแต่ปลดตำแหน่งร้อยตรีเลย ถึงปลดจากอดีตนายกรัฐมนตรีก็ไลฟ์บอย แม้แต่นายอภิสิทธิ์ก็คงไม่สนใจ ไม่น่าเชื่อว่าคนระดับพลเอกและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะคิดเล่นการเมืองแค่ตื้นๆ เช่นนี้ งานสำคัญระดับชาติมีอีกมากมายก่ายกอง แต่เอาเวลามายุ่งกับเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้ง เห็นแล้วก็สงสาร "ทักษิณ" เหลือเกิน ได้ลูกน้องหัวลูกโป่งอย่างนี้นี่เอง มิน่าถึงกลับเมืองไทยไม่ได้ซักที
หมวกไม่ปลด ปลดแต่รองเท้า (ฮา)
"I wanna go home"
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ลงนามสั่งปลด ร.ต.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แล้ว เหตุนำเอกสารเท็จขึ้นทะเบียนกองประจำการ ชี้ผิดวินัยทหารร้ายแรง พร้อมเพิกถอนคำสั่งบรรจุเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยฯ ขณะคณะกรรมการตรวจสอบความผิดมีมติให้คำสั่งปลดมีผลย้อนหลัง อาจส่งผล "อภิสิทธิ์" ขาดคุณสมบัติต้องพ้นจากการเป็น ส.ส.ไปด้วย...
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ย. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ได้อนุมัติสั่งการให้ปลดหรือให้ออกจากราชการ ร.ต.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยมีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ได้กระทำความผิด ด้วยการนำเอกสารเท็จ คือ ใบสำคัญ สด.9 ฉบับใบแทน ลงวันที่ 8 เม.ย. 31 (ซึ่งใช้แทนฉบับจริง ลงวันที่ 4 ก.ค. 29 ที่อ้างว่าชำรุดสูญหาย) ไปขึ้นทะเบียนกองประจำการที่ จ.นครนายก เมื่อ 2 มิ.ย. 31 ถือว่านายอภิสิทธิ์ กระทำการทุจริต ประพฤติมิชอบเป็นความผิดวินัยทหารอย่างร้ายแรง ในการแจ้งความหรือใช้เอกสารอันมีข้อความเท็จต่อเจ้าพนักงานสัสดี
และอนุมัติสั่งการให้เพิกถอนคำสั่งการบรรจุนายอภิสิทธิ์ เป็นข้าราชการกลาโหมพลเรือน ตำแหน่งอาจารย์ ร.ร.จปร. เนื่องจากมีการปกปิดข้อความอันเป็นจริงเกี่ยวกับคุณสมบัติของนายอภิสิทธิ์ คือการขาดการเกณฑ์ทหาร เมื่อ 7 เม.ย. 30 และไม่มีใบสำคัญทางทหารที่ถูกต้องในการบรรจุ ดังนั้น คำสั่งบรรจุจึงมิชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งเมื่อคำสั่งการบรรจุไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว คำสั่งการแต่งตั้งนายอภิสิทธิ์ เป็นนายทหารสัญญาบัตร ยศ ว่าที่ ร.ต. ก็ไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย จึงให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวต่อเนื่องกันไป
และอนุมัติสั่งการให้เพิกถอนคำสั่งการบรรจุนายอภิสิทธิ์ เป็นข้าราชการกลาโหมพลเรือน ตำแหน่งอาจารย์ ร.ร.จปร. เนื่องจากมีการปกปิดข้อความอันเป็นจริงเกี่ยวกับคุณสมบัติของนายอภิสิทธิ์ คือการขาดการเกณฑ์ทหาร เมื่อ 7 เม.ย. 30 และไม่มีใบสำคัญทางทหารที่ถูกต้องในการบรรจุ ดังนั้น คำสั่งบรรจุจึงมิชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งเมื่อคำสั่งการบรรจุไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว คำสั่งการแต่งตั้งนายอภิสิทธิ์ เป็นนายทหารสัญญาบัตร ยศ ว่าที่ ร.ต. ก็ไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย จึงให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวต่อเนื่องกันไป
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวยังรายงานเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ตามที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้ขอให้กระทรวงกลาโหม ตรวจสอบกรณีนายอภิสิทธิ์นั้น พล.อ.อ.สุกำพล ได้แต่งตั้ง คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง มี พล.อ.อ.ไมตรี โอสถหงษ์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็น ประธานกรรมการ พล.อ.ม.ล.ประสบชัย เกษมสันต์ และ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ฯลฯ เป็นกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีนายอภิสิทธิ์ ไม่ไปเกณฑ์ทหาร และสมัครเข้ารับราชการใน ร.ร.จปร. โดยไม่ถูกต้อง ไม่มีใบสำคัญทางทหาร และใช้เอกสารเท็จนั้น
คณะกรรมการฯ ชุดดังกล่าว ได้ตรวจพบการใช้เอกสารไม่ถูกต้อง มีสาระสำคัญเป็นเท็จ ได้แก่ หนังสือรับรองการผ่อนผันที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายและมีข้อความเท็จ และการใช้เอกสารใบสำคัญ สด.9 ใบแทนฉบับ 8 เม.ย. 31 (ใช้แทนฉบับ 4 ก.ค. 29) ในการสมัครเข้ารับราชการและการขึ้นทะเบียนกองประจำการ รวมถึงการที่นายอภิสิทธิ์ ขาดการเกณฑ์ทหาร โดยไม่มีหนังสือผ่อนผันที่ถูกกฎหมาย ซึ่งถูกบันทึกไว้ในเอกสาร สด.16 ว่า "ขาด" รวม 7 ครั้ง
ต่อมาเมื่อ พล.อ.อ.ไมตรี โอสถหงษ์ เกษียณอายุราชการไป เมื่อ 1 ต.ค. 55 รัฐมนตรีกลาโหม จึงได้แต่งตั้ง พล.อ.ม.ล.ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานกรรมการชุดใหม่ มีคณะกรรมการ ประกอบด้วย พล.ท.ธวัชชัย บุญศรี จเรทหาร,พล.ท.พอพล มณีรินทร์ ผบ.ร.ร.จปร., พล.ท.ประพันธ์ พุทธานุ เจ้ากรมสรรพกำลังกลาโหม, พล.ต.สุรเดช เฟื่องเจริญ เจ้ากรมกำลังพลทหารบก, พล.ต.ชาติชาย แจ้งสี รองเจ้ากรมสรรพกำลังกลาโหม และ พล.ต.สวัสดิ์ รัตนา ผู้ช่วยเจ้ากรมเสมียนตรา เป็น กรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการฯ ชุดใหม่ ได้ดำเนินการรวบรวม ตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อย่างต่อเนื่อง และได้พิจารณาร่วมกันมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ข้อเท็จจริงตามเอกสารหลักฐานที่ทางราชการมีอยู่ และผลการสอบสวนพยานเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้องในอดีต ระบุอย่างสอดคล้องตรงกัน ปราศจากข้อสงสัยว่า นายอภิสิทธิ์ ขาดคุณสมบัติบรรจุเป็นข้าราชการกลาโหมพลเรือน ตำแหน่งอาจารย์ ร.ร.จปร. อย่างชัดแจ้ง เพราะขาดการเกณฑ์ทหาร โดยไม่มีใบสำคัญผ่อนผันที่ถูกต้องตามกฎหมาย หลอกลวงให้เจ้าหน้าที่ ร.ร.จปร. และ สบ.ทบ. หลงผิดว่า ตนเองมีคุณสมบัติครบ โดยปกปิดข้อเท็จจริงที่ว่าไม่ได้ไปตรวจเลือก เมื่อ 7 เม.ย. 30 และอ้างว่ามีหลักฐานทางทหารโดยไม่เป็นความจริงดังนั้น การออกคำสั่งบรรจุและคำสั่งแต่งตั้งยศทหาร เป็น ว่าที่ ร.ต. จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายทั้งหมด เพราะเป็นการหลงผิดของผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการออกคำสั่ง รัฐมนตรีกลาโหมจึงได้สั่งการให้เพิกถอนคำสั่งเดิมเสียทั้งหมด
ขณะที่สาระสำคัญอีกส่วนหนึ่งอยู่ที่ กรณีวันที่ 2 มิ.ย. 31 ว่าที่ ร.ต.อภิสิทธิ์ ซึ่งขณะนั้นคำสั่งแต่งตั้งยังมีผล บังคับอยู่ ได้ใช้เอกสารใบสำคัญ สด.9 ใบแทน ลง 8 เม.ย. 31 ระบุการขึ้นทะเบียนทหารกองเกิน วันที่ 8 เม.ย. 31 ซึ่งเป็นเท็จ ขัดกับใบ สด.9 ฉบับเดิมลง 4 ก.ค. 29 นำไปขึ้นทะเบียนกองประจำการ เพื่อนับเวลาในการรับราชการทหาร ตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ. 2497 การใช้เอกสารเท็จในการขึ้นทะเบียนกองประจำการ จึงทำให้ต้องเพิกถอนทะเบียนกองประจำการด้วย และถือว่า การเป็นอาจารย์ ร.ร.จปร. เป็นตำแหน่งนายทหารสัญญาบัตรอันมีเกียรติคุณสูงในทางทหาร ดังนั้น การที่นายอภิสิทธิ์ ใช้เอกสารเท็จ จึงเป็นการละเมิดคำสั่งแบบแผนแบบธรรมเนียมทหาร เป็นการละเมิดศีลธรรมและจริยธรรมของทหารสัญญาบัตร เป็นการกระทำทุจริตประพฤติมิชอบและผิดวินัยทหารอย่างร้ายแรง เทียบเคียงได้กับการผิดวินัยร้ายแรงของข้าราชการพลเรือน ซึ่งคณะกรรมการฯ มีมติให้มีคำสั่งไล่ออกหรือปลดออกหรือให้ออกจากราชการย้อนหลัง ตั้งแต่วันกระทำผิด คือ 2 มิ.ย. 31 ซึ่งหากเป็นตามนี้ อาจมีผลให้นายอภิสิทธิ์ ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ ต้องพ้นจากการเป็น ส.ส. ทันที
คณะกรรมการฯ ได้ทำหนังสือให้นายอภิสิทธิ์ มาให้การ หรือนำส่งเอกสารเพื่อเปิดโอกาสให้พิสูจน์ความถูกต้องของตน แต่นายอภิสิทธิ์ ได้บ่ายเบี่ยงและขอเลื่อนเวลาการมาให้การและมิได้นำส่งเอกสารใดๆ ให้กับคณะกรรมการฯ จนกระทั่งพ้นกำหนดระยะเวลาให้ส่งเอกสาร เมื่อ 6 พ.ย. 55 ที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ จึงได้ลงมติตัดสินเป็นเอกฉันท์ในความผิดต่างๆ ของนายอภิสิทธิ์ และได้รายงานผลให้รัฐมนตรีกลาโหม รับทราบ และได้เสนอให้ยกเลิกเพิกถอนคำสั่งการบรรจุ คำสั่งการแต่งตั้ง เป็น นายทหารสัญญาบัตร ยศ ว่าที่ ร.ต. และการขึ้นทะเบียนกองประจำการ ซึ่งมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่ง พล.อ.อ.สุกำพล ได้สั่งให้ปลดว่าที่ ร.ต.อภิสิทธิ์ ออกจากราชการมีผลย้อนหลังตั้งแต่ 2 มิ.ย. 31 และให้ยกเลิกเพิกถอนคำสั่งบรรจุและคำสั่งแต่งตั้งเป็น ว่าที่ ร.ต. นั้นด้วย โดยได้รายงานให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน รับทราบแล้ว
คณะกรรมการฯ ชุดดังกล่าว ได้ตรวจพบการใช้เอกสารไม่ถูกต้อง มีสาระสำคัญเป็นเท็จ ได้แก่ หนังสือรับรองการผ่อนผันที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายและมีข้อความเท็จ และการใช้เอกสารใบสำคัญ สด.9 ใบแทนฉบับ 8 เม.ย. 31 (ใช้แทนฉบับ 4 ก.ค. 29) ในการสมัครเข้ารับราชการและการขึ้นทะเบียนกองประจำการ รวมถึงการที่นายอภิสิทธิ์ ขาดการเกณฑ์ทหาร โดยไม่มีหนังสือผ่อนผันที่ถูกกฎหมาย ซึ่งถูกบันทึกไว้ในเอกสาร สด.16 ว่า "ขาด" รวม 7 ครั้ง
ต่อมาเมื่อ พล.อ.อ.ไมตรี โอสถหงษ์ เกษียณอายุราชการไป เมื่อ 1 ต.ค. 55 รัฐมนตรีกลาโหม จึงได้แต่งตั้ง พล.อ.ม.ล.ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานกรรมการชุดใหม่ มีคณะกรรมการ ประกอบด้วย พล.ท.ธวัชชัย บุญศรี จเรทหาร,พล.ท.พอพล มณีรินทร์ ผบ.ร.ร.จปร., พล.ท.ประพันธ์ พุทธานุ เจ้ากรมสรรพกำลังกลาโหม, พล.ต.สุรเดช เฟื่องเจริญ เจ้ากรมกำลังพลทหารบก, พล.ต.ชาติชาย แจ้งสี รองเจ้ากรมสรรพกำลังกลาโหม และ พล.ต.สวัสดิ์ รัตนา ผู้ช่วยเจ้ากรมเสมียนตรา เป็น กรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการฯ ชุดใหม่ ได้ดำเนินการรวบรวม ตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อย่างต่อเนื่อง และได้พิจารณาร่วมกันมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ข้อเท็จจริงตามเอกสารหลักฐานที่ทางราชการมีอยู่ และผลการสอบสวนพยานเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้องในอดีต ระบุอย่างสอดคล้องตรงกัน ปราศจากข้อสงสัยว่า นายอภิสิทธิ์ ขาดคุณสมบัติบรรจุเป็นข้าราชการกลาโหมพลเรือน ตำแหน่งอาจารย์ ร.ร.จปร. อย่างชัดแจ้ง เพราะขาดการเกณฑ์ทหาร โดยไม่มีใบสำคัญผ่อนผันที่ถูกต้องตามกฎหมาย หลอกลวงให้เจ้าหน้าที่ ร.ร.จปร. และ สบ.ทบ. หลงผิดว่า ตนเองมีคุณสมบัติครบ โดยปกปิดข้อเท็จจริงที่ว่าไม่ได้ไปตรวจเลือก เมื่อ 7 เม.ย. 30 และอ้างว่ามีหลักฐานทางทหารโดยไม่เป็นความจริงดังนั้น การออกคำสั่งบรรจุและคำสั่งแต่งตั้งยศทหาร เป็น ว่าที่ ร.ต. จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายทั้งหมด เพราะเป็นการหลงผิดของผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการออกคำสั่ง รัฐมนตรีกลาโหมจึงได้สั่งการให้เพิกถอนคำสั่งเดิมเสียทั้งหมด
ขณะที่สาระสำคัญอีกส่วนหนึ่งอยู่ที่ กรณีวันที่ 2 มิ.ย. 31 ว่าที่ ร.ต.อภิสิทธิ์ ซึ่งขณะนั้นคำสั่งแต่งตั้งยังมีผล บังคับอยู่ ได้ใช้เอกสารใบสำคัญ สด.9 ใบแทน ลง 8 เม.ย. 31 ระบุการขึ้นทะเบียนทหารกองเกิน วันที่ 8 เม.ย. 31 ซึ่งเป็นเท็จ ขัดกับใบ สด.9 ฉบับเดิมลง 4 ก.ค. 29 นำไปขึ้นทะเบียนกองประจำการ เพื่อนับเวลาในการรับราชการทหาร ตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ. 2497 การใช้เอกสารเท็จในการขึ้นทะเบียนกองประจำการ จึงทำให้ต้องเพิกถอนทะเบียนกองประจำการด้วย และถือว่า การเป็นอาจารย์ ร.ร.จปร. เป็นตำแหน่งนายทหารสัญญาบัตรอันมีเกียรติคุณสูงในทางทหาร ดังนั้น การที่นายอภิสิทธิ์ ใช้เอกสารเท็จ จึงเป็นการละเมิดคำสั่งแบบแผนแบบธรรมเนียมทหาร เป็นการละเมิดศีลธรรมและจริยธรรมของทหารสัญญาบัตร เป็นการกระทำทุจริตประพฤติมิชอบและผิดวินัยทหารอย่างร้ายแรง เทียบเคียงได้กับการผิดวินัยร้ายแรงของข้าราชการพลเรือน ซึ่งคณะกรรมการฯ มีมติให้มีคำสั่งไล่ออกหรือปลดออกหรือให้ออกจากราชการย้อนหลัง ตั้งแต่วันกระทำผิด คือ 2 มิ.ย. 31 ซึ่งหากเป็นตามนี้ อาจมีผลให้นายอภิสิทธิ์ ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ ต้องพ้นจากการเป็น ส.ส. ทันที
คณะกรรมการฯ ได้ทำหนังสือให้นายอภิสิทธิ์ มาให้การ หรือนำส่งเอกสารเพื่อเปิดโอกาสให้พิสูจน์ความถูกต้องของตน แต่นายอภิสิทธิ์ ได้บ่ายเบี่ยงและขอเลื่อนเวลาการมาให้การและมิได้นำส่งเอกสารใดๆ ให้กับคณะกรรมการฯ จนกระทั่งพ้นกำหนดระยะเวลาให้ส่งเอกสาร เมื่อ 6 พ.ย. 55 ที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ จึงได้ลงมติตัดสินเป็นเอกฉันท์ในความผิดต่างๆ ของนายอภิสิทธิ์ และได้รายงานผลให้รัฐมนตรีกลาโหม รับทราบ และได้เสนอให้ยกเลิกเพิกถอนคำสั่งการบรรจุ คำสั่งการแต่งตั้ง เป็น นายทหารสัญญาบัตร ยศ ว่าที่ ร.ต. และการขึ้นทะเบียนกองประจำการ ซึ่งมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่ง พล.อ.อ.สุกำพล ได้สั่งให้ปลดว่าที่ ร.ต.อภิสิทธิ์ ออกจากราชการมีผลย้อนหลังตั้งแต่ 2 มิ.ย. 31 และให้ยกเลิกเพิกถอนคำสั่งบรรจุและคำสั่งแต่งตั้งเป็น ว่าที่ ร.ต. นั้นด้วย โดยได้รายงานให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน รับทราบแล้ว
ข่าว
9 พฤศจิกายน 2555
รัฐบาล ปชต. 15 ล้านเสียง ใช้อำนาจรัฐ ขัดขวางกระบวนการตรวจสอบ ปลด มาร์ค ออกจากราชการทหาร ได้ 2 เด้ง ล้มซักฟอก-เขี่ยออกจากการเมืองข้อกล่าวหาอภิสิทธิก่อน รมว.กลาโหมมีคำสั่งปลดออกจากราการ ถอดยศ
19 ก.ค. 2555 พลเอกสุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม แ
ถลงทำหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดินวันที่ 10 ก.ค. 2555 ชี้แจงตามคำร้องของนายกมล บันไดเพชร มีเนื้อหาว่านายอภิสิทธิ์ไม่มีสิทธิ์ผ่อนผันเพราะเป็นผู้ที่ไมได้กำลังศึกษา และเอกสารขัดแย้งกัน
27 ก.ค. 2555 แถลงว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้ไปเกณฑ์ทหารในวันที่ 7 เม.ย. 2530 จริง เพราะฉะนั้นจึงถือว่า นายอภิสิทธิ์ หนีทหาร และใช้เอกสารที่ไม่อยู่ในระบบทางราชการในการบรรจุเข้ารับราชการไปสมัครเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ในโรงเรียนนายร้อย จปร.
3 ต.ค.2555 ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง อ้างต้องเร่งรัดเพื่อแจ้งผลสรุปให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน
7 พ.ย.2555 มติขนออนไลน์เสนอข่าว สุกำพลเซ็นถอดยศแล้ว
8 พ.ย.2555 พล.อ.มล. ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานกรรมการพิจารณาฯ ถอดยศ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ระบุเรื่องยังไม่ยุติ ยังไม่ได้ส่งเรื่องให้ รมว.กลาโหม ลงนาม
8 พ.ย.2555 รมว.กลาโหมมีคำสั่งปลดอภิสิทธิื์ออกจากการเป็นทหารสัญญาบัตร มีการพิมพ์ผิดสองจุดคือ “ผิดหลง” ซึ่งความจริงต้องเป็น “หลงผิด” และ “รัฐมนตรีว่าการทรวงกลาโหม” โดยพิมพ์ตกคำว่า “กระ” ไป แสดงให้เห็นถึงพิรุธมีความเร่งรีบผิดปกติ
8 พ.ย.2555 วิปฝ่ายค้านยื่นถอดถอน นายกรัฐมนตรี พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต และพล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก
ผลจากการปลด อภิสิทธิ์ ออกจากราชการกระทบถึงญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจและชีวิตทางการเมืองของ อภิสิทธิ์ ดังนี้
รธน.มาตรา 102(6) เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการหน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการ
เมื่อถูกปลดออกจากราชการโดยในคำสั่งระบุว่าเป็นการทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการ ทำให้เข้าข่ายขาดคุณสมบัติตาม รธน.ดังกล่าว เพื่อให้ขาดความเป็น ส.ส.และผู้นำฝ่ายค้าน
ทำให้ญัตติถอดถอดและอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ยื่นในวันที่ 8 และ 9 พ.ย. 55 จะถูกโต้แย้งเรื่องข้อกฎหมายว่าเป็นโมฆะเพราะผู้นำฝ่ายค้านขาดคุณสมบัติ ซึ่งคำสั่งดังกล่าวออกในวันที่ 8 พ.ย.55 ตรงกับวันยื่นถอดถอนพอดี
27 ก.ค. 2555 แถลงว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้ไปเกณฑ์ทหารในวันที่ 7 เม.ย. 2530 จริง เพราะฉะนั้นจึงถือว่า นายอภิสิทธิ์ หนีทหาร และใช้เอกสารที่ไม่อยู่ในระบบทางราชการในการบรรจุเข้ารับราชการไปสมัครเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ในโรงเรียนนายร้อย จปร.
3 ต.ค.2555 ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง อ้างต้องเร่งรัดเพื่อแจ้งผลสรุปให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน
7 พ.ย.2555 มติขนออนไลน์เสนอข่าว สุกำพลเซ็นถอดยศแล้ว
8 พ.ย.2555 พล.อ.มล. ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานกรรมการพิจารณาฯ ถอดยศ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ระบุเรื่องยังไม่ยุติ ยังไม่ได้ส่งเรื่องให้ รมว.กลาโหม ลงนาม
8 พ.ย.2555 รมว.กลาโหมมีคำสั่งปลดอภิสิทธิื์ออกจากการเป็นทหารสัญญาบัตร มีการพิมพ์ผิดสองจุดคือ “ผิดหลง” ซึ่งความจริงต้องเป็น “หลงผิด” และ “รัฐมนตรีว่าการทรวงกลาโหม” โดยพิมพ์ตกคำว่า “กระ” ไป แสดงให้เห็นถึงพิรุธมีความเร่งรีบผิดปกติ
8 พ.ย.2555 วิปฝ่ายค้านยื่นถอดถอน นายกรัฐมนตรี พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต และพล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก
ผลจากการปลด อภิสิทธิ์ ออกจากราชการกระทบถึงญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจและชีวิตทางการเมืองของ อภิสิทธิ์ ดังนี้
รธน.มาตรา 102(6) เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการหน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการ
เมื่อถูกปลดออกจากราชการโดยในคำสั่งระบุว่าเป็นการทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการ ทำให้เข้าข่ายขาดคุณสมบัติตาม รธน.ดังกล่าว เพื่อให้ขาดความเป็น ส.ส.และผู้นำฝ่ายค้าน
ทำให้ญัตติถอดถอดและอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ยื่นในวันที่ 8 และ 9 พ.ย. 55 จะถูกโต้แย้งเรื่องข้อกฎหมายว่าเป็นโมฆะเพราะผู้นำฝ่ายค้านขาดคุณสมบัติ ซึ่งคำสั่งดังกล่าวออกในวันที่ 8 พ.ย.55 ตรงกับวันยื่นถอดถอนพอดี
คนไทยด้วยกัน
ตอบลบ