จารึกประวัติศาสตร์ thaihistory ในหลวงเสด็จออกต้อนรับโอบาม่า
"โอบามา" ถึงไทย เข้าเฝ้าฯ "ในหลวง" ทูลเกล้าฯ ถวายภาพเขียน-อัลบั้มพระบรมฉายาลักษณ์เมื่อครั้งเสด็จฯ เยือนสหรัฐ ชื่นชม "ในหลวง" ทรงเป็นผู้นำแห่งภูมิปัญญา ด้าน "ยิ่งลักษณ์" เปิดทำเนียบฯ ถกทวิภาคี-สั่งไก่ย่าง ส้มตำ จัดเลี้ยงต้อนรับ ระดม ตร.3,100 นาย คุ้มกันเข้ม
นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นำคณะเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายน ในโอกาสครบรอบ 180 ปีของมิตรภาพระหว่างสหรัฐอเมริกาและราชอาณาจักรไทย ท่ามกลางการอารักขาปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 กองทัพอากาศ เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 18 พฤศจิกายน นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เดินทางด้วยเครื่องบินแอร์ ฟอร์ซ วัน ถึงประเทศไทยโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ ไปต้อนรับนายบารัก โอบามา โดยมีนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะผู้แทนรัฐบาล นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะรัฐมนตรีเกียรติยศ พร้อมด้วยนางคริสตี เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ร่วมต้อนรับ
ก่อนหน้านั้น ในเวลา 12.00 น. นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เดินทางมาถึงสนามบินดอนเมือง ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเช่นกัน
โดยทันทีที่ประธานาธิบดีสหรัฐเดินลงจากเครื่องบินแอร์ ฟอร์ซ วัน ได้โบกมือทักทายสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ ที่มารอทำข่าวอยู่เป็นจำนวนมาก จากนั้นได้ขึ้นรถยนต์ออกจากสนามบิน มุ่งหน้าไปยังวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือวัดโพธิ์ เพื่อเยี่ยมชมบริเวณพระอุโบสถ วิหารพระนอน พระมหาเจดีย์ โดยมีพระสุธีธรรมานุวัตร หรือเจ้าคุณเทียบ สิริญาโณ คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) และผู้ช่วยเจ้าอาวาส เป็นคนนำเยี่ยมชม และบรรยายแต่ละจุด
โปรดเกล้าฯ"โอบามา"เข้าเฝ้าฯที่ศิริราช
เมื่อเวลา 16.53 น. วันที่ 18 พฤศจิกายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ ห้องประชุมสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ นางคริสตี แอนน์ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และคณะ เข้าเฝ้าฯ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสัมผัสพระหัตถ์กับนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นางฮิลลารี คลินตัน และ นางคริสตี แอนน์ เคนนีย์ พร้อมกันนี้มีพระราชปฏิสันถารกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและคณะ ต่อจากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานของขวัญ เป็นหนังสือจำนวน 3 เล่ม ได้แก่ ฮาร์ท ออฟ เดอะ คิงดอม, ฟรอม รอยัล อินนิชิเอทีฟส์ 60 เยียร์ ออฟ เดอะ พีเพิลส์ แฮปปี้เนสส์ อันเดอร์ เดอะ รอยัล อีจิส และ อะ เมมัวร์ ออฟ ฮีส มาเจสติก คิง ภูมิพล อดุลยเดช ออฟ ไทยแลนด์ ให้แก่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
ในการนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานผ้าไหมแพรวาฝากไปให้นางมิเชล โอบามา ภริยานายบารัค โอบามา ด้วย
ขณะที่นายบารัค โอบามา ทูลเกล้าฯ ถวายของทูลพระขวัญแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นภาพเขียน ศิลปะธงชาติสหรัฐอเมริกา ขนาด 35.5x30.5 นิ้ว และอัลบั้มพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสเสด็จฯ เยือนสหรัฐอเมริกา และทรงพบกับประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาในสมัยต่างๆ จากนั้นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและคณะ กราบบังคมทูลลา
สำหรับบรรยากาศที่โรงพยาบาลศิริราช ช่วงก่อนที่นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และคณะ ที่เดินทางมาเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่ช่วงเช้าเป็นต้นมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 7 กว่า 300 นาย หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) พร้อมด้วยสุนัขตำรวจมาตรวจค้นบริเวณโดยรอบโรงพยาบาลอย่างละเอียด และไม่อนุญาตให้นำรถมาจอดบริเวณทางเข้าออกภายในโรงพยาบาล ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย ส่วนบริเวณโถงใต้อาคารเฉลิมพระเกียรติ เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ประชาชนเข้าไปนั่งเด็ดขาด โดยนำฉากมากั้นบริเวณด้านข้างลิฟต์ที่จะเข้าไปภายในตัวอาคาร พร้อมวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งด้านล่างอาคาร และประจำจุดต่างๆ โดยรอบโรงพยาบาล ส่วนร้านค้ารอบๆ โรงพยาบาลศิริราช โดยเฉพาะแผงลอยบนฟุตบาทบริเวณริมถนนด้านท่าเรือวังหลังและท่าพรานนก เจ้าหน้าที่ตำรวจขอความร่วมมือปิดร้าน 1 วัน เพื่อสะดวกต่อการรักษาความปลอดภัย
ในขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และคณะเดินทางมาถึงโรงพยาบาลศิริราช มีประชาชนคอยต้อนรับบริเวณข้างถนนตลอดเส้นทางที่รถผ่าน ท่ามกลางสายฝน ต่างส่งเสียงต้อนรับ ขณะที่นายบารัก โอบามา ก็โบกมือให้กลับไปด้วย
นายกฯเปิดทำเนียบหารือ-จัดเลี้ยงรับ
ต่อมาเวลาประมาณ 18.00 น.ประธานาธิบดีสหรัฐเดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีของไทยจะนำประธานาธิบดีสหรัฐเดินตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้นประธานาธิบดีสหรัฐลงนามในสมุดเยี่ยม และหารือระดับทวิภาคี ก่อนที่นายกฯ ไทยจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติและแถลงข่าวร่วมกัน
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ร่วมแถลงข่าวภายหลังการหารือทวิภาคี โดยนายโอบามาเริ่มต้นด้วยการกล่าวคำทักทายเป็นภาษาไทยว่า "สวัสดีครับ" และจบลงด้วยคำว่า "ขอบคุณครับ" รวมทั้งกล่าวชม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า "พูดภาษาอังกฤษได้ดี มากกว่าผมพูดภาษาไทย"
การแถลงข่าวร่วมกันครั้งนี้ นายโอบามาได้กล่าวย้ำว่า ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก มีความสำคัญต่อการสร้างงาน และโอกาสทางธุรกิจของชาวอเมริกัน พร้อมกับย้ำว่า สหรัฐ-ไทย เป็นพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชีย และความสัมพันธ์ที่ดียังคงดำเนินต่อไป รวมทั้งได้พูดถึงกับภารกิจสำคัญของการที่สหรัฐ จะกลับเข้ามายังภูมิภาค โดยเน้นเรื่องการค้า และเรื่องความมั่นคง
ประธานาธิบดีสหรัฐยังบอกว่า ไทยเป็นศูนย์กลางภูมิภาคอาเซียน ความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนและสหรัฐส่งผลถึงการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างภูมิภาค รวมทั้งชื่นชมไทยที่สนับสนุนประชาธิปไตยในพม่า และว่า ตอนนี้พม่าเริ่มมีการปฏิรูปได้ดีขึ้น ซึ่งสหรัฐต้องเข้าไปมีส่วนร่วมกับการแก้ไขปัญหา พร้อมกับบอกการไปเยือนพม่าในวันที่ 19 พฤศจิกายน ไม่ใช่เรื่องของการเห็นด้วยกับพม่า แต่เป็นสัญญาณบ่งบอกของความก้าวหน้า
ทั้งนี้ นายโอบามาย้ำว่า สหรัฐตระหนักถึงบทบาทของไทยในการเป็นศูนย์กลางสำหรับการเชื่อมโยงอาเซียน และสนับสนุนบทบาทที่สำคัญของไทยในการสร้างประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายยินดีที่จะมีการประชุมคณะมนตรีภายใต้กรอบความตกลงการค้าและการลงทุน ซึ่งเป็นพื้นฐานของความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในความเป็นหุ้นส่วนนี้ ภายใต้บริบทนี้ ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องร่วมกันที่จะส่งเสริมการค้าการลงทุนในภูมิภาค การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างยั่งยืน โอกาสทางเศรษฐกิจของสตรี และความเชื่อมโยงระหว่างประชาชนกับประชาชนร่วมกัน ผ่านแผนงาน 5 ปีของสหรัฐ และอาเซียน
นายโอบามายินดีต่อความสนใจของไทยในการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการดำเนินการตามกระบวนการภายในที่จำเป็นของไทย
ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แสดงท่าทีตอบรับกว้างๆ ต่อกรอบการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (ทีพีพี) กับสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ความร่วมมือภูมิภาคแปซิฟิก ที่สหรัฐผลักดัน แต่ต้องศึกษาให้รอบคอบ และย้ำถึงความสำคัญการค้าเสรี โดยตอบคำถามของนักข่าวว่า เป็นยุทธศาสตร์การค้า การลงทุน กับพันธกิจในทีพีพีว่าจะช่วยในการขยายขนาดของเศรษฐกิจในอนาคต
ชื่นชม "ในหลวง" ผู้นำแห่งภูมิปัญญา
ในระหว่างการแถลงข่าว นายโอบามากล่าวว่า การมาเยือนประเทศไทยเป็นประเทศแรกนั้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และเมื่อเร็วๆ นี้ประชาชนได้พยายามฟื้นฟูความเข้มแข็งของระบบประชาธิปไตย ซึ่งรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยพระองค์ทรงเป็นผู้นำด้านภูมิปัญญา และความมีศักดิ์ศรีที่แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์และความเป็นเอกภาพของประเทศไทย
นายโอบามาได้แสดงความปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เข้าเฝ้าฯ และในโอกาสนี้ได้กล่าวถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ และกล่าวชื่นชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า ทรงเป็นผู้นำแห่งภูมิปัญญา และศูนย์รวมของคนในประเทศ
ทั้งนี้ในระหว่างการแถลงข่าว นายโอบามา ยังกล่าวชื่นชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า พระองค์ทรงเป็นผู้นำแห่งภูมิปัญญา และเป็นศูนย์รวมของชาติ
หลังจบการแถลงข่าวร่วมกันแล้ว ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนถามคำถามได้คนละ 2 คำถาม โดยสื่อไทยที่ได้รับอนุญาตให้ตั้งคำถามคือ ผู้สื่อข่าวจากมติชน และสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส จากนั้นเป็นคิวของสื่อต่างประเทศอีก 2 คำถาม โดยคำถามทั้งหมดมีการสกรีนมาก่อนล่วงหน้าแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกพอใจต่อสภาวะของประชาธิปไตยของไทยในขณะนี้หรือไม่ เพราะขณะนี้ยังไม่สามารถหาตัวผู้ที่สั่งฆ่าประชาชนได้ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า สิ่งที่จะต้องเน้นย้ำคือ เสถียรภาพทางการเมืองเป็นสำคัญ ซึ่งจะช่วยในการขับเคลื่อนประเทศและเราต้องยึดหลักกฎหมาย รวมถึงเดินหน้าการสร้างความปรองดอง ขณะเดียวกันต้องใช้หลักสันติวิธี
ด้านนายโอบามา กล่าวว่า ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่เราต้องทำให้ได้มา ทั้งนี้สิ่งที่นายกฯ ของไทยกำลังทำอยู่ถือเป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมประชาธิปไตยอยู่แล้ว
ทั้งนี้ มีรายงานว่า หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจและงานเลี้ยงที่ทำเนียบรัฐบาลแล้ว นายโอบามาเดินทางไปที่สปอร์ตคอมเพล็กซ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อพบปะกับชาวสหรัฐอเมริกาในไทย ก่อนเดินทางกลับไปพักที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์
โดยมีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า รถยนต์ประจำแหน่งของนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่นำมาจากสหรัฐอเมริกาไปยังทุกสถานที่ที่ประธานาธิบดีสหรัฐเดินทางไป มีระบบความปลอดภัยในระดับสูงสุด จากการปรับเปลี่ยนรถลีมูซีนยี่ห้อแคดิแลคให้เป็นรถหุ้มเกราะ บานประตูทุกบานมีการเสริมเกราะหนาจนมีน้ำหนักเท่าๆกับประตูเครื่องบินโบอิ้ง 757 แบ่งส่วนโชเฟอร์กับผู้โดยสารทั้ง 4 ด้วยแผ่นวัสดุกันกระสุนซึ่งประธานาธิบดีเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์เปิดบานวัสดุกันกระสุน ภายในติดตั้งระบบสื่อสารเต็มรูปแบบทั้งโทรศัพท์ดาวเทียม อินเตอร์เน็ตไร้สาย และโทรศัพท์สายตรงต่อรองประธานาธิบดี ถังน้ำมันเสริมเกราะป้องกันกระสุนและแรงระเบิด มีอาวุธสำหรับตอบโต้การโจมตีจากผู้ไม่ประสงค์ดี ยางทั้งสี่เส้นเสริมด้วยวัสดุเคฟลาร์ป้องกันไม่ให้ลูกกระสุนทะลุทะลวงสร้างความเสียหายต่อยาง
ผู้ขับรถเป็นเจ้าหน้าที่ซีไอเอที่ผ่านการฝึกอบรมอย่างเข้มข้นในการพารถและบุคคลสำคัญออกจากพื้นที่เสี่ยง พร้อมระบบมองภาพกลางคืน (Night Vision) ที่ทำให้ผู้ขับสามารถขับรถฝ่าความมืดได้อย่างสะดวก ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 6.5 ลิตรให้แรงม้าเพียงพอต่อการหลบหนีจากพื้นที่เสี่ยงภัย ส่วนราคารถลีมูซีนประจำตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคันนี้ อยู่ที่ราว 25 ล้านบาท
ส่วนกำหนดการวันที่ 19 พฤศจิกายน ช่วงเช้าประธานาธิบดีสหรัฐจะเดินทางไปที่สนามบิน บน.6 ขึ้นเครื่องบินแอร์ ฟอร์ซ วัน ไปยังท่าอากาศยานกรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 21
เปิดเมนูรัฐบาลไทยจัดเลี้ยง "โอบามา"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเมนูอาหารเย็นที่รัฐบาลไทยจัดเลี้ยงแก่นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและคณะ ประกอบด้วย พล่าปลาแซลมอน, หมี่กรอบ, ส้มตำ, ไก่ย่าง, ไส้กรอกอีสาน, เกาเหลาลูกชิ้นเนื้อ, แกงเขียวหวานเนื้อ, ไข่แดงเค็มและหมูฝอย, ผัดผักสี่สหายซอสใสใส่เนื้อปู, กุ้งเผาน้ำมะขาม และข้าวหอมมะลิ
ขณะที่ของหวานประกอบด้วย ลอดช่องเผือกน้ำกะทิ, ผลไม้ไทย, ลูกชุบ, เม็ดขนุน และทองเอก
ทั้งนี้ โต๊ะอาหารที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายโอบามา นั่งนั้น เป็นโต๊ะยาว โดยนายโอบามานั่งคู่กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ส่วนนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา นั่งติดกับนายโอบามาทางด้านขวามือ ขณะที่ซ้ายมือของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนางฮิลลารี คลินตัน ถัดไปจึงเป็นนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง
ส่วนแขกพิเศษอื่นทั้งหมดได้จัดเป็น 10 โต๊ะ ซึ่งแต่ละโต๊ะได้ตั้งชื่อ ประกอบด้วย วอชิงตัน ดีซี แบงค็อก เชียงใหม่ ภูเก็ต ฮอนโนลูลู ชิคาโก ขอนแก่น อยุธยา ลอสแองเจลิส และนิวยอร์ก
ตร.3,100 นายดูแลความปลอดภัย
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาว่า ได้สั่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมกับตำรวจสันติบาล ตำรวจตระเวนชายแดน และตำรวจภูธรภาค 1 ทั้งสิ้น 3,100 นาย เพื่อทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกให้แก่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้น พล.ต.อ.อดุลย์ได้เดินทางไปตรวจกำลังพลที่บริเวณหน้าโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ถนนวิทยุ สถานที่พักของประธานาธิบดีสหรัฐ เป็นจุดแรก และเดินทางไปวัดโพธิ์ และทำเนียบรัฐบาล เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย
โอบามาเยือนพม่า-เขมรต่อจากไทย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานการเยือนประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยแวะเยือนประเทศไทยเป็นประเทศแรก ก่อนเดินทางไปยังพม่า เพื่อเข้าพบนายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีพม่า และนางออง ซาน ซูจี ผู้นำพรรคฝ่ายค้านของพม่า ในวันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน และมีกำหนดเดินทางไปยังกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เพื่อเข้าร่วมประชุมผู้นำสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ในวันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศอาเซียน ที่หลายประเทศกำลังอยู่ในช่วงการปฏิรูปทางการเมืองเข้าสู่ประชาธิปไตย
นายโอบามา ที่เรียกตัวเองว่า "ประธานาธิบดีแห่งภูมิภาคแปซิฟิก" เดินทางถึงกรุงเทพฯ ในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ และได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่โรงพยาบาลศิริราช ก่อนเข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อปรึกษาหารือในประเด็นต่างๆ
ทั้งนี้ ประเด็นที่เป็นที่จับตามองในการเดินทางเยือนประเทศอาเซียนครั้งนี้ อยู่ที่การเดินทางเยือนพม่า โดยทางทำเนียบขาวหวังว่า การเยือนพม่าครั้งนี้ จะเป็นการแสดงความสนับ สนุนและขับเคลื่อนการปฏิรูปการปกครองของพม่า โดยนายเต็ง เส่ง และ นางซูจี แม้ในปัจจุบันระบบการปกครองของพม่ายังอ้างอิงการดำเนินการทางทหารเป็นอย่างมาก ขณะที่การเยือนกรุงพนมเปญนั้น หลายฝ่ายเชื่อว่าจะมีการหารือประเด็นข้อพิพาทเหนือดินแดนในทะเลจีนใต้ ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนด้วย
มุมมองสื่อต่างชาติ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันอาทิตย์( 18 พ.ย.) ถึงการเยือนประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่เพิ่งได้รับเลือกตั้งเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่สอง ตั้งแต่วันอาทิตย์( 18 พ.ย.) โดยแวะเยือนประเทศไทยเป็นประเทศแรก ก่อนเดินทางไปยังพม่า เพื่อเข้าพบนายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีพม่าและนางอองซาน ซูจี ผู้นำพรรคฝ่ายค้านของพม่า ในวันจันทร์ (19 พ.ย.) และ มีกำหนดเดินทางไปยังกรุงพนมเปญ เพื่อเข้าร่วมประชุมผู้นำสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ในวันอังคาร (20 พ.ย.) ว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศอาเซียนที่หลายประเทศกำลังอยู่ในช่วงการปฏิรูปทางการเมืองเข้าสู่ประชาธิปไตย
นายโอบามา ที่เรียกตนเองว่า "ประธานาธิบดีแห่งภูมิภาคแปซิฟิก" เดินทางถึงกรุงเทพฯในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ ก่อนเดินทางเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ณ โรงพยาบาลศิริราช ก่อนเข้าพบนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเพื่อปรึกษาหารือในประเด็นต่างๆ
ประเด็นที่เป็นที่จับตามองในการเดินทางเยือนประเทศอาเซียนครั้งนี้อยู่ที่การเดินทางเยือนพม่าของนายโอบามา ในวันจันทร์ (19 พ.ย.) ที่นายโอบามา มีกำหนดเข้าพบนายเต็ง เส่ง ประธษนาธิบดีพม่า และ นางอองซาน ซูจี ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน และ การกล่าวสุนทรพจน์ของนายโอบามา ณ มหาวิทยาลัยย่างกุ้ง ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งการประท้วงรัฐบาลทหารของนักศึกษาพม่าในอดีต
นอกจากนั้นยังมีการเยือนกรุงพนมเปญ เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำอาเซียน ในวันอังคาร (20 พ.ย.) ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าในการประชุมครั้งนี้จะมีประเด็นข้อพิพาทเหนือดินแดนใน ทะเลจีนใต้ ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน เช่นฟิลิปปินส์ บรูไน เวียดนาม และ มาเลเซีย กับจีน นำมาหารือในการประชุมด้วย
ขณะที่ทำเนียบขาวหวังว่าการเยือนพม่าของนายโอบามาจะเป็นการแสดงความสนับสนุนและขับเคลื่อนการปฏิรูปการปกครองของพม่า โดยนายเต็ง เส่ง และ นางซูจี แม้ว่าในปัจจุบันระบบการปกครองพม่ายังอ้างอิงการดำเนินการทางทหารเป็นอย่างมาก
ด้านกลุ่มองค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชนวิจารณ์ว่านายโอบามาควรจะรออีกสักระยะก่อนที่จะเดินทางเยือนพม่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรรอให้พม่าปล่อยตัวนักโทษการเมืองที่เหลือออกมาเสียก่อน แต่ทางการสหรัฐยืนยันว่านายโอบามาจะเป็นผู้ช่วยกระตุ้นการขับเคลื่อนการปฏิรูปการปกครองในพม่าในเวลาที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์พม่าที่หลุดพ้นจากการถูกโดดเดี่ยวและแรงกดดันมาตลอดหลายทศวรรษ
ทั้งนี้สหรัฐอเมริกาได้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อพม่า ในส่วนของการยกเลิกการนำเข้าสินค้าจากพม่าเมื่อวันศุกร์ (16 พ.ย.) ต่อจากการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรพม่าอื่นๆในช่วงที่ผ่านมา
เว็บไซต์หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ รายงานว่า ระหว่างเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประธานาธิบดี โอบามา ได้กล่าวว่า "เป็นเกียรติยิ่งที่ได้เข้าเฝ้าครั้งนี้ ในฐานะตัวแทนของชาวอเมริกันซึ่งตระหนักถึงมิตรภาพของประเทศทั้งสอง รวมทั้งยังชื่นชมในพระอัจฉริยะและพระบารมีของพระองค์"
ขอบคุณ http://www.suthichaiyoon.com
ในหลวงเสด็จออกฯ
ต้อนรับโอบาม่า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับ นายบารัค โอบามา (The Honorable Barack Obama) ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา และคณะ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล (Official Visit)
วันอาทิตย์ ที่ 18 พฤศจิกายน 2555 เวลา 16.53 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ ห้องประชุม สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ทรงรับนายบารัค โอบามา (The Honorable Barack Obama) ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา และคณะ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล (Official Visit)
ข่าว : สำนักพระราชวัง
19 พฤศจิกายน 2555
ช้างเหยียบนา โอบาม่าเหยียบไทย
ประมวลภาพ
ประธานาธิบดี บารัก โอบาม่า สหรัฐอเมริกา
เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
ข่าว : ทำเนียบรัฐบาลไทย
19 พฤศจิกายน 2555
http://www.facebook.com/thaihistory/photos_stream
ปิดวัดโพธิ์ !
ให้โอบาม่าดูฤษีดัดตน
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ เผยเตรียมปิดวัดวันที่ 18 พ.ย.เฉพาะช่วง 'บารัค โอบามา' ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เยี่ยมชม 4 จุด คือ พระอุโบสถ วิหารพระนอน พระมหาเจดีย์ ฤาษีดัดตน สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมติดอันดับโลก...
เมื่อวันที่ 15 พ.ย. พระอุดรคณารักษ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กล่าวถึงกรณีนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาจะมีโปรแกรมไปเยี่ยมชมวัดพระเชตุพนฯ หรือวัดโพธิ์ ว่า ทางรัฐบาลได้แจ้งว่านายบารัค โอบามา จะเดินทางมาชมวัดโพธิ์ โดยจะชมใน 4 จุดของวัด ได้แก่ บริเวณพระอุโบสถ, วิหารพระนอน, พระมหาเจดีย์ และฤษีดัดตน ซึ่งทางวัดไม่จัดอะไรเป็นพิเศษ แต่จะมีการปิดวัดในช่วงที่นายบารัคเดินทางมาชม ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ของวันที่ 18 พ.ย.เป็นต้นไป จนกว่าจะเดินทางกลับทางวัดจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมตามปกติ
เมื่อวันที่ 15 พ.ย. พระอุดรคณารักษ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กล่าวถึงกรณีนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาจะมีโปรแกรมไปเยี่ยมชมวัดพระเชตุพนฯ หรือวัดโพธิ์ ว่า ทางรัฐบาลได้แจ้งว่านายบารัค โอบามา จะเดินทางมาชมวัดโพธิ์ โดยจะชมใน 4 จุดของวัด ได้แก่ บริเวณพระอุโบสถ, วิหารพระนอน, พระมหาเจดีย์ และฤษีดัดตน ซึ่งทางวัดไม่จัดอะไรเป็นพิเศษ แต่จะมีการปิดวัดในช่วงที่นายบารัคเดินทางมาชม ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ของวันที่ 18 พ.ย.เป็นต้นไป จนกว่าจะเดินทางกลับทางวัดจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมตามปกติ
ฤษีดัดตน วัดโพธิ์ท่าเตียน
เจ้าตำหรับนวดแผนโบราณของไทย
อย่างไรก็ตาม การที่วัดโพธิ์เป็นหนึ่งในสถานที่ที่บุคคลสำคัญจะเดินทางมาเยี่ยมชม เนื่องจากเห็นว่าวัดแห่งนี้มีชื่อเสียงระดับโลกจากการขึ้นทะเบียนฤษีดัดตน เป็นมรดกความทรงจำแห่งโลกของยูเนสโก ซึ่งแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าชมวัดวันละไม่ต่ำกว่า 10,000 คน แบ่งเป็นชาวต่างชาติไม่ต่ำกว่า 5,000 คนต่อวัน" พระอุดรคณารักษ์ กล่าว
สำหรับวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือวัดโพธิ์ เป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย มีเนื้อที่ 50 ไร่ 38 ตารางวา อยู่ด้านทิศใต้ของพระบรมมหาราชวัง จัดเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดราชวรมหาวิหาร และเป็นวัดประจำรัชกาลในรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาวัดโพธารามวัดเก่า ที่เมืองบางกอก ครั้งกรุงศรีอยุธยา เป็นวัดหลวง ข้างพระบรมมหาราชวังและที่ใต้พระแท่นประดิษฐานพระพุทธเทวปฏิมากร พระประธานในพระอุโบสถ เป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระองค์ท่านไว้
สำหรับวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือวัดโพธิ์ เป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย มีเนื้อที่ 50 ไร่ 38 ตารางวา อยู่ด้านทิศใต้ของพระบรมมหาราชวัง จัดเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดราชวรมหาวิหาร และเป็นวัดประจำรัชกาลในรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาวัดโพธารามวัดเก่า ที่เมืองบางกอก ครั้งกรุงศรีอยุธยา เป็นวัดหลวง ข้างพระบรมมหาราชวังและที่ใต้พระแท่นประดิษฐานพระพุทธเทวปฏิมากร พระประธานในพระอุโบสถ เป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระองค์ท่านไว้
ข่าว : ไทยรัฐ
16 พฤศจิกายน 2555
http://www.alittlebuddha.com/
http://www.facebook.com/thaihistory/photos_stream
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ครับ