ศาลโลกตั้งคดีฆ่าตัดตอน กรรมมาถึงทักษิณ
จ่อฟัน”ทักษิณ”
“ปึ้ง”แถคืนพาสปอร์ตทำถูกต้อง
23กันยา”นายใหญ่”โผล่สิงคโปร์
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.การต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 14 กันยายนยอมรับว่าได้รับทราบหนังสือจากผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่มีถึงกระทรวงการต่างประเทศ ขอให้ทบทวนการออกหนังสือเดินทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีอาญาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อเช้าวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมาและตนจะให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ พิจารณาว่า จะดำเนินการอย่างไรบ้าง ซึ่งต้องเป็นไปตามขั้นตอนระเบียบปฏิบัติที่กระทรวงเคยปฏิบัติมา เชื่อว่าข้าราชการทุกคนปฏิบัติตามหน้าที่ที่ทุกคนรับผิดชอบ จะทำทุกอย่างตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอมา อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าว ยังไม่พบว่าถือเป็นการกระทำความผิด
"หากว่าผิดแล้ว ทางผู้ตรวจการแผ่นดินก็ต้องบอกว่า ผมเองทำผิด หรือ กระทรวงเองทำผิด แต่เท่าที่ผมลองอ่านสรุปคร่าวๆ บอกว่าให้ไปดูตามกฎระเบียบ" สุรพงษ์ ระบุและยืนยันว่า การอนุมัติให้หนังสือเดินทาง เป็นไปตามระเบียบ โดยยึดข้อความเหมือนสมัยที่ นายกษิต ภิรมย์ เป็นรมว.ต่างประเทศ ที่มอบนโยบายให้กับกรมการกงสุล ดังนั้น ทุกอย่างจึงเป็นไปตามขั้นตอน”นายสุรพงษ์ระบุ
“เหลิม”ขู่ยุบผู้ตรวจการแผ่นดิน
ในประเด็นที่ผู้ตรวจการส่งหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศให้พิจารณาการคืนพาสปอร์ตให้นักโทษทักษิณ ทาง รตอ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯกล่าวว่า ไร้สาระ ตนพูดมาตลอดว่าหากแก้รัฐธรรมนูญ หน่วยแรกที่ต้องยุบคือผู้ตรวจการแผ่นดิน ต่อมาคือปรับจากศาลคู่ให้เป็นศาลเดี่ยว จากนั้นปรับปรุงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) “ผู้ตรวจการแผ่นดินไม่รู้จะเอาไว้ทำไม”
เผย”แม้ว”เข้าสิงคโปร์23กย.
ร.ต.อ.เฉลิม ยังอ้างว่าได้โทรศัพท์คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อคืนวันที่ 13 ก.ย. ก็คิดถึงกัน คุยเรื่องทั่วไป แต่ไม่ใช่เรื่องการเมือง ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณยังแข็งแรงและห่วงประเทศชาติทุกเรื่อง และ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางไปชมการแข่งขันรถสูตรหนึ่ง (ฟอร์มูลาวัน) ที่ประเทศสิงคโปร์ ในวันที่ 23 ก.ย.นี้
ในขณะที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท. ทักษิณ กล่าวว่าอยากเห็นสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นเครื่องมือของใคร ผู้ตรวจการแผ่นดินควรเป็นส่วนหนึ่งของการเยียวยาและคืนความเป็นธรรมให้กับเหยื่อของการละเมิดหลักนิติธรรมที่เกิดจากการรัฐประหาร
ปชป.เตือนขรก.รีบแก้ไข
ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)แถลงเตือนให้ แถลงปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการถอดถอนพาสปอร์ต และทำบันทึกของถอนการใช้หนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทันทีเนื่องจาก อยู่ในอำนาจของ ปลัดฯ เพราะเชื่อว่า รมว.ต่างประเทศ ไม่มีวันที่ดำเนินการเนื่องจากต้องการรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น
ศาลโลกรับฟ้องคดีฆ่าตัดตอน
โฆษก ปชป. ยังระบุด้วยว่า ขณะนี้ ศาลอาญาระหว่างประเทศ กรุงเฮก ประเทศเนเธอแลนด์ ได้มีหนังสือตอบกลับมายัง นายกษิต ภิรมย์ อดีตรมว.ต่างประเทศ กรณียื่นหนังสือ ให้ดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ กรณีฆ่าตัดตอน ว่า กำลังตั้งเรื่องพิจารณากรณีดังกล่าว
“ผู้พิพากษาศาลอาญาระหว่างประเทศ แจ้งว่าพร้อมที่จะรับข้อมูลต่างๆของทางฝั่งผู้ที่เสียหายกรณีการฆ่าตัดตอน และแจ้งว่าได้รับทราบรายละเอียดในเรื่องดังกล่าวแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการและเจ้าหน้าที่ ว่าจะรับข้อมูลทางฝั่งผู้ร้องต่อ และจะทำการศึกษาข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องเพื่อตั้งเรื่องในการหาผู้กระทำผิดกรณีการ ฆ่าตัดตอนนั้นมาดำเนินการคดีตามระเบียบศาลอาญาระหว่างประเทศ”โฆษกปชป.ระบุ และว่าทางนายกษิต จะตั้งคณะทำงานรวมรวมข้อมูลเพิ่มเติมส่งไปให้ศาลอาญาระหว่างประเทศต่อไป
http://www.naewna.com/politic/22277
อย่าบิดเบือนคดีฆ่าตัดตอน2500ศพ
คดีฆ่าตัดตอนกว่า 2,500 ศพซึ่งถือเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติอันเลวร้ายที่สุดคดีหนึ่งของโลกด้วยนโยบายทำสงครามกวาดล้างปราบปรามขบวนการยาเสพติดครั้งใหญ่ในยุครัฐบาลภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้วกำลังจะถูกบิดเบือนกลบเกลื่อนด้วยบุคคลระดับสูงในรัฐบาลพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นหุ่นเชิดที่ชักใยบงการโดยพ.ต.ท.ทักษิณความพยายามบิดเบือนคดีที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรงถูกเปิดเผยโดย ดร.คณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบศึกษาและวิเคราะห์การกำหนดนโยบายปราบปรามยาเสพติดให้โทษและการนำนโยบายไปปฏิบัติจนเกิดการเสียชีวิต ร่างกาย ชื่อเสียงและทรัพย์สินของประชาชน(คตน.)ได้ทำหนังสือด่วนถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงรองนายกรัฐมนตรี เพื่อตำหนิ ร.ต.อ.เฉลิม กรณีไปออกรายการ”รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน”ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมาด้วยการบิดเบือนอ้างว่า “การแก้ปัญหายาเสพติดที่ทำได้ผลมากที่สุดสมัย พ.ต.ท.ทักษิณแล้วมีคนตาย 2,500 ศพถูกกล่าวหาว่าฆ่าตัดตอน ในความเป็นจริงแล้วหลังมีการรัฐประหารมีการตรวจสอบเรื่องนี้ถึงสองครั้ง ท่านอจารย์ ดร.คณิต ณ นครก็เป็นประธานตรวจสอบยืนยันว่าไม่มีการฆ่าตัดตอน”
ทั้งนี้ ดร.คณิตย้ำว่าคำกล่าวของ ร.ต.อ.เฉลิม ดังกล่าวคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงอย่างสิ้นเชิงและเป็นการปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ โดยอ้างชื่อของ ดร.คณิค ซึ่งเป็นการผิดจริยธรรมทางการเมือง ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้วรายงานผลการตรวจสอบเบื้องต้นของคตน.ระบุไว้ชัดว่า นโยบายปราบปรามยาเสพติดยุค พ.ต.ท.ทักษิณที่แข็งกร้าวและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติถูกจูงใจและบีบบังคับให้กระทำเป็นเหตุให้เกิดการปฏิบัติที่ผิดพลาดจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในช่วงเวลาเพียง 3 เดือนที่ใช้นโยบายซึ่งเข้าข่ายความผิดฐานเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ซึ่งเป็นความผิดทั้งทางอาญาในประเทศและกฏหมายอาญาระหว่างประเทศด้วย
ในช่วงการทำสงครามกวาดล้างยาเสพติดในอดีต พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศนโยบายด้วยคำพูดที่แข็งกร้าวอันเป็นการส่งสัญญาณที่นำไปสู่การฆาตกรรมหมู่หลายครั้ง อาทิ “ให้ใช้ความเด็ดขาดอย่างชนิดไม่ต้องปรานี“ หรือ ”ที่อยู่ของขบวนการค้ายาเสพติดมี 2 ที่คือถ้าไม่ไปคุกก็ไปวัด” หรือ”ภายใต้แสงอาทิตย์นี้ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้” นอกจากนี้ยังตั้งรางวัลและบทลงโทษเจ้าหน้าที่โดยมีการใช้ยอดผู้เสียชีวิตเป็นผลงานชี้วัด เช่น ภายในวันที่ 10 ก.พ.2546 จะต้องทำจัดการนักค้ายาเสพติดที่อยู่ในบัญชีดำให้ได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 ของยอด ภายในวันที่ 25 ก.พ.2546 ต้องให้ได้ร้อยละ 25 ของยอด เหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่เร่งกวาดล้างโดยไม่คำนึงถึงวิธีการเพื่อสร้างผลงานให้ได้ตามเป้าซึ่งจากนโยบายทั้งกดดันและตั้งรางวัลล่อใจดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งสร้างผลงานให้ได้ตามเป้าจึงเปิดฉากล่าสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมากแล้วยัดข้อหาค้ายาเสพติดให้
เพราะฉะนั้นรัฐบาลชุดนี้ควรหยุดบิดเบือนความจริงและประวัติศาสตร์เพราะนั่นเท่ากับสะท้อนธาตุแท้จริยธรรมความน่าเชื่อถือของรัฐบาล ขณะเดียวกันควรรื้นฟื้นคดีนี้ขึ้นมาดำเนินการอย่างจริงจังทั้งโดยองค์กรภายในประเทศและศาลอาญาระหว่างประเทศเพราะเป็นคดีสุดอื้อฉาวป่าเถื่อนเข้าข่ายเป็นอาชญากรรมอันเลวร้ายต่อมวลมนุษยชาติ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ครับ