เรื่องความมั่นคง พระศาสนาที่น่าห่วง?
ซ้ำซ้อนงานมหาเถร !!!
ดร.อำนาจวิจารณ์งานพุทธสภา
อา..เกิดปัญหาละสิ ว่าแล้วไหมเล่า ไหน ดร.ปรีชาหน้าระรื่นบอกว่า
"สบม. ยห." ทุกคนเห็นชอบหมด
ไม่มีใครคัดค้านแผนงานของกรมการศาสนา มีเพียงเสียงส่งเสริมดังกระหึ่มห้องประชุม
ขาดตกบกพร่องก็คนที่มาประชุมไม่ทันเท่านั้น วันนี้ นายอำนาจ บัวศิริ รอง ผอ.พศ. ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สื่ออย่างชัดเจนแล้วว่า "ไม่เห็นด้วย"
ทั้งที่นายอำนาจก็เป็นตัวแทนนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์
ผอ.พศ.เข้าประชุมที่วัดสามพระยากับเขาด้วย ถามว่าถ้าไม่เห็นด้วยแต่แรก
วันนั้นทำไมนายอำนาจไม่ทำการคัดค้านหรือแปรญัตติเหมือนในสภา
เพื่อขอเวลานอกออกมาหาแนวร่วม แต่นี่กลับปล่อยให้เขาออกปฏิญญาอย่างเป็นทางการไปแล้ว
จะมาท้วงติงเอาในตอนนี้มันก็เข้าทำนอง "ขี้แพ้ชวนตี" ดีๆ
นี่เอง
และการที่นายอำนาจบอกว่า "ถ้าตั้งพุทธสภาขึ้นมา
ก็เท่ากับทำงานซ้ำซ้อนกับมหาเถรสมาคมที่มีอยู่แล้ว" แบบนี้มันฟังทะแม่งๆ นะ เพราะ..
1.
มหาเถรสมาคมทำงานอะไร แล้วกรมการศาสนาทำงานอะไร ทำไมจึงว่าซ้ำซ้อน ทั้งๆ
ที่แค่สถานะระหว่างมหาเถรสมาคมกับกรมการศาสนาก็ห่างกันสุดกู่แล้ว
เนื้องานยิ่งไปกันใหญ่ ไม่เห็นว่าจะซ้ำกันตรงไหนเลย
แผนงานตั้งพุทธสภานั้นเป็นการคิดสร้างงานใหม่ที่มหาเถรสมาคมไม่เคยสนใจด้วยซ้ำ
2.
การอ้างว่า "ซ้ำซ้อนกับงานของ มส."
ก็เป็นวาทกรรมที่นำเอาชื่อของมหาเถรสมาคมมาข่มขู่กรมการศาสนา ทำนองว่า ระวังนะ ถ้าพระมหาเถรสมาคมไม่เห็นด้วย
มันจะไปไม่รอด อะไรทำนองนั้น ทั้งๆ
ที่จริงนั้นมีพระอยากจะให้ตั้งพุทธสภามาก
ขนาดว่าขอให้เพิ่มโควต้ารองประธานสภาให้ครบ 2 นิกายด้วยซ้ำ
ดังนั้น ถ้าจะพูดให้ถูกก็ควรพูดว่า "ซ้ำซ้อนกับงานของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ" แต่ถึงกระนั้นก็ต้องถามสำนักพุทธฯเองนั่นแหละว่า
ที่ผ่านมาได้ทำงานสนองมหาเถรสมาคมอย่างถูกต้องเหมาะสมแล้วหรือ หรือมีอะไร
ทำไมกรมการศาสนาจึงได้คิดตั้งพุทธสภาขึ้นมาและได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้น
3.
การที่พระพรหมดิลกก็ดี กรรมการมหาเถรสมาคมบางรูปก็ดี
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็ดี
ซึ่งเป็นทั้งกรรมการมหาเถรสมาคมและเลขาธิการมหาเถรสมาคม ได้ออกหน้าสนับสนุนวัดพระธรรมกายจัดกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
โดยมิได้ผ่านมติมหาเถรสมาคม
แบบนี้ไม่ถือว่าเป็นการทำงานซ้ำซ้อนกับมหาเถรสมาคมหรือ การที่กรรมการมหาเถรสมาคมและเลขาธิการมหาเถรฯไปร่วมมือกับวัดพระธรรมกาย
ถือว่าน่าเกลียดกว่ากรมการศาสนาตั้งพุทธสภาเป็นไหนๆ
เพราะกรมการศาสนามิได้สังกัดมหาเถรสมาคม
และไม่มีหน้าที่อันใดข้องแวะกับมหาเถรสมาคมเลย
กรรมการมหาเถรสมาคมและสำนักพุทธฯเสียอีก มีหน้าที่สนองงานมหาเถรสมาคมแท้ๆ
แต่ไม่ยอมทำงานในนามมหาเถรสมาคม กลับแหกคอกออกไปร่วมงานกับวัดพระธรรมกาย
ซึ่งเป็นงานซ้ำซ้อนกับมหาเถรสมาคมอย่างชัดแจ้ง แบบนี้มันไม่น่าอายกว่าหรือ ดังนั้น
ถ้าสำนักพุทธฯสนองงานมหาเถรสมาคมไม่ได้ด้วยสาเหตุใดก็ตาม
ก็ควรลาออกจากมหาเถรสมาคมไปเสีย
รวมทั้งกรรมการมหาเถรสมาคมบางรูปที่ทำตัวเป็นหนอนบ่อนไส้อยู่ในเวลานี้ด้วย
การออกมาพูดของ ดร.อำนาจ บัวศิริ ในนามตัวแทนของสำนักพุทธฯในวันนี้
ก็เห็นจะมีความหมายเพียงประการเดียวว่า "อิจฉาละสิ" เขายังมิทันตั้งเลย ก็ออกอาการ "ขาสั่น" ซะแล้ว
ถามตัวเองก่อนเถอะคู๊ณ ก่อนจะถามคนอื่นเขา
แบบนี้ก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร กรรมการมหาเถร-สำนักพุทธฯไปร่วมได้สบาย
ทำดีเพื่อชาติศาสนา ใครทำก็ได้
ไม่จำเป็นต้องเป็นมหาเถรสมาคม
และถ้าท่านทำดีแบบธรรมกาย มหาเถรสมาคมเสียอีกที่จะอนุโมทนายินดี
ไม่งั้นธัมมชโยไม่ได้ชั้นเทพหรอก ใครขัดขวางคนทำความดีเพื่อประเทศชาติศาสนาสิ
ถือว่าไม่สร้างสรรค์ คนชนิดนั้นมันหนักแผ่นดิน
"ทำดี
ทำไมต้องต่อต้าน"
ดร.อำนาจ
บัวศิริ
รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
เมื่อวันที่ 10 ก.พ. นายอำนาจ บัวศิริ รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า จากการที่ตนได้เข้าร่วมการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการจัดตั้ง “พุทธสภา” ของกรมการศาสนา (ศน.) กระทรวงวัฒนธรรม โดยพุทธสภาจะผนึกกำลังภาคเครือข่าย 9 ประเภท ได้แก่
1.ภาคีเครือข่ายภาคพระสงฆ์
2.สตรี
3.องค์กรการกุศล
4.ชุมชน
5.ภาคธุรกิจ
6.ภาควิชาการและวิชาชีพ
7.สื่อมวลชน
8.ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา และ
9.เด็กและเยาวชน เพื่อส่งเสริมงานด้านพระพุทธศาสนา
โดยมีทั้งพุทธสภาระดับชาติ และระดับจังหวัดนั้นตนได้เสนอในที่ประชุมไปว่า
ทาง พศ. เห็นด้วยที่จะมีหน่วยงานจากองค์กรประชาชน
ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมส่งเสริมพระพุทธศาสนาอย่างเข้มแข็ง แต่ได้ตั้งข้อสังเกต 7
ประการ เกี่ยวกับการจัดตั้งพุทธสภาว่าจะสามารถดำเนินการได้จริงหรือไม่ คือ
1.เมื่อตั้งพุทธสภาเป็นองค์กรของภาคเอกชนส่งเสริมพระพุทธศาสนา แต่กลับตั้งวัฒนธรรมจังหวัดเป็นเลขาธิการคณะกรรมการระดับจังหวัด และรองอธิบดี ศน. เป็นเลขาธิการคณะกรรมการระดับชาติ ถือว่าผิดวัตถุประสงค์ เพราะองค์กรเอกชนต้องมีการเลือกเลขาธิการกันเอง ไม่ใช่ให้ทางราชการเข้าไปกำหนด
1.เมื่อตั้งพุทธสภาเป็นองค์กรของภาคเอกชนส่งเสริมพระพุทธศาสนา แต่กลับตั้งวัฒนธรรมจังหวัดเป็นเลขาธิการคณะกรรมการระดับจังหวัด และรองอธิบดี ศน. เป็นเลขาธิการคณะกรรมการระดับชาติ ถือว่าผิดวัตถุประสงค์ เพราะองค์กรเอกชนต้องมีการเลือกเลขาธิการกันเอง ไม่ใช่ให้ทางราชการเข้าไปกำหนด
2.มีการตั้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเป็นที่ปรึกษาพุทธสภาในระดับจังหวัด ผอ.พศ. เป็นที่ปรึกษาพุทธสภาระดับชาติ หากจังหวัดไม่ได้รับความร่วมมือเป็นที่ปรึกษาให้ ทาง ศน. จะทำอย่างไร
3.การประกาศจัดตั้งพุทธสภาอาศัยกฎหมายอะไรรองรับ ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายอะไรรองรับ
4.การดำเนินงานของ พศ.กับ ศน.มีความทับซ้อนกันอยู่ในรูปแบบพัฒนากิจการด้านพระพุทธศาสนา และยังไม่มีการแบ่งแยกให้ชัดเจนเลย แต่ก็มีการจัดตั้งพุทธสภาขึ้นมาทำหน้าที่เดียวกันนี้อีก ต่อไปหากมีกรณีเกิดความขัดแย้งระหว่างมหาเถรสมาคม (มส.) พศ. และพุทธสภา อะไรจะเกิดขึ้น
5.การทำงานพระพุทธศาสนา ประกอบด้วยพุทธบริษัท 4 คือ พระสงฆ์ ภิกษุ อุบาสก อุบาสิกา แต่การจัดตั้งพุทธสภาเป็นองค์กรเอกชน เป็นการทำงานของอุบาสก อุบาสิกา ส่วนการทำงานของพระสงฆ์มี พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 และ มส. อีกส่วนหนึ่ง เหมือนเป็นการแยกพุทธบริษัท 4 ออกจากกัน
6.การจัดตั้งพุทธสภาจะมีการเลือกตั้งคณะกรรมการแล้วในเดือน ก.พ.-มี.ค.นี้ และมีการให้พระสงฆ์เป็นรองประธานพุทธสภา แต่ มส. ซึ่งดูแลพระสงฆ์ยังไม่ได้รับทราบ พิจารณาหรือเห็นชอบด้วย จะดำเนินการต่อไปได้อย่างไร พระสงฆ์จะกล้ามาร่วมทำงานด้วยหรือไม่
7. ถ้ามีการตั้งวัฒนธรรมจังหวัดเป็นเลขาธิการคณะกรรมการระดับจังหวัด และรองอธิบดี ศน. เป็นเลขาธิการ คณะกรรมการระดับชาติโดยตำแหน่ง หากวัฒนธรรมจังหวัดหรือรองอธิบดี ศน. นับถือศาสนาอื่น โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดภาคใต้จะทำอย่างไร
“พูดง่ายๆ ในขณะที่ ศน. กับ พศ. มีความทับซ้อนกันอยู่ยังไม่มีความชัดเจนว่าแตกต่างกันอย่างไร แล้วจะมีการจัดตั้งพุทธสภาขึ้นมาทับซ้อนกับการทำงานของ มส. อีก แล้วเวลาทำงานจะทำอย่างไร จะมาพูดว่าช่วยกันทำไม่ได้ เพราะการเขียนโครงการเสนอของบประมาณจากรัฐบาลต้องชัดเจนในเรื่องของเนื้องาน หากทาง ศน. มีคำตอบทั้ง 7 ประการได้เชื่อว่าทุกฝ่ายจะให้ความร่วมมือ” รอง ผอ.พศ. กล่าว.
ข่าว : ไทยรัฐ10 กุมภาพันธ์
2556
ตายปริศนา ?
อาจารย์มหาจุฬาฯถูกฟันดับข้างถนน
พบอาจารย์มหาวิทยาลัยนอนตายปริศนาข้างถนน
วันที่
9 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.30
น. ร.ต.ท.ณัชพล ผลปราชญ์ ร้อยเวรสอบสวนสภ.เมืองหนองคาย
พร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลหนองคาย และหน่วยกู้ภัยประจักษ์หนองคาย
ได้ร่วมกันชันสูตรพลิกศพ นายสมพร
ปัญญะ อายุ 49
ปี อาจารย์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย
วิทยาเขตหนองคาย
โดยมีบาดแผลฉกรรจ์คล้ายถูกฟันด้วยของมีคมที่ท้ายทอย เป็นแผลยาวประมาณ
2 นิ้ว คิ้วขวา 3 นิ้ว และมีบาดแผลฉกรรจ์ที่ใต้ต้นแขนขวายาวเกือบรอบแขน
หลังนอนเสียชีวิตอยู่ถนนทางเข้ามหาวิทยาลัย ข้างศพพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ คาวาซากิ
สีแดงดำ หมายเลขทะเบียน กบท 669 หนองคาย ล้มตะแคงอยู่
จากการสอบสวนเบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า
ผู้ตายน่าจะเดินทางออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อกลับบ้านพัก เพราะเมื่อเวลาประมาณ
4-5 ทุ่ม เมื่อคืนนี้ (8ก.พ.)
มีชาวบ้านอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุได้ยินเสียงร้องเอะอะโวยวายคล้ายมีเหตุทะเลาะวิวาทของกลุ่มวัยรุ่น
ที่มักเกิดขึ้นเป็นประจำจึงไม่ได้สนใจ จนกระทั่งมาพบศพตอนเช้าวันนี้
โดยตำรวจจะสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป
ข่าว : ข่าวสด9 กุมภาพันธ์
2556
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ครับ