ประวัติศาสตร์ การฟ้อกเงินในวงการพระเครื่องไทย ?

 


ป.ป.ช.สอบ“เก่ง-การุณ โหสกุล”หลังพบทรัพย์สินปีเดียวรวยพุ่ง108 ล้าน บ้าน ที่ดิน นาฬิกา พระเครื่อง แจ้งมีรายได้แค่ 2.8 ล้าน จ่อคิวสรุปปมหุ้น 24 ล้าน “แซม-ยุรนันท์” 2 เดือน

นายการุณ โหสกุล ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย ต้องเผชิญความยุ่งยากมากขึ้นเมื่อทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นกว่า 100 ล้านบาทในช่วงเวลา 1 ปีได้ถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการสอบสวน
นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการ สำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผย “สำนักข่าวอิศรา” www.isranews.org เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2555 ว่า ได้สั่งให้สำนักตรวจสอบทรัพย์สิน สำนักงาน ป.ป.ช.ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีปรากฏเป็นข่าวนายการุณ โหสกุล ส.ส.กรุงเทพฯ เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นกว่า 100 ล้านบาทโดยให้ตรวจสอบที่มาของทรัพย์สินดังกล่าวมีที่มาอย่างละเอียดซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบระยะหนึ่ง
นายวรวิทย์ เปิดเผยว่ากรณีนายยุรนันท์ ภมรมนตรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ไม่แจ้งการถือครองหุ้นบริษัท วิลล่า เมดิก้า ( ประเทศไทย ) จำกัด จำนวน 144,500 หุ้น มูลค่า 14,450,000 บาท (มูลค่าหุ้นละ 100 บาท) และหุ้นบริษัท โทรญ่า จำกัด จำนวน 3,000 หุ้น ของนางมาริษา ภมรมนตรี คู่สมรส ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ตอนรับตำแหน่ง ส.ส.เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2554 นั้นจะสามารถสรุปข้อเท็จจริงภายใน 2 เดือน
ก่อนหน้านี้“สำนักข่าวอิศรา” www.isranews.org รายงานว่า บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายการุณ โหสกุล นักการเมืองดังย่านดอนเมือง กรณี ตอนพ้นตำแหน่ง ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย ครบ 1 ปี วันที่ 10 พฤษภาคม 2555 มี ทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน เพิ่มขึ้นจากตอนพ้นตำแหน่ง ส.ส. วันที่ 10 พ.ค.2554 ถึง 108,355943.54 บาท เฉพาะนายการุณเพิ่มขึ้น 109,065,082.26 บาท นางพิมพ์ชนา โหสกุล ภรรยามีเพิ่มขึ้น 3,305,438.72 บาท (ไม่รวมหนี้สิน)
ที่น่าสนใจ ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นกว่า 100 ล้านบาท มิได้มาจากพระเครื่อง 70 องค์ มูลค่า 90.5 ล้านบาทอย่างเดียว หากแต่มีทรัพย์สิน2 รายการคือบ้านและที่ดิน
บ้านพักอาศัย 2 หลังมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ได้แก่ เลขที่ 502/160 แขวงสีกัน ดอนเมือง กรุงเทพฯ มูลค่าเพิ่มจาก 10 ล้านบาท เป็น 15 ล้านบาท และ เลขที่ 60/231 จ.ปทุมธานี จากราคา 400,000 บาท เป็น 500,000 บาท
ทรัพย์สินที่ดิน ตอนพ้นตำแหน่งแจ้งว่าเป็นเจ้าของที่ดิน 12 แปลง เนื้อที่ 3-3-94.4 ไร่ มูลค่า 22,401,000 บาท ตอนพ้นตำแหน่งครบ 1 ปีแจ้งว่าเป็นเจ้าของที่ดิน 20 แปลง เนื้อที่ 8-2-37 ไร่ มูลค่า 33,093,000 บาท เท่ากับเพิ่มขึ้น 10,692,000 บาท
สำหรับทรัพย์สินอื่น ตอนพ้นตำแหน่งแจ้งว่าเป็นเจ้าของปืน 4 กระบอก พระเครื่องพร้อมกรอบทองคำ มูลค่า 1 ล้านบาท (มิได้ระบุจำนวนองค์) เครื่องเพชรมูลค่า 1,500,000 บาท และนาฬิกา 4 เรือนมูลค่า 2 ล้านบาท รวมมูลค่า 4,790,000 บาท ตอนพ้นตำแหน่งครบ 1 ปีแจ้งว่าเป็นเจ้าของปืน 4 กระบอก เครื่องเพชร มูลค่า 3 ล้านบาท นาฬิกา 8 เรือนมูลค่า 5 ล้านบาท พระเครื่องพร้อมกรอบทองคำ 70 องค์มูลค่า 90,525,000 บาท รวมมูลค่า 98,815,000 บาท เท่ากับเพิ่มขึ้น 94,025,000 บาท
นายการุณแจ้งว่าถือหุ้น บริษัท เค.โซน จำกัด 9,994 หุ้น มูลค่า 999,400 บาท ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุว่า บริษัท เค.โซน จำกัด ประกอบธุรกิจสถานออกกำลังกาย จดทะเบียนวันที่ 24 มีนาคม 2549 ผลประกอบการ ปี 2553 รายได้ 1,396,277 บาท ขาดทุนสุทธิ 117,035 บาท
ตอนพ้นตำแหน่ง ส.ส. 10 พ.ค.2554 นายการุณแจ้งว่ามีรายได้ต่อปี 200,000 บาท (ค่าประกอบการตลาดนัด) คู่สมรสมีรายได้ 492,000 บาท (เงินเดือน)
ตอนพ้นตำแหน่งครบ 1 ปี 10 พ.ค. 2555 นายการุณแจ้งว่ามีรายได้ 1,362,720 บาท และค่าประกอบการตลาดนัด 1,000,000 บาท รวม 2,362,720 บาท คู่สมรสมีรายได้ 492,000 บาท รวมรายได้ 2 คน 2,854,720 บาท
เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้โทร.ไปสอบถามนายการุณให้ชี้แจงข้อเท็จจริง ปรากกฏว่านายการุณได้ย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า “ทำไมต้องชี้แจง มีใครสงสัยอะไรหรือ ป.ป.ช.สงสัยหรือยัง” เมื่อถามว่าจากข้อมูลที่ปรากฏทาง “สำนักข่าวอิศรา” อยากให้ชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจ นายการุณ กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “สื่อเสือกเอาข่าวผมไปเล่นเอง แล้วจู่ๆก็สงสัย แล้วจะมาให้ผมชี้แจง”
 
http://www.isranews.org/investigate/item/7857--108-.html

ตามส่องกรุพระเครื่อง “การุณ โหสกุล” คลี่ปมเงินงอก! พบสะสม 70 องค์ 90.5 ล้าน พระผงสุพรรณ นางพญา สมเด็จวัดระฆัง 3 องค์ ตั้งราคารวม 18 ล้าน ส่วนพระปิดตาหลวงพ่อแก้วองค์เดียว 8 ล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำนักข่าวอิศรา ตามประเด็นกรณีนายการุณ โหสกุล ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตอนพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.ครบ 1 ปี (ส.ส.ที่ได้รับเลือกตั้ง ปี 2551) เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2555 มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน เพิ่มขึ้นจากตอนพ้นตำแหน่ง ส.ส. วันที่ 10 พ.ค. 2554 จำนวน 108,355943.54 บาท เฉพาะนายการุณเพิ่มขึ้น 109,065,082.26 บาท นางพิมพ์ชนา โหสกุล ภรรยามีเพิ่มขึ้น 3,305,438.72 บาท (ไม่รวมหนี้สิน) ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นมาคือพระเครื่อง 70 องค์ มูลค่า 90.5 ล้านบาท

จากการไปตรวจสอบบัญชีฯของนายการุณที่สำนักงาน ป.ป.ช.พบว่า นายการุณได้แสดงรายการพระเครื่องจำนวน 70 องค์ ที่น่าสนใจ เช่น พระปิดตา หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ มีมูลค่าถึง 8,000,000 บาท, พระผงสุพรรณ พิมพ์หน้าแก่ มูลค่า 7,000,000 บาท, พระนางพญา พิมพ์เข่าตรง มูลค่า 6,000,000 บาท และพระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ฐานแซม มูลค่า 5,000,000 บาท (ดูตาราง)

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายการุณชี้แจงว่า การยื่นบัญชีทรัพย์สินที่ผ่านมาต่อ ป.ป.ช. ไม่ได้แจ้งมูลค่าพระเครื่อง เพราะมีราคาประเมินค่าไม่ได้ แต่ในการยื่นบัญชีทรัพย์ครั้งล่าสุด (ช่วงพ้นตำแหน่งครบ 1 ปี) ได้จัดระเบียบเรียบเรียงทรัพย์สินใหม่ จึงได้ใส่มูลค่าของพระเครื่องลงไปในบัญชีทรัพย์สิน และยืนยันว่าเป็นทรัพย์สินที่มีมาก่อนหน้านี้แล้ว


http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9550000094350

พระสมเด็จวัดระฆัง๕องค์๒๕๐ล้าน!

พระสมเด็จวัดระฆัง๕องค์๒๕๐ล้าน! องค์ลุงพุฒ-องค์ครูเอื้อ-องค์น้ำหมาก-องค์เสี่ยหน่ำ-องค์ขุนศรี


"พ.อ.(พิเศษ)ประจน กิตติประวัติ" อดีตนายทหารประจำกองบัญชาการทหารสูงสุด หรือ "ตรียัมปวาย" ได้จัดทำเนียบชุดพระเครื่อง "เบญจภาคี" ขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๕ โดยเมื่อแรกเริ่มยังคงเป็นเพียง "ไตรภาคี" คือ มีเพียง ๓ องค์เท่านั้น ประกอบด้วย "พระสมเด็จ" วัดระฆังโฆสิตาราม เป็นองค์ประธาน ซ้ายขวาเป็น พระนางพญา จ.พิษณุโลก และพระรอด จ.ลำพูน หลังจากนั้นจึงได้ผนวก "พระกำแพงซุ้มกอ" กำแพงเพชร และ "พระผงสุพรรณ" สุพรรณบุรี เข้าเป็นชุดเบญจภาคี สุดยอดปรารถนาของนักสะสมพระเครื่องทั้งหลาย จากค่านิยมกันในหลักพันบาท และทะยานเข้าสู่หลักล้านในปัจจุบันนี้

ทั้งนี้หากเมื่อมองย้อนกลับไปในครั้งนั้น พระเครื่องที่ได้รับความนิยมชมชอบมากเป็นพิเศษแล้ว คือ พระเครื่องที่มีพุทธคุณในด้าน "คงกระพันชาตรี" ซึ่งการจัดทำทำเนียบเบญจภาคีนั้น เป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดความนิยมพระเครื่องทั้ง ๕ องค์ ในชุดดังกล่าว อันล้วนเป็นพระเครื่องที่มีราคาการเช่าที่สูงๆ ทั้งสิ้น

"พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม" เป็นพระที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) เป็นผู้สร้างขึ้น กล่าวกันว่าท่านเริ่มสร้างขึ้นมาเมื่อ พ.ศ.๒๔๐๙ ภายหลังจากโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็น พระสมเด็จพุฒาจารย์ จึงเรียกขานพระเครื่องที่สร้างขึ้นว่า "พระสมเด็จ" และได้สร้างเรื่อยมาจนถึง พ.ศ.๒๔๑๕ โดยได้แจกจ่ายแก่บรรดาญาติโยมที่มาเยี่ยมเยียน และเมื่อครั้งออกบิณฑบาตในตอนเช้า ครั้นหมดก็สร้างใหม่ ปลุกเสกด้วยคาถาชินบัญชรที่ท่านได้มาจากเมืองกำแพงเพชร ผู้แกะพิมพ์ถวาย คือ หลวงวิจารณ์เจียรนัย ช่างทองในราชสำนัก

การเช่าการขายพระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม พิมพ์ใหญ่ ที่มีชื่อเสียงอยู่ในระดับแถวหน้าเช่น "องค์เสี่ยหน่ำ" อย่าง "องค์ลุงพุฒ" "องค์ขุนศรี" "องค์เล่าปี่" "องค์กวนอู" "องค์บุญส่ง" "องค์เจ้แจ๋ว" "องค์เจ๊องุ่น" "องค์ครูเอื้อ" "องค์เสี่ยดม" และ "องค์มนตรี" ล้วนมีการเช่าการขายกันองค์ละหลายสิบล้านบาททั้งสิ้น โดยเฉพาะ "องค์ขุนศรี" หรือ "องค์มนตรี" ซึ่งนายมนตรี พงษ์พานิช นักการเมืองชื่อดังในอดีตได้ครอบครอง เป็น พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม พิมพ์ใหญ่ และพิมพ์ทรงเจดีย์ทั้งสององค์ เช่ากันเกือบ ๕๐ ล้านบาท แต่ก็เป็นที่ทราบกันในวงการพระเครื่องเท่านั้น เนื่องเพราะการติดต่อเรื่องราคาอยู่ที่ผู้ขาย และผู้เช่าเท่านั้น

อ.ราม วัชรประดิษฐ์ นักประวัติศาสตร์ด้านพุทธศิลป์ สุดยอดแฟนพันธุ์แท์พระเครื่อง และเจ้าของ www.aj-ram.com บอกว่า ตำนานแห่งรังพระในอดีต ที่มีชื่อเสียงมีอยู่ ๔ รังใหญ่ๆ คือ ๑.รังพระของครูเอื้อ สุนทรสนาน เจ้าของตำนานพระสมเด็จองค์ครูเอื้อ ๒.รังพระของเจ้แจ๋ว เจ้าของสมเด็จ วัดระฆัง พิมพ์ทรงเจดีย์ องค์เจ้แจ๋ว ๓.รังพระของท่านลพ ซึ่งเป็นพระภิกษุ ถือว่าเป็นรังที่มีพระพุทธรูปบูชาที่เก่าแก่จำนวนมาก และ ๔.รังพระของคุณฉ่าหลี ยงสุนทร อดีตข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ถือว่าเป็นเจ้าของรังพระที่รู้จักกันดีในวงการพระโบราณ มีพระชุดเบญจภาคีชั้นนำอยู่นับสิบองค์ เช่น เจ้าของพระสมเด็จ วัดระฆัง องค์ลุงพุฒิ พระสมเด็จวัดระฆัง องค์ขุนศรี

นอกจากนี้แล้วยังมีเจ้าของรังพระที่มีชื่อเสียงแต่ปัจจุบันกลายเป็นตำนานไปแล้วเช่นกัน คือ รังพระของเสถียร เสถียรสุต รังพระของอุดม กวัสราภรณ์ รังพระของชลอ รับทอง รังพระของมนตรี วงศ์วิรัช รังพระของอาจารย์นิยม อสุนี ณ อยุธยา รังพระของ เชาว์ ริเวอร์ รังพระของ พล.ต.อ.สนอง วัฒนวรางกูร และรังพระของกำนันชูชาติ มากสัมพันธ์

พระสมเด็จวัดระฆัง มีหลายพิมพ์ด้วยกัน แต่ที่พิมพ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในบรรดาพิมพ์พระทั้ง ๕ พิมพ์ คือ พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์พระประธาน มีทั้งเนื้อละเอียด เนื้อหยาบ เนื้อแก่น้ำมันตังอิ๊ว หรือเนื้อสังขยา และเนื้อแก่ปูน ลักษณะ พิมพ์ทรง เป็นรูปสมมุติของพระพุทธเจ้านั่งในระฆังคว่ำ องค์พระแลดูนั่งเอียงไปทางขวา ปลายพระเกศสะบัดเอียงไปทางซ้าย ในบางองค์อาจทะลุซุ้มด้านบน แลเห็นหูพระด้านซ้ายเป็นแนวจางๆ ยาวลงมา ไหล่ซ้ายดูยกสูงกว่าไหล่ขวา มองเห็นปลายพระบาท ยื่นเล็กน้อย ฐานขั้นล่างสุดเหมือนสี่เหลี่ยมคางหมู

"ค่านิยมหรือราคา พระสมเด็จที่มีชื่อ ๕ องค์ ซึ่งเป็นพระสมเด็จองค์แชมป์ระดับตำนาน ประกอบด้วย องค์ลุงพุฒ องค์ครูเอื้อ องค์น้ำหมาก องค์เสี่ยหน่ำ องค์ขุนศรี น่าจะไม่ต่ำกว่า ๒๕๐ ล้าน หรือประมาณองค์ละไม่ต่ำกว่า ๕๐ ล้านบาท และที่สำคัญ คือ พระสมเด็จทั้ง ๕ องค์คงไม่ย้ายรังไปไหนอย่างน้อยอีก ๕๐ ปี เป็นแน่ เพราะเจ้าของรังล้วนขึ้นชื่อว่าเป็นอภิมหาเศรษฐี รวมทั้งมีลูกหลานที่พร้อมรักษาไว้เป็นสมบัติของตระกูลต่อไป" อ.ราม กล่าว

สำหรับประโยคคำพูดที่ว่า "ดิน" สร้างพระสมเด็จเป็นดินที่โคตรแพงที่สุดในโลก นั้น อ.ราม บอกว่า คงไม่ถูกทั้งหมดเพราะที่จริงแล้ว พระสมเด็จวัดระฆังไม่ได้ทำจากดิน หากทำขึ้นมาจากผงวิเศษต่างๆ ที่เจ้าประคุณสมเด็จโต ได้รวบรวมเอาไว้ กว่าจะได้แต่ละอย่าง แต่ละชนิด ล้วนยากลำบาก ต้องผ่านกรรมวิธีมากมายในการจัดสร้างวัตถุมงคลให้เข้มขลังเชื่อถือได้ ตามแบบโบราณ แต่ถ้าจะเป็นดินที่โคตรแพงที่สุดในโลก น่าจะเป็นพระรอด กรุวัดมหาวัน จ.ลำพูน ซึ่งก็เป็น ๑ ใน ๕ เบญจภาคี เพราะพระรอดลำพูน ทำจากดินในสมัยโบราณ ยุคพระนางจามเทวี ล่าสุดมีการซื้อขายกันในสภาพสวยๆ ถึงองค์ละเกือบ ๒๐ ล้านบาท

พระสมเด็จองค์ขุนศรีย้ายรัง
"รังพระ" ที่ขึ้นชื่อของวงการพระเครื่องในปัจจุบัน ซึ่งมูลค่าของพระบางรังอาจจะสูงถึงหลักพันล้าน เช่น รังพระของนายไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์ หรือ "โป๊ยเสี่ย" เจ้าของพระสมเด็จองค์ลุงพุฒิ (พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่) รังพระของนายปรีดา อภิปุญญา หรือ "เฮียหนึ่ง" เจ้าของพระสมเด็จองค์ครูเอื้อ (พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่) พระเครื่ององค์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพระดังในตำนานที่ย้ายเข้าไปอยู่ในรังของ นายวิชัย รักศรีอักษร ประธานกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เจ้าของฉายา “เจ้าพ่อดิวตี้ฟรี” หรือ เสี่ยวิชัย มี ๒ องค์ คือ พระสมเด็จ "องค์เปาบุ้นจิ้น" และ พระสมเด็จ“องค์ขุนศรี”

ตำนาน พระสมเด็จ “องค์ขุนศรี” ออกสู่วงการเมื่อหลายสิบปีก่อน ซึ่งสมัยนั้น คุณอภิชาติ กุลอนรรฆพันธุ์ หรือรู้จักกันดีในนาม “ชาติ สมปอง” เป็นผู้อัญเชิญออกมาจากวังของเจ้านายชั้นหม่อมเจ้าพระองค์หนึ่งซึ่งว่ากันว่าได้มาควบคู่กันกับพิมพ์เกศบัวตูมองค์แชมป์ออฟเดอะแชมป์อีกเช่นกัน และต่อมา พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์พระประธานองค์นี้ ถูกคุณนิยม อสุนี ณ อยุธยา นักสะสมพระเครื่องอาวุโสแห่งเมืองปากน้ำโพ เป็นผู้อัญเชิญไปครอบครองต่อ ก่อนที่จะเป็นข่าวใหญ่ฮือฮาเมื่อ นายมนตรี พงษ์พานิช อดีตหัวหน้าพรรคกิจสังคม และรัฐมนตรีอีกหลายกระทรวง นักการเมืองผู้ล่วงลับ ไม่ลังเลที่จะจ่ายถึง ๔๕ ล้าน

“พระสมเด็จองค์ขุนศรี” เป็นพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์พระประธาน ซึ่งมีประวัติตำนานการครอบครองและการยอมรับอย่างโดดเด่นควบคู่กันกับ “องค์ลุงพุฒิ” ความเดิมเล่าขานสืบกันมาว่า พระสมเด็จองค์นี้ ครั้งแรกอยู่ในครอบครองของคุณฉลี ยงสุนทร ซึ่งได้มาจากเจ้านายชั้นหม่อมเจ้าพระองค์หนึ่ง ภายหลังนายอภิชาติ กุลอนรรฆพันธุ์ หรือ “ชาติ สมปอง” เป็นผู้ประสบความสำเร็จในการเจรจาแลกเปลี่ยน นำออกจากรังของคุณฉลี ควบคู่มากับพระสมเด็จพิมพ์เกศบัวตูม ตกเป็นข่าวใหญ่ในสนามพระยุคนั้น

ประจักษ์แจ้งวงการพระเครื่องที่ 
http://www.facebook.com/thaihistory?ref=hl#!/notes/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C/%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C/266734896718663

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

#พระเครื่องในประวัติศาสตร์ หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร สามารถศึกษาการอนุรักษ์ได้ด้วยตนเอง

#หลวงปู่ทวด องค์ในประวัติศาสตร์ เพื่อหาทุนในการพิทักษ์รักษา โบราณสถาน โบราณวัตถุ ๒๕๖๑

#พระกริ่งปวเรศแท้ในประวัติศาสตร์ไทย บันทึกไว้โดย สมเกียรติ กาญจนชาติ