กรรมในพระศาสนา ?
ถล่มซ้ำ !
น.นพรัตน์โผล่ขย่มโครงการพุทธสภา
"มหาเถรสมาคมไม่รู้ไม่เห็นและไม่เอาด้วย"
อาหลังจากบงการอยู่หลังม่าน ส่งกองหน้า "ดร.อำนาจ
บัวศิริ" ออกมายิง "เปิด 7
แผล" กรมการศาสนา
ว่าด้วยการตั้งพุทธสภาขึ้นมาในวันก่อน ส่งผลให้ "ดร.ปรีชา กันธิยะ"
อธิบดีกรมการศาสนา ถึงกับต้องประกาศ "ชลอ" โครงการออกไปไม่มีกำหนด และแล้ววันนี้ เจ้าของทฤษฎี "กินรวบศาสนา" ตัวจริงเสียงจริง ก็ออกมาโชว์จำอวดหน้าม่าน เล่นบท "นารายณ์เหยียบยอดอกนนทกยักษ์นิ้วเพชร" ฟันธงเปรี้ยง "พุทธสภาไม่จำเป็นต้องมี ไม่ได้รังเกียจ
แต่ไม่ยินดีต้องรับ" หุหุ
มันส์เหลือเกินพ่ะย่ะค่ะ เกมนี้เดิมพันตั้งสี่พันล้านเชียวนะ
อย่าได้กระพริบตา
จอมโหดเรียกพี่
"ผมอยู่ที่นี่ ไม่เห็นมีมาปรึกษา"
แบบว่าต้องมากราบเท้าขออนุญาตก่อนใช่ไหมฮะ
พศ.แนะนำปรับปรุงองค์กรเดิม ดีกว่าเสนอจัดตั้งขึ้นใหม่
นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า กรณีการจัดตั้งพุทธสภา โดยมีภาคเครือข่าย 9 ประเภท ได้แก่ 1.ภาคีเครือข่ายภาคพระสงฆ์ 2.สตรี 3.องค์กรการกุศล 4.ชุมชน 5.ภาคธุรกิจ 6.ภาควิชาการและวิชาชีพ 7.สื่อมวลชน 8.ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา และ 9.เด็กและเยาวชน เพื่อส่งเสริมงานด้านพระพุทธศาสนา ทั้งระดับชาติและระดับจังหวัดของกรมการศาสนา (ศน.) กระทรวงวัฒนธรรม จัดเป็นองค์กรที่ซ้ำซ้อนกับองค์กรที่ทำงานด้านพระพุทธศาสนาเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่าง พุทธสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในขณะที่ ร่าง พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ก็มีมาตราที่ว่าด้วยองค์กรชาวพุทธที่เข้ามาสนับสนุนงานพระพุทธศาสนา เป็นองค์กรระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล อยู่แล้ว เพียงแต่องค์กรเหล่านี้ต่างคนต่างทำงาน ไม่มีทิศทางที่ชัดเจน ตนจึงเห็นว่าประเด็นสำคัญคือควรจะมาช่วยกันคิดให้องค์กรเหล่านั้นทำงานร่วมกันอย่างมีหลักเกณฑ์มากกว่าจะมาตั้งองค์กรใหม่ซ้ำซ้อนอีก
"การจัดตั้งพุทธสภาขึ้นมาอีก แล้วแน่ใจได้อย่างไรว่าจะทำได้ดีกว่าเก่า และยังไปเกี่ยวข้องกับงบประมาณแผ่นดิน ที่สำคัญการจะตั้งพุทธสภาทางมหาเถรสมาคมยังไม่รับทราบเลย อยู่ๆ จะตั้งตำแหน่งให้คณะสงฆ์ เป็นไปไม่ได้ ต้องเข้าใจก่อนว่าประชาชนมีหน้าที่ช่วยสนับสนุน ทำนุบำรุงกิจการคณะสงฆ์ แต่ไม่ใช่ไปจัดการแทน ขณะนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบก็ไม่แจ้งมายังมหาเถรฯ หรือหากส่งมาแล้วผมซึ่งเป็นเลขาธิการมหาเถรฯ พิจารณาเห็นว่าไม่ใช่สาระสำคัญหรือมีเหตุผลมากพอ ก็ไม่ต้องเสนอเข้าที่ประชุมมหาเถรฯ ก็ได้ เพราะที่ผ่านมาการจัดตั้งพุทธสภาก็ไม่เคยมาปรึกษาผมอย่างเป็นทางการ ไม่ได้รังเกียจ ทางตรงกันข้ามโดยส่วนตัวเห็นว่าทุกคนมีสิทธิ์ทำงานเสนอพระพุทธศาสนาหากเห็นว่าเป็นข้อดี เช่น วันมาฆบูชานี้ สำนักพุทธฯ ยังไปจัดงานร่วมกับกรมการศาสนาที่สนามหลวง ตัวอย่างก็มีให้เห็น"
นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า กรณีการจัดตั้งพุทธสภา โดยมีภาคเครือข่าย 9 ประเภท ได้แก่ 1.ภาคีเครือข่ายภาคพระสงฆ์ 2.สตรี 3.องค์กรการกุศล 4.ชุมชน 5.ภาคธุรกิจ 6.ภาควิชาการและวิชาชีพ 7.สื่อมวลชน 8.ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา และ 9.เด็กและเยาวชน เพื่อส่งเสริมงานด้านพระพุทธศาสนา ทั้งระดับชาติและระดับจังหวัดของกรมการศาสนา (ศน.) กระทรวงวัฒนธรรม จัดเป็นองค์กรที่ซ้ำซ้อนกับองค์กรที่ทำงานด้านพระพุทธศาสนาเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่าง พุทธสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในขณะที่ ร่าง พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ก็มีมาตราที่ว่าด้วยองค์กรชาวพุทธที่เข้ามาสนับสนุนงานพระพุทธศาสนา เป็นองค์กรระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล อยู่แล้ว เพียงแต่องค์กรเหล่านี้ต่างคนต่างทำงาน ไม่มีทิศทางที่ชัดเจน ตนจึงเห็นว่าประเด็นสำคัญคือควรจะมาช่วยกันคิดให้องค์กรเหล่านั้นทำงานร่วมกันอย่างมีหลักเกณฑ์มากกว่าจะมาตั้งองค์กรใหม่ซ้ำซ้อนอีก
"การจัดตั้งพุทธสภาขึ้นมาอีก แล้วแน่ใจได้อย่างไรว่าจะทำได้ดีกว่าเก่า และยังไปเกี่ยวข้องกับงบประมาณแผ่นดิน ที่สำคัญการจะตั้งพุทธสภาทางมหาเถรสมาคมยังไม่รับทราบเลย อยู่ๆ จะตั้งตำแหน่งให้คณะสงฆ์ เป็นไปไม่ได้ ต้องเข้าใจก่อนว่าประชาชนมีหน้าที่ช่วยสนับสนุน ทำนุบำรุงกิจการคณะสงฆ์ แต่ไม่ใช่ไปจัดการแทน ขณะนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบก็ไม่แจ้งมายังมหาเถรฯ หรือหากส่งมาแล้วผมซึ่งเป็นเลขาธิการมหาเถรฯ พิจารณาเห็นว่าไม่ใช่สาระสำคัญหรือมีเหตุผลมากพอ ก็ไม่ต้องเสนอเข้าที่ประชุมมหาเถรฯ ก็ได้ เพราะที่ผ่านมาการจัดตั้งพุทธสภาก็ไม่เคยมาปรึกษาผมอย่างเป็นทางการ ไม่ได้รังเกียจ ทางตรงกันข้ามโดยส่วนตัวเห็นว่าทุกคนมีสิทธิ์ทำงานเสนอพระพุทธศาสนาหากเห็นว่าเป็นข้อดี เช่น วันมาฆบูชานี้ สำนักพุทธฯ ยังไปจัดงานร่วมกับกรมการศาสนาที่สนามหลวง ตัวอย่างก็มีให้เห็น"
ข่าว : -ข่าวสด22 กุมภาพันธ์ 2556
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ครับ