นพรัตน์อีกแล้ว แจ้นคุยดีเอสไอแก้ไขระเบียบสงฆ์
นพรัตน์อีกแล้ว
แจ้นคุยดีเอสไอแก้ไขระเบียบสงฆ์
หุหุ คนเป็นถึง ผอ.สำนักพุทธฯ ซึ่งก็มีศักดิ์ศรีดีกรีไม่ด้อยกว่าดีเอสไอ เป็นถึงเลขาธิการมหาเถรสมาคม เทียบได้กับราชเลขาธิการ อำนาจวาสนาก็ล้นฟ้า เพราะว่าลูกน้องก็เต็มกรม ระดับนี้สูบบุรี่ไม่ต้องมีไฟแช็ค มือกฎหมายหรือก็แทบจะเดินชนกันตาย แถมยังรับจ็อบพิเศษเป็น "ผู้แทนพระองค์" ไปออกงานแทนในวาระต่างๆ โชว์รูปเต็มสื่อไปหมด สร้างภาพซะจนตนเองเป็น "ฮีโร่" ในสายตาลูกน้องแถวๆ พุทธมณฑล แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับ "ไร้น้ำยา" เพราะว่าแค่ปัญหาของตัวเองยังไม่รู้ ต้องวิ่งไปให้ "ดีเอสไอ" สอนว่าต้องปรับอย่างโน้น เปลี่ยนอย่างนี้ ความจริงแล้ว ปัญหาคณะสงฆ์ทุกวันนี้จะดีขึ้นทันตาเห็นแน่นอน ถ้านะ ..ถ้านายนพรัตน์ "ลาออก" จากตำแหน่ง ผอ.สำนักพุทธฯ ในวันนี้ ไม่เชื่อก็ลองทำดูสิ !
นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์
ผอ.สำนัก งานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)
วันนี้ กำลังขอนโยบายการบริหารกิจการคณะสงฆ์จากดีเอสไอ
ดูนี่ซี่ ขนาดระดับ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ซึ่งมีดีกรีเป็นถึง "ป.ธ.9 + Ph.D. + อัครมหาบัณฑิต + ศาสตราจารย์ + หัวหน้าพระวิปัสสนาจารย์ของประเทศไทย" ก็ยังต้องใช้บริการ "นพรัตน์" ขอคำปรึกษาว่าด้วยกิจการงานคณะสงฆ์ แต่หารู้ไม่ว่า นพรัตน์ก็อาศัย "ดีเอสไอ" อีกทอดหนึ่ง ส่วนนายธาริตดีเอสไอจะใช้ตำรวจหรือสายสืบคนไหนเป็นไม้เป็นมือก็ไม่รู้สิ เผลอๆ อาจจะเป็นยามอยู่หน้าพุทธมณฑลก็เป็นได้ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะ อิอิ !
นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนัก งานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงกรณีที่นายสุกิจ พูนศรีเกษม ทนายความของอดีตพระวิรพล แจ้งเลื่อนเข้ามอบตัว ว่า ภายในวันที่ 13 ส.ค.นี้ จะครบกำหนด 30 วัน หากอดีตพระวิรพลยังไม่มอบตัว หรือไม่ยอมมายื่นอุทธรณ์คำสั่งของเจ้าคณะปกครองที่มีคำสั่งให้สึก และการขับออกจากสังกัด ก็จะไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ได้อีก
นายนพรัตน์กล่าวว่า จากการหารือเรื่องการปรับปรุงกฎระเบียบ ข้อบังคับ กฎหมายเกี่ยวกับคณะสงฆ์ กับดีเอสไอ โดยนำบทเรียนและปัญหากรณีอดีตพระวิรพลมาหารือ ก็ได้พิจารณาถึงการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ซึ่งประเด็นในการแก้ไขกฎหมายนั้นยังคงต้องหารือกับฝ่ายๆ อีกหลายครั้ง โดยส่วนตัวมองว่าจากนี้ต้องวิเคราะห์และสรุปปัญหาเรื่องการกฎหมาย กฎระเบียบในการดูแลพระสงฆ์ ที่กฎหมายยังมีช่องไม่รัดกุม
"เบื้องต้นน่าจะแบ่งเป็น 2 ประเด็นหลัก คือการทบทวนข้อกฎหมายและระเบียบต่างๆ ที่บังคับใช้มาแล้ว แต่ปรากฏว่าในปัจจุบันไม่สามารถบังคับใช้ได้ หรือว่าไม่มีการระบุไว้ในกฎหมายชัดเจนเรื่องกำหนดเวลา อำนาจหน้าที่ของผู้ดำเนินการ เช่น ระยะเวลาเรื่องการสร้างวัดและอนุญาตที่ยังมีช่องว่างของกฎหมาย อีกประเด็นที่ต้องหารือคือ ปัญหาใหม่ที่ยังไม่มีกฎหมายออกมาบังคับใช้ อาทิ การห้ามพระสงฆ์ขับรถซึ่งในกฎหมายไม่มีระบุห้ามไว้ เป็นต้น หลังจากนี้ต้องหารือกับทุกฝ่ายว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
นายนพรัตน์กล่าวว่า จากการหารือเรื่องการปรับปรุงกฎระเบียบ ข้อบังคับ กฎหมายเกี่ยวกับคณะสงฆ์ กับดีเอสไอ โดยนำบทเรียนและปัญหากรณีอดีตพระวิรพลมาหารือ ก็ได้พิจารณาถึงการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ซึ่งประเด็นในการแก้ไขกฎหมายนั้นยังคงต้องหารือกับฝ่ายๆ อีกหลายครั้ง โดยส่วนตัวมองว่าจากนี้ต้องวิเคราะห์และสรุปปัญหาเรื่องการกฎหมาย กฎระเบียบในการดูแลพระสงฆ์ ที่กฎหมายยังมีช่องไม่รัดกุม
"เบื้องต้นน่าจะแบ่งเป็น 2 ประเด็นหลัก คือการทบทวนข้อกฎหมายและระเบียบต่างๆ ที่บังคับใช้มาแล้ว แต่ปรากฏว่าในปัจจุบันไม่สามารถบังคับใช้ได้ หรือว่าไม่มีการระบุไว้ในกฎหมายชัดเจนเรื่องกำหนดเวลา อำนาจหน้าที่ของผู้ดำเนินการ เช่น ระยะเวลาเรื่องการสร้างวัดและอนุญาตที่ยังมีช่องว่างของกฎหมาย อีกประเด็นที่ต้องหารือคือ ปัญหาใหม่ที่ยังไม่มีกฎหมายออกมาบังคับใช้ อาทิ การห้ามพระสงฆ์ขับรถซึ่งในกฎหมายไม่มีระบุห้ามไว้ เป็นต้น หลังจากนี้ต้องหารือกับทุกฝ่ายว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ข่าว : ข่าวสด
9 สิงหาคม 2556
เณรคำใกล้โผล่
ทนายประจำตัววิ่งออกนอกด่านหนองคาย
สงสัยว่าต้องไปพบเณรคำวางแผนกลับไทย
ทนายสมีคำ โผล่สะพานมิตรภาพไทย–ลาว หนองคาย อ้างพาลูกสาวไปเที่ยว ไม่เกี่ยวกับเณรคำ ระบุยังไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นทนายอย่างเป็นทางการ แค่ทำหน้าที่ประสานงานให้ เผยยังไม่รู้เณรคำจะมาเมื่อไร...
เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 8 ส.ค. 56 ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย–ลาว อ.เมืองหนองคาย นายสุกิจ พูลศรีเกษม ทนายความ ผู้ทำหน้าที่ประสานงานให้กับ "สมีคำ" หรืออดีตพระหลวงปู่เณรคำ หรือ "นายวิรพล สุขผล" ได้เดินทางมายื่นเอกสารหนังสือผ่านแดนชั่วคราว (border pass) พร้อมกับหญิงสาวและผู้ติดตามชายอีกคนหนึ่ง ก่อนจะขึ้นรถตู้โดยสารข้ามไปยังประเทศลาว
นายสุกิจ กล่าวว่า วันนี้พาลูกสาวไปเที่ยวประเทศลาว ไม่ได้ไปเรื่องของหลวงปู่เณรคำ ซึ่งตนก็ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทนายความของหลวงปู่เณรคำอย่างเป็นทางการ เพียงทำหน้าที่ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอให้เท่านั้น ตอนนี้ก็ยังไม่ทราบว่าหลวงปู่เณรคำอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าจะได้พบกันเมื่อไหร่
อย่างไรก็ตาม ตามที่ได้รับแจ้งจากหลวงปู่ที่บอกว่าป่วย ก็ไม่ทราบว่าป่วยเป็นอะไร เพียงให้ประสานเลื่อนเข้ามอบตัวอย่างไม่มีกำหนด ตามที่ได้แจ้งให้ทราบแล้วเท่านั้น
ข่าว : ไทยรัฐ
8 สิงหาคม 2556
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ครับ