ประจักษ์แจ้งขบวนการมหาเถรไทยที่ต้องปฎิรูป สู่ความมั่นคงสถาบันพระศาสนา



เหนาะ-ฝังมุก ออกมุกใหม่ ขอให้จบ !

ปากหวานผ่านสื่อรอบสอง
"ไม่อยากพูด เป็นเรื่องภายใน พูดไปก็ไม่ดี"

เออเนอะ ชกเขาก่อนแท้ๆ
พอโดนเขาเอาคืน กลับขอยอมความ
เริ่ดฮ่ะ นักเลงภูเขาทองเรียกพี่เลย !
แหมถ้าคิดได้เสียแต่ทีแรกเรื่องก็คงไม่เป็นแบบนี้มั๊ง ถ้าท่านไม่เปิดเกมก่อน ใครจะทำอะไรท่าน แต่ตัวท่านแส่หาเรื่องเอง แบบว่าอยู่ดีไม่ว่า แต่แกว่งเท้าหาเสี้ยน พอโดนเสี้ยนตำก็โทษเสี้ยนว่าวิ่งมาหาเท้า เสี้ยนโง่ที่ไหนวิ่งไปตำเท้า นอกจากเท้าของคนโง่ๆ ที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเท่านั้นแหละ เป็นถึงรองสมเด็จและกรรมการมหาเถรสมาคม ถ้าคิดมุกได้แค่นี้ก็ไปทำสวนกล้วยไม้ขายเสียเถอะ อย่ามาปกครองบ้านเมืองให้ฉิบหายไปกว่านี้เลย
อย่าหาว่าสอนนะท่านเหนาะนะ กลับไปนั่งนึกนอนนึกดูซี ว่าตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันนั้น คุณสะสมวีรเวรวีรกรรมอะไรไว้บ้าง สังคมสงฆ์ไทยเขามองภาพของคุณอย่างไร ทำไมมันไม่หล่อเหมือนพระเอกลิเก แต่ยิ่งเล่นก็ยิ่งเปลืองตัว ขึ้นเป็นหัวหน้าก็เน่าทั้งวัด มันเป็นความผิดของสังคมอย่างนั้นหรือ
เรื่องราวของ "คุณเสนาะ" ในวันนี้ มันสายเกินกว่าจะมารอมชอมกันแล้ว คดี 7 ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธร รวมทั้งความไม่โปร่งใสในพฤติกรรมต่างๆ ของคุณ ซึ่งมีตำแหน่งสำคัญในทางราชการบ้านเมือง เป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมความได้ ต้องเดินหน้าสถานเดียว
ถ้าคุณเชื่อมั่นว่าตัวเองบริสุทธิ์ แต่ถูกใส่ร้ายหรืออะไรก็ตามแต่ คุณก็ควรปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการ และให้ความร่วมมือ เพื่อความรวดเร็วตามที่คุณมุ่งหวัง และถ้าจะให้โปร่งใสดังที่คุณบอกกับนักข่าว ก็ง่ายๆ แค่ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระเกศ รับรองว่าคุณจะได้ใจคนที่เป็นกลางอีกมากมาย
นะ คุณเสนาะนะ ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระเกศเสียแต่วันนี้ จะดีสำหรับคุณ หากว่าคุณผ่านกระบวนการยุติธรรมมาอย่างบริสุทธิ์ เรา-อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ขอสัญญาว่า จะทวงความเป็นธรรมและตำแหน่ง คืนให้คุณเอง  นะ อย่าดีแต่พูด ลองทำให้เป็นตัวอย่างซักที อาจจะมีคนยกมือไหว้คุณอย่างสะดวกใจบ้าง


โฉมหน้าผู้บริสุทธิ์แห่งคณะสงฆ์ไทย
"เสนาะ ฝังมุข"
ยกก้นตนเอง ไม่ดีอยู่ไม่ได้
สมณศักดิ์พิจารณาอย่างบริสุทธิ์ 100 เปอร์เซ็นต์


เจ้าอาวาสวัดสระเกศ ขอจบ ไม่อยากเป็นข่าว

พระพรหมสุธี (เสนาะ ปัญญาวชิโร) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เจ้าคณะภาค 12 กรรมการมหาเถรสมาคม ให้สัมภาษณ์พิเศษกับทีมข่าวเนชั่น กรณีมีแถลงการณ์โจมตี หลังได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอวาสวัดสระเกศฯ และนายชัยธนพล ศรีจิวังษา ผู้ประสานงานองค์กรเครือข่ายภาคประชาชนพิทักษ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ (อพช.) เข้าร้องเรียนกับกรมสอบสวนพิเศษ กล่าวโทษ และให้ตรวจสอบพฤติกรรมของพระพรหมสุธีว่า มีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต ร่ำรวย มีรถยนต์หรู่ร่วม 20 คัน โดยพระพรหมสุธี กล่าวปฏิเสธในทุกกรณี
"จริงๆ อาตมาอยากให้เงียบที่สุด ไม่อยากให้เป็นข่าว อยากปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปเรื่อยๆ ถือว่าไม่ได้เป็นไปตามข่าว แต่เมื่อโยมติดต่อมา อาตมาก็จะเล่าให้ฟัง...ข่าวก็คือข่าว ขอปฏิเสธในทุกกรณี หาว่าอาตมามีเงินเป็น 1000 ล้าน มันเป็นไปไม่ได้ การปล่อยข่าวออกมา เพื่อโยงให้เห็นว่า มีเงินมาก ได้มาจากการโกงเงินวัดหรือเปล่า...ไม่มีหรอกเงินขนาดนั้น เป็นวิธีการสร้างข่าว เพื่อให้เกิดความแตกตื่น" เจ้าอาวาสวัดสระเกศ กล่าว
เมื่อถามว่า เงินสะสมของวัดตั้งแต่สมัยสมเด็จเกี่ยวฯ เป็นเจ้าอาวาส ยังอยู่ครบถ้วนหรือไม่ พระพรหมสุธี กล่าวย้ำว่า อาตมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสแค่ 7 เดือน ยังไม่ได้ใช้เงินสะสมของวัดเลย เงินที่ใช้อยู่เป็นเงินที่ญาติโยมมาทำบุญในช่วงที่อาตมาได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอวาสแล้ว และตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้นว่า จะไม่ใช้เงินสะสมของสมเด็จเกี่ยวฯ
เมื่อถามว่า ใบปลิวที่ออกมาโจมตีเป็นปัญหาความขัดแย้งภายในวัดหรือไม่ โดยเฉพาะเกี่ยวกับตำแหน่งเจ้าอวาส พระพรหมสุธี กล่าวว่า ก็อาจจะมีผู้ประสงค์ไม่ดี แต่ก็เป็นเรื่องของพระ เรื่องของสงฆ์ จะพูดอะไรออกไปก็ต้องระวัง พูดมากไปก็ไม่ดี เพราะคนเราไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์ หรือฆาราวาส ก็มีทั้งคนรัก และคนไม่รัก แต่จะให้ชี้ชัดลงไปว่าใครทำ เราไม่อยากชี้ชัดลงไป แต่ก็รู้ๆกันอยู่ อย่างที่ทุกคนเข้าใจ
ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องมีรถหรู่ร่วม 20 คัน พระพรหมสุธี กล่าวว่า ไม่ถึงขนาดนั้น ไม่ถึง 20 คัน แต่มีหลายคัน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นรถยนต์ที่ญาติโยมนำมาถวลายตั้งแต่สมัยเป็นรองเจ้าอาวาส พร้อมกับยกตัวอย่างว่า มีผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์บางฉบับ ก็นำรถมาถวายต่อเนื่องถึง 3 คัน เจ้าของโรงพยาบาลบางแห่ง ก็นำรถมาถวายทุก 3 ปี และคนที่นำรถมาถวายทุกวันนี้ก็ยังอยู่ สามารถที่จะมายืนยันได้ แต่อาตมาไม่อยากเอ่ยชื่อเขา เดี๋ยวจะขยายเรื่องไปอีก และทุกวันนี้รถทุกคันก็ยังอยู่ ใช้งานได้หมดทุกคัน เราก็ซ่อมบำรุงดูแลไปตามสภาพ คันหนึ่งก็ถวายให้หลวงพ่อในวัดไปใช้ เนื่องจากอาพาธต้องไปโรงพยาบาลบ่อย อีกคันก็ไว้รับส่งพระ-เณรในวัด ส่วนอาตมาเองก็มีรถเบนซ์ใช้อยู่คันเดียว ที่เหลือเป็นรถตู้ รถเก๋งบ้าง
เช่นเดียวกับข้อกล่าวหาใช้ตำแหน่งเจ้าคณะภาค และกรรมการมหาเถรสมาคมวิ่งเต้นตำแหน่งในวงการสงฆ์ พระพรหมสุธี กล่าวว่า อาตมาเป็นเจ้าคณะภาค 12 จริง และเป็นมานานแล้วด้วย ถ้าอาตมาใช้ตำแหน่งเจ้าคณะภาค 12 หรือใช้ตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคมวิ่งเต้นแล้วรับเงิน อาตมาคงอยู่ไม่ได้แล้ว "รับเงินมาแล้วจะมีหลักประกันอะไรว่าจะได้รับตำแหน่งตามนั้น เพราะการพิจารณาตำแหน่งในวงการสงฆ์ต้องผ่านมหาเถรสมาคม ที่มีพระระดับสมเด็จถึง 21 รูปเป็นกรรมการ พระผู้ใหญ่ทั้งนั้น ทุกคนมีสิทธิ์เสนอ มีสิทธิ์ที่จะพูด หรือจะต้องวิ่งเต้นผ่านพระสมเด็จทั้ง 21 รูป
"การพิจารณาตำแหน่งในวงการสงฆ์ อาตมาคิดว่าใสสะอาด 100 เปอร์เซ็น เพราะต้องผ่านการพิจารณาจากมหาเถระ พระชั้นผู้ใหญ่ทั้งนั้น รับเงินมาก็การันตีไม่ได้ว่าจะได้ตำแหน่ง ปิดปากพระสมเด็จทุกรูปไม่ได้หรอก และในวงการสงฆ์เวลาพิจารณาก็ไม่มีการโหวต พูดกันด้วยเหตุด้วยผล ตามความเหมาะสม"
ยังมีข้อกล่าวหาเกี่ยวกับสีกา เข้าออกในกุฏี พระพรหมสุธี อธิบายว่า ในวงการสงฆ์ การทำลายกัน วิธีการที่ง่ายที่สุด ก็คือสีกา เอาเรื่องสีกาขึ้นมากล่าวหา แต่ทั้งหมดมันอยู่ที่ข้อเท็จจริง และพยานหลักฐาน ถ้าอาตมาเป็นอย่างที่กล่าวหา อาตมาอยู่ไม่ได้แล้ว ไปนานแล้ว ลองดูอย่างพระนิกร พระยันตระ ก็อยู่ไม่ได้
ส่วนเรื่องธุรกิจสวนกล้วยไม้ และบ้านจัดสรร พระพรหมสุธี กล่าวว่า เป็นธุรกิจของครอบครัวที่เขาทำมานานกว่า 10 ปีแล้ว เป็นของน้องชาย (เอกวัฒน์ ฝังมุข)
"เป็นธุรกิจของครอบครัว ที่น้องชายเขาทำมากว่า 10 ปีแล้ว ญาติร่วมสายโลหิต ความเป็นพี่เป็นน้องกันก็ต้องมี เขาก็ทำมาหากินกันไปนะ เหมือนโยมเป็นนักข่าว แต่อาจมีพี่ๆน้องๆคนอื่น ทำอีกอาชีพหนึ่ง ต่างคนต่างทำมาหากินกันไป ไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ความเป็นพี่เป็นน้องกันก็ต้องมี"
ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องเงิน 67 ล้านบาท ที่ใช้ในการจัดงานศพสมเด็จเกี่ยว พระพรหมสุธี กล่าวว่า อาตมาจะอธิบายให้ฟังว่า รัฐบาลให้งบประมาณมาจัดงานศพสมเด็จเกี่ยว 67 ล้านบาท วัดฯก็รับเงินมาเปิดบัญชีแยกไว้ต่างหาก และได้ใช้งบประมาณไปแล้วส่วนหนึ่งในการจัดการงานศพสมเด็จเกี่ยว งบประมาณยังใช้ไม่หมด บางรายการยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ เช่น การจัดสร้างโต๊ะหมู่บูชาถวายวัดต่างๆ ที่สั่งไปทั้งหมด 100 ชุด เพิ่งเสร็จ 20 ชุด งบประมาณจึงยังไม่ได้เบิกจ่าย ยังเก็บไว้อยู่ แต่เงินจะเหลืออยู่เท่าไหร่ ก็ยังไม่ทราบ
"อาตมาคิดว่า เมื่องานเสร็จแล้วจะรายงานไปยังรัฐบาล เพราะเป็นเงินภาษีของประชาชน ถ้ามีเงินเหลือจะถามรัฐบาลว่าจะเอาคืนหรือไม่ ถ้ารัฐบาลไม่เอาคืน ตั้งใจจะตั้งเป็นกองทุนสมเด็จพระพุฒาจารย์ เพื่อใช้ในกิจการพุทธศาสนา หรือทุนการศึกษาของพระสงฆ์

ที่มา : คมชัดลึก
19 กันยายน 2557



ถูกน้ำฝนไล่ที่ !
ชาววัดไผ่ล้อมนครปฐมขอความช่วยเหลือ
ก่อนที่จะไม่เหลือแม้แต่ที่ซุกหัวนอน

น้ำฝน-ตัวเงินตัวทองของเสี่ยเหนาะ

จำไว้นะไข่นุ้ย สูง-ต่ำ เขาเล่นกันยังไง

มีเงินจ่ายส่วยเสียอย่าง
อะไรๆ ก็ไม่ผิดพระธรรมวินัย
(จำไว้นะไข่นุ้ย)


เดือดร้อน! ชาวบ้านชุมชนวัดไผ่ล้อม ร้องสภาทนายเหตุถูกวัดไล่ที่
มื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 18 กันยายน  ที่สภาทนายความ ถ.ราชดำเนิน  น.ส.มนัญญา จันทรังษี อายุ 39 ปี  พร้อมด้วยตัวแทนดลุ่มชาวบ้านชุมชนวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จังหวัดนครปฐม จำนวน 11 คน ได้นำเอกสารหลักฐานเข้ายื่นคำร้องขอความเป็นธรรมกับนายสุนทร พยัคฆ์ อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย สภาทนายความ  จากกรณีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนหลังถูกคณะกรรมการวัดไผ่ล้อม ติดป้ายประกาศให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้ โดยทางคณะกรรมการวัดเสนอให้ค่ารื้อถอนหลังละ 20,000 บาท  ทำให้ชาวบ้าน 80 หลังคาเรือนได้รับผลกระทบไม่มีที่อยู่อาศัย
น.ส.มนัญญา กล่าวว่า ชาวบ้านอาศัยเช่าที่วัดอยู่มาตั้งแต่ปี 2516  ทำสัญญาเช่าที่กับทางวัดตั้งแต่เมื่อครั้งที่พระครูปุริมานุรักษ์ หรือหลวงพ่อพูล ยังเป็นเจ้าอาวาส มีบริษัทปรีดาธุรกิจ ก่อสร้างห้องแถวครึ่งตึกครึ่งไม้ และให้ชาวบ้านเช่าเฉลี่ยปีละประมาณ 450 บาท สัญญาเช่าไม่ระบุวันหมดสัญญา กระทั่งปี 2548 หลวงพ่อพูลมรณภาพ พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสแทน ต่อมาปี 2554 ทางวัดไม่ได้เก็บค่าเช่าที่เหมือนทุกปีที่ผ่านมา ชาวบ้านเริ่มหวั่นเกรงว่าจะถูกไล่ที่ จึงเข้าไปสอบถามกับทางคณะกรรมการวัด ได้รับการยืนยันว่าไม่มีการไล่ที่แต่อย่างใด กระทั่งเดือน มี.ค.57 มีจดหมายจากทางสำนักงานทนายความของวัดไผ่ล้อม แจ้งความประสงค์ขอคืนพื้นที่วัดไผ่ล้อมไปถึงชาวบ้านทุกหลังคาเรือน เรื่องปรับปรุงภูมิทัศน์โดยขอให้ขนย้ายทรัพย์สินออกไปและทางคณะกรรมการวัดนำป้ายมาปัก “ให้ขนย้ายทรัพย์สินออกให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้ เพราะทางวัดไผ่ล้อมจะเริ่มทำการรื้อถอนอาคารบ้านเรือนทั้งหมดในวันที่ 15 ต.ค.57"
น.ส.มนัญญา  กล่าวว่า  จากนั้นเมื่อวันที่ 9 ก.ย. ทางวัดว่าจ้างผู้รับเหมารายหนึ่งเข้ารื้อถอนภายในบ้านพักของตน เลขที่ 27/18 ทั้งที่ประตูบ้านปิดล็อกไว้  จึงแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองนครปฐม เป็นหลักฐาน ทั้งนี้มีชาวบ้านประมาณ 4-5 หลังที่ยินยอมรับเงินค่ารื้อถอนรายละ 20,000 บาท ส่วนที่เหลือไม่ยอมรับเงิน เพราะต่างไม่รู้ว่าจะย้ายไปอยู่ที่ไหน จึงร้องขอความเป็นธรรมกับสภาทนายความให้ช่วยเหลือทางกฎหมาย
ด้านนายสุนทร กล่าวว่า  ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สอบสวนเบื้องต้นไว้เป็นข้อมูล ก่อนนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะทำงาน เพื่อพิจารณาว่าจะรับเรื่องไว้ช่วยเหลือหรือไม่ และจะเร่งพิจารณาโดยเร็ว โดยทางคณะทำงานจะลงพื้นที่ไปดูข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พร้อมเข้าเจรจาหารือกับทางคณะกรรมการวัด ส่วนบ้านเรือนที่ถูกรื้อถอนไปแล้วก็จะพิจารณาอย่างละเอียดว่าทำถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

ที่มา : มติชน
19 กันยายน 2557


เงินหลวง+กล้วยไม้ !
เชือกสองชั้นมัดคอเจ้าคุณเสนาะ
หลุดยากส์ !


โฟกัสประเด็นหลักคดีของเจ้าคุณเสนาะวัดสระเกศเวลานี้ ยังคงอยู่ที่ "เงินหลวง" กับ "กล้วยไม้"
1. เงินหลวง จำนวน 67.55 ล้านบาท ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ อนุมัติถวายวัดสระเกศ เพื่อจัดงานพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ซึ่งผู้ร้องเรียนระบุว่า อาจจะมีการยักย้ายถ่ายเทออกนอกบัญชีไปเข้าบัญชีใครไม่รู้ รู้แต่ว่าเจ้าอาวาสวัดสระเกศองค์ใหม่ต้องรับผิดชอบหากเกิดรั่วไหล
2. กล้วยไม้ที่ใช้บูชาหลวงพ่อโสธรเพียงชนิดเดียว โดยมีกระแสข่าวระบุว่า ก่อนหน้านั้น ทางวัดโสธรใช้ดอกบัว (โดยไม่จำกัดแหล่ง) มาเป็นหลักในการบูชาหลวงพ่อโสธร แต่ครั้นเจ้าคุณเสนาะเข้ามารักษาการเจ้าอาวาส ก็สั่งเปลี่ยนไปใช้ "กล้วยไม้" แทน แถมยังระบุด้วยว่า กล้วยไม่ทั้งหมดนั้น ลำเลียงไกลจากอยุธยา มีบริษัทชื่อว่า กล้วยไม้ร่มวรีส์ ซึ่งอยู่ไกลถึงพระนครศรีอยุธยา และว่าด้วยว่า สวนกล้วยไม้แห่งนี้เป็นธุรกิจในเครือของเจ้าคุณเสนาะ อดีตรักษาการเจ้าอาวาสวัดโสธรนั่นเอง
ทั้งสองประเด็นนี้ ล้วนแต่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายทั้งสิ้น โกงเงินหลวงนั้นอยู่ไม่ได้แน่นอนแล้ว แต่ถ้ามีผลประโยชน์ทับซ้อน เช่น ผูกขาดการขายกล้วยไม้จากสวนร่มวรีส์จริง ก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน เพราะถือว่าเป็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่ทุจริตคอรัปชั่น อย่างเป็นขบวนการ
ทั้งสองประเด็นนี้ หากศาลสงฆ์ก็ดี ดีเอสไอก็ดี หรือหน่วยงานอื่นๆ สามารถสอบสวนได้ข้อเท็จจริงในเร็ววัน ก็จะทำให้พุทธศาสนิกชนไม่ผิดหวังต่อพระพุทธศาสนาที่รับผิดชอบโดยมหาเถรสมาคมและรัฐบาลไทย
ะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ดอทคอม รายงาน
17 กันยายน 2557

ความคิดเห็น

  1. ไม่ระบุชื่อ23 กันยายน 2557 เวลา 04:47

    ตรวจสอบที่มาของนำ้ฝน กับธุรกิจด้วยมีสิบล้อเพียบมีเต้นท์รถด้วย

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

#พระเครื่องในประวัติศาสตร์ หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร สามารถศึกษาการอนุรักษ์ได้ด้วยตนเอง

#หลวงปู่ทวด องค์ในประวัติศาสตร์ เพื่อหาทุนในการพิทักษ์รักษา โบราณสถาน โบราณวัตถุ ๒๕๖๑

#พระกริ่งปวเรศแท้ในประวัติศาสตร์ไทย บันทึกไว้โดย สมเกียรติ กาญจนชาติ