ปตท.ทรราชน้ำมันบนน้ำตาคนไทย ? ต้องศึกษาก่อนสิ้นชาติ



โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 17 สิงหาคม 2555
ปตท.ทรราชน้ำมันบนน้ำตาคนไทย!(ตอนสิบสอง)
สอดแนมการเมือง
โดย : ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย

ปล้นชาติคนเดียวไม่ได้ เฮียเหลี่ยม-จึงต้องใช้นอมีนีมากมายมาช่วยกันปล้นชาติ!
...

เฮียเหลี่ยม-ใช้ทั้งลูก-เมีย-เพื่อนพ้องน้องพี่-คนขับรถ-คนสวน-แม่บ้าน-ยาม ฯลฯ เป็นนอมีนีไว้ซุกเงิน-ซุกหุ้น จนถูกคนไทยจับได้คาหนังคาเขามาแล้ว แต่เฮียเหลี่ยมใช้เงินติดสินบนตุลาการบางคนเอาตัวรอดมาได้หวุดหวิด

วันนี้-เฮียเหลี่ยมใช้นายกฯ ปูแดงและคณะรัฐบาล แถมใช้ขี้ข้ามากมายในพรรคตนเองและพรรคร่วมรัฐบาล โดยมีชายหัวหลิมดุจปลาชะโดนั่งตัวเอียงกะเท่เร่ เป็นประธานฆ้อนปลอมดูไบ คอยใช้ระบบพวกมากลากไปยกมือเอาชนะฝ่ายค้านตามเฮียเหลี่ยมบงการ

เฮียเหลี่ยมอยากได้บ่อน้ำมันใต้ทะเลไทย-กัมพูชา มูลค่ากว่า 5.5 ล้านล้านบาท มาเป็นทรัพย์สินส่วนตัว ความโลภทำให้เฮียเหลี่ยมถึงกับขายชาติ-ยกดินแดนไทย รอบปราสาทพระวิหารให้เขมรกันเลยล่ะ

เมื่ออยากเป็นผู้ยิ่งใหญ่ธุรกิจน้ำมันแห่งเอซีย เฮียเหลี่ยมจึงต้องมีคนที่ไว้ใจได้เป็นนอมีนีทำธุรกิจนี้ สำนักข่าวอิศราจึงเปิดโปงว่า

คนสนิทแม้วโผล่ตั้ง บ.พลังงาน โยงกลุ่มเชฟรอน-บิ๊ก ก.ต่างประเทศ โดยนายไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ ได้ก่อตั้งบริษัท เอ็มไพร์ เอเซีย เอนเนอร์ยี่ กรุ๊ป จำกัด

ต้องบอกว่าศักยภาพไพโรจน์-นายทนง-นายทองฉัตร-นายพละ-นายวิกรม-นายสุวิทย์ นั้น แม้ส่วนใหญ่จะอยู่ในวงการธุรกิจน้ำมัน และเคยเป็นใหญ่ในบริษัท ปตท.มาก่อน แต่คนพวกนี้ไม่มีวันจะควักเงินของตน และถึงจะควักก็ไม่มีเงินมากมายมหาศาล พอจะทำธุรกิจค้าขายน้ำมันอันใหญ่โตนี้ได้เลย

เพราะการทำธุรกิจน้ำมันนั้น มิใช่แค่มีเงินมหาศาลแล้วจะทำได้นะหากแต่ต้องเป็นผู้มีอิทธิพลทางการเมืองอย่างสูง ต้องสามารถใช้อำนาจรัฐและสั่งกลไกรัฐ ให้ทำงานทั้งในระดับชาติและข้ามชาติได้ ทั้ง 6 คนนี้ มิได้เป็นนักการเมืองเรืองอำนาจในรัฐบาลนี้ เส้นสาย-ช่องทาง-ที่จะทำธุรกิจน้ำมันจึงไม่มีครับ

เว้นแต่..เฮียเหลี่ยมกำลังจะใช้คนเหล่านี้ เป็นนอมีนีทำธุรกิจพลังงานให้ตนเท่านั้น เพราะบุคคลเหล่านี้ล้วนเคยเป็นผีโม่แป้ง ทำงานให้เฮียเหลี่ยมไม่มากก็น้อยมาแล้วทั้งนั้นครับ

วันนี้..เฮียเหลี่ยมคนเดียวเท่านั้น พร้อมที่สุดสำหรับการทำธุรกิจน้ำมัน เพราะมีเงินโกงชาติมากมาย และมีอำนาจทางการเมืองในประเทศไทยแบบเบ็ดเสร็จ แถมยังเป็นจอมทัพกองทัพแดงเถื่อนถ่อย ที่กำลังบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อีกด้วย

กลุ่มชายทั้ง 6 คนนี้ ไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์ศานต์สำคัญและใกล้ชิดเฮียเหลี่ยมมากที่สุด แม้ธุรกิจไพโรจน์จะเคยมีปัญหา จนต้องผลุบๆ โผล่ๆ เข้าออกประเทศไทยกับดูไบเป็นว่าเล่น ทว่า..สำหรับไพโรจน์คนนี้ชีวิตน่าติดตาม เพราะสนุกโลดโผนยิ่งกว่าละครน้ำเน่าหน้าจอทีวีซีรีส์ยาวๆ ครับ

ไพโรจน์ เปี่ยมพงศ์สานต์ เป็นบุตรของ ม.ล.สิริ อิศรเสนา ณ อยุธยา (พระยาอิศรพงศ์พิพัฒน์) และ ม.ล.สำลี ณ อยุธยา เขาเกิดเมื่อวันที่12 มิถุนายน 2498 อายุ 57 แล้ว ไพโรจน์จบอนุปริญญาจากวิทยาลัยพระนคร ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมศิลป์ วิทยาลัยพระนคร ดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการบริหารการศึกษา ที่มหาวิทยาลัยบูรพา

ไพโรจน์ระบุตนเองเป็นนักธุรกิจ ตำแหน่งประธานคณะกรรมการ บริษัท บ้านฉาง กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) ที่มีประสบการณ์ทางการเมืองเป็นถึงที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี-รองนายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และเป็นสมาชิกวุฒิสภาในปี 2535

ไพโรจน์ทะเร่อทะร่าเข้ามาเดินบนถนนการเมืองได้อย่างไรน่ะหรือ? คำตอบ คือ การเลือกคู่ตุนาหงันที่ชาญฉลาด เพราะไพโรจน์เลือกลูกสาว นายประทีป เชิดธรนินทร์ เลขานุการส่วนตัวของ พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย เป็นคู่ชีวิตนั่นเอง

ดังนั้น สมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ 1-2-3 นั้น ไม่ว่า พล.ต.อ.ประมาณจะดำรงตำแหน่งอะไรทางการเมือง พ่อตาไพโรจน์ก็จะตามไปเป็นเลขาฯ หน้าห้องลุงมาณเสมอ ไพโรจน์จึงเดินเข้าออกตึกไทยคู่ฟ้าเป็นว่าเล่น จนถือเป็นคนใกล้ชิดคนหนึ่งของ พล.ต.อ.ประมาณ ที่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจมากเป็นพิเศษ เพราะไพโรจน์เป็นจอมโปรเจกต์ ที่มักมีโครงการใหญ่ๆ ใหม่ๆ มาเสนอเสมอ

หลัง พล.อ.เปรมยุบสภาครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2529 เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง แต่ในที่สุด พล.อ.เปรมก็ได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง คณะรัฐมนตรีชุดที่ 44 นี้ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ได้เข้ามารับตำแหน่งรองนายกฯ แทน พล.ต.อ.ประมาณที่หลุดออกไป

ห้วงนั้น ไพโรจน์มีหนี้สินราว 30-40 ล้านบาท เพราะใช้เงินไปสนับสนุนการหาเสียง และซื้อที่ดินบริเวณบ้านฉาง ตั้งแต่กลางปี 2530 จนไพโรจน์มีที่ดินไว้ในครอบครองกว่า 2 พันไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ทางด้านใต้ของชายฝั่งทะเล ตามแนวทางหลวงหมายเลข 3 ธุรกิจซื้อ-ขายที่ดินนี่แหละที่ทำให้ไพโรจน์ชำระหนี้สินเก่าได้หมด เมื่อไตรมาสแรกของต้นปี 2531

คนเคลื่อนไหวการเมืองก็ต้องเคลื่อนไหว วันที่ 4 สิงหาคม 2531 พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ต่อจาก พล.อ.เปรม รัฐบาล"โนพลอมแพลมหรือ"ไม่มีปัญหา”ของ“น้าชาติ” ได้ใช้นโยบายเปลี่ยนสนามรบให้เป็นตลาดการค้ากับประเทศอินโดจีนทันที

ยุคนั้นไพโรจน์เดินเข้าออกได้ทั้งบ้านราชครูและตึกไทยคู่ฟ้า ได้ร่วมทำงานกับ“น้าชาติ”ในหลายเรื่อง เพราะ พล.อ.ชาติชายนั้นมีพี่สาว 3 คน น้องสาว 1 คน

พี่สาวคนโต คุณหญิงอุดมลักษณ์ ศรียานนท์ ภริยา พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ผู้ทรงอิทธิพลในประเทศไทย ก่อนเกิดการรัฐประหารในปี 2500

พี่สาวคนที่สอง นางพร้อม ทัพพะรังสี ภริยานายอรุณ ทัพพะรังสี อดีตอธิบดีกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง

พี่สาวคนที่สาม ท่านผู้หญิงเจริญ อดิเรกสาร ภริยา พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร หัวหน้าพรรคชาติไทยคนแรก ที่พ่อตาไพโรจน์เป็นเลขาฯ นั่นเอง

แม้จะมีผลงานโดดเด่นหลายเรื่อง แต่รัฐบาล“น้าชาติ”ก็ถูกครหาว่าเป็นรัฐบาล “บุปเฟ่ต์คาบิเนต” อีกทั้งที่ปรึกษาของ พล.อ.ชาติชายบางคน ก็มีทัศนะเกาเหลากับกองทัพ จนถึงขนาดที่ปรึกษา “ที่นิยมเลี้ยงกระต่ายไว้ที่คอ”โพล่งออกมาว่า จะต้องทำให้กองทัพแตกแยกและอ่อนแอลง เพื่อการเมืองจะได้กุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ

การเตรียมจะโยกย้านนายทหารใหญ่บางคนของ “น้าชาติ” จึงทำให้ “รัฐบาลไม่มีปัญหา”ง่อนแง่น!

วันนี้-เฮียเหลี่ยมเอา “คนเลี้ยงกระต่ายที่คอ”ยุค“น้าชาติ”มาชุบเลี้ยง มิน่า-รัฐบาลนอมีนีของเฮียเหลี่ยมที่มีปูแดงเป็นหุ่นเชิด จึงตั้งหน้าตั้งตาทำลายกองทัพให้แตกแยกและอ่อนแอเช่นกัน เพื่อนักการเมืองขี้ฉ้อที่ใช้เงินซื้อเสียงเลือกตั้ง จะได้คุมอำนาจรัฐไว้ในกำมืออย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไงครับ

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 รัฐบาล“น้าชาติ”ถูกยึดอำนาจ โดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อแห่งชาติ (รสช.) ภายใต้การนำของ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ พล.อ.สุจินดา คราประยูร พล.อ.อ.เกษตรโรจนนิล และ พล.อ. อิสระพงศ์ หนุนภักดี ที่ต่อมานำไปสู่เหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ

รัฐประหารโค่น“น้าชาติ”ครั้งนี้ ได้เกิดเรื่องแปลกแต่จริงขึ้น นั่นคือ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 18 เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2535 จนถึงวันที่ 24 พฤษภาคม 2535 หลังเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ “บิ๊กสุ”ต้องลาออกอย่างกะทันหัน ดังนั้น นายพลผู้นี้จึงได้เป็นนายกฯ ที่อยู่ในตำแหน่งสั้นที่สุดในโลก คือ ได้เป็นนายกฯ แค่ 48 วันเท่านั้น

แต่มี นายไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ ที่สนิทสนมอย่างลึกซึ้งกับ“น้าชาติ”และ “ลุงมาณ” ไปโผล่เป็นที่ปรึกษาท่านนายพล “ยอมเสียสัตย์เพื่อชาติ”ที่โค่นล้มรัฐบาล“น้าชาติ”อยู่ด้วยครับ?

ฉบับหน้า..ธุรกิจมากมายล้มครืนลงกับการลดค่าเงินบาท แต่เฮียเหลี่ยมกลับได้เงินกว่าห้าพันล้านบาท ใครหว่า..คาบข่าวลดค่าเงินบาท ไปบอกให้เฮียเหลี่ยมซื้อดอลลาร์จนรวยพุงปลิ้น..หือ..???

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“ปตท.ทรราชน้ำมัน”บน“น้ำตาคนไทย!(ตอนสิบ)
“ปตท.ทรราชน้ำมัน”บน“น้ำตาคนไทย!(ตอนเก้า)
“ปตท.ทรราชน้ำมัน”บน“น้ำตาคนไทย!(ตอนแปด)
“ปตท.ทรราชน้ำมัน”บน“น้ำตาคนไทย!(ตอนเจ็ด-2)
“ปตท.ทรราชน้ำมัน”บน“น้ำตาคนไทย!(ตอนเจ็ด-1)



ปตท.สูบเลือดเนื้อคนไทย ท้าพิสูจน์“แกนนำมวลชน” ของจริงหรือของปลอม

โดย ยุรชัฏ ชาติสุทธิชัย 14 สิงหาคม 2555

ขอเขียนถึงคนที่กำลังลอยหน้ามีอำนาจ ด้วยการอ้างประชาชน อ้างเป็นแกนนำมวลชน ด้วยสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ตกต่ำลงทั่วโลกเวลานี้ ยกเว้นในประเทศไทยประเทศเดียวเท่านั้น

เนื่องจากพวกคุณบรรดาแกนนำมวลชน ต่างก็อ้างว่าพรรคพวกของคุณเป็นคนไทยส่วนใหญ เป็นกลุ่มคนที่มีจำนวนมากมายเหลือเกิน เวลาจะชุมนุมทีมากันเป็นหลักล้าน มีคนเป็นพรรคพวกคุณเต็มทั้งแผ่นดิน

กระผมในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง กระผมอยากจะขอเสนออะไรบางอย่างให้พวกคุณนำไปคิดหรือปฏิบัติเสียหน่อย

สิ่งที่ผมจะเสนอนั้นหากพวกคุณปฏิบัติแล้ว รับรองเลยว่าคุณจะได้รับเสียงปรบมือ คำชม ความยอมรับนับถือเป็นอย่างมาก และเป็นการแก้ภาพพจน์ถ่อยๆของพวกคุณจากเหตุการณ์ เผาบ้านเผาเมืองที่ดังไปทั่วโลกได้อีกด้วย

อยากรู้กันแล้วละสิครับว่าผมกำลังจะเสนอให้พวกคุณทำอะไร สิ่งที่ผมจะแนะนำต่อไปนี้ไม่ใช่อะไรยากๆ ขอแค่คุณไม่ใช่ของปลอม มีมวลชนเยอะๆ อย่างที่อ้างกับทุกคนก็แล้วกัน

สิ่งที่ผมจะแนะนำ คือนำคนเป็นล้านๆของพวกคุณออกมาเรียกร้องทวงคืน ปตท. จากนายทุน ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ นอมินีต่างชาติ และบรรดานักการเมืองที่สวาปามผลประโยชน์มหาศาลจากปตท.

พวกคุณมักอ้างว่าตัวเองทำเพื่อความถูกต้อง ทำเพื่อคนส่วนใหญ่ของประเทศชาติ ยึดหลักผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง

ต้องไม่ลืมว่าคนที่ประกาศตัวสนับสนุนพรรคพวกของคุณ จำนวนมากมีอาชีพรับจ้าง ขับมอเตอร์ไซค์วิน ขับแท็กซี่ หรือรถตู้รับจ้าง อาชีพเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการใช้น้ำมันโดยตรง เรียกว่า ทุกวันหายใจด้วยน้ำมัน เวลาราคาน้ำมันขึ้นทีก็รับกรรมไปก่อนใคร คนพวกนี้ถือเป็นฐานเสียงของพรรครัฐบาล และเป็นกำลังหลักของการชุมนุมของพวกคุณแต่ละครั้งที่ผ่านมา

คนที่มีปากมีเสียง เป็นเจ้าแม่ส่งเสียงดังๆอย่างเจ๊เกียวจอมงก ที่มักจะออกมาขอขึ้นราคาค่าโดยสารรถทัวร์อยู่เรื่อย เจ๊น่าจะออกมานำประชาชนคนทำงานอาชีพขนส่งมวลชนและประชาชนคนโดยสาร เรียกร้องให้รัฐบาลจัดการกับปตท.เรื่องราคาน้ำมัน ผมทราบมาว่าเจ๊เองก็ชอบฝักใฝ่กับพวกคุณ เจ๊มีเส้นสายเข้าไปคุยกับรัฐบาลได้อยู่แล้ว

สำหรับคนหาเช้ากินค่ำที่เข็นรถขายก๋วยเตี๋ยวบ้าง อาหารตามสั่งบ้าง หรือบรรดาแม่บ้านทั่วไปก็ตาม ราคาแก๊สหุงต้มขึ้นราคา มันเท่ากับว่าต้นทุนราคาก๋วยเตี๋ยวต้องมากขึ้น ราคาขายต่อชามก็ต้องแพงขึ้น ไม่ก็ต้องลดปริมาณลง เพื่อกำไรเท่าเดิมหรือมากขึ้น ให้พออยู่ได้ เพื่อค้าขายเลี้ยงลูกเมียต่อไปได้จริงไหมครับ

พลังงานในแผ่นดินไทย คนไทยควรมีสิทธิ์ได้ใช้อย่างเท่าเทียมกัน และใช้ในราคาที่คนไทยสามารถจ่ายเงินได้ ไม่ต้องจ่ายแพงหูฉี่จนเกินไปเหมือนทุกวันนี้

ชาวบ้านฐานเสียงของพวกคุณจะรู้ไหมนะ ว่าคนที่พวกคุณบอกว่าดี คนที่พวกคุณชอบยกตีนตบขึ้นมาตอนเห็นภาพของเขาทางวิดีโอนั้น ชายคนนั้นเป็นคนเอาแผ่นดินไทยเอาทรัพยากรของเราไปให้ต่างชาติ เพื่อแลกกับเงินทองความร่ำรวย และทุกอย่างที่เขาต้องการ

คนไทยจ่ายค่าน้ำมันแพงลิ่ว ค่าครองชีพ ราคาสินค้าอื่นๆสูงตามขึ้นไปด้วยตลอดเวลา ทั้งๆที่ปตท.สูบเลือดเนื้อจากคนไทยทั้งประเทศ แล้วรวยขึ้นรวยเอารวยเอารวยไม่หยุด รวยสวนทางกับประชาชนที่จนลงๆ เห็นแล้วน่าอนาถจริงๆ

ล่าสุดจากการจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์จูน ปตท.มีรายได้สูงเป็น อันดับ 95 ของโลก ในปีที่ผ่านมา ปตท.มีรายได้ถึง 2.3 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% ทำกำไร 3,455.7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้น 31.9%

ที่ต้องหยิบยกเรื่องของ ปตท. ขึ้นมา เพราะ ปตท. เป็นบริษัทที่กำหนดทิศทางราคาน้ำมันในบ้านเรา ว่าจะขึ้นจะลงอย่างไร ปตท. กำไรมากมายขนาดนี้ บริษัทที่เป็นทุนข้ามชาติเอากำไรจากคนไทยไปมากมายขนาดไหน

ทำไมรัฐบาล ปล่อยให้ปตท.เอาเปรียบสูบเลือดเนื้อคนไทยขนาดนี้ ทำไมนักการเมืองและนายทุนบางกลุ่ม จึงนิ่งเฉยต่อความยากลำบากของคนส่วนใหญ่ ที่เกิดจากราคาน้ำมันแพงเป็นต้นเหตุของปัญหา

เหตุผลสำคัญเพราะนักการเมืองและพรรคพวกได้ผลประโยชน์ชิ้นใหญ่ๆ เป็นเงินก้อนโตๆในรูปแบบต่างๆที่ปตท.ประเคนให้กันถ้วนหน้า

หวังว่าคนที่เป็นแกนนำมวลชน ที่อ้างประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ อ้างคนชั้นล่าง อ้างคนยากคนจนอยู่ทุกวี่ทุกวัน คงไม่งมงายทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ถ้ามีความรู้ความสามารถ ตระหนักถึงปัญหาวิกฤติพลังงานของประเทศชาติ เห็นแก่ประโยชน์ของพี่น้องประชาชนจริงๆ

ก็ต้องพิสูจน์ให้เห็นกันละครับว่า พวกคุณยืนอยู่กับประชาชน ทำเพื่อประชาชน คิดถึงประโยชน์ของประชาชน เห็นใจความยากลำบากของประชาชน และจริงจังกับการแก้ปัญหาของพี่น้องประชาชน

ไม่ใช่เพียงแค่คำพูด แอบอ้างประชาชนเพื่อเป็นฐานการเคลื่อนไหวทางการเมือง เมื่อพวกคุณอ้างว่ามีคนอยู่ข้างคุณเยอะ ก็ควรลุกขึ้นมานำมวลชนเป็นล้านๆมาต่อสู้กับปตท.และราคาน้ำมันที่ไม่เป็นธรรม

ประชาชนก็คงจะได้เห็นกันว่าพวกคุณแกนนำทั้งหลาย ทำเพื่อประชาชนจริงหรือไม่ ถ้ายังเงียบกริบเพราะเงินและผลประโยชน์มันปิดปากอยู่ละก็

ชาวบ้านก็จะได้เห็นกันชัดๆละครับ ว่าคนพวกนี้เป็นยืนอยู่เคียงข้างผลประโชน์ของประชาชนจริงหรือไม่ เป็นแกนนำมวลชนที่เป็นของจริงหรือของปลอม หรือเป็นแค่พวกเสือหิว หิวอำนาจหิวเงิน อ้างประชาชนเพื่อบังหน้าเท่านั้นจริงๆ

ผมขอแค่นี้มากไปไหมครับบรรดาแกนนำมวลชน ถ้าพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นในกรณีปตท.และราคาน้ำมัน ผมว่าพวกคุณจะได้โชว์ฟอร์ม และคงได้ใจจากมวลชนของพวกคุณอย่างแน่นอน

ที่จริง นี่เป็นโอกาสทอง โอกาสงามๆในการทำคะแนนมาถึงแล้ว ไม่น่าปล่อยให้หลุดลอยไปเลยนะ ขืนปล่อยให้หลุดมือไป น่าเสียดายแย่เลย

นำมวลชนเรือนล้านของพวกคุณ ลุกขึ้นมาเรียกร้องรัฐบาลให้ปตท.ลดราคาน้ำมัน ให้คนไทยซื้อน้ำมันในราคายุติธรรม เพื่อความเป็นธรรม เรื่องนี้กำลังท้าพิสูจน์ธาตุแท้พวกคุณ ว่าเป็น “แกนนำมวลชน”ของจริงหรือของปลอม




ปตท ใครถือหุ้นบ้าง.. ทำไมไม่ทำตามเจตนารมณ์ของการแปรรูป...
หมวด » ทั่วไป » เรื่องเด่นประเด็นดัง » ปตท ใครถือหุ้นบ้าง.. ทำไมไม่ทำตามเจตนารมณ์ของการแปรรูป...

ใครดูรายการของคุณสัญา คุนากร

ได้คุยเรื่องน้ำมันในประเทศไทย ฟังเเล้วช๊อคจริงๆครับเพื่อนๆ

ทางคุณสัญาได้เชิญอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกระทรวงพลังงานมาเล่าให้ฟัง

ซึ่งผู้ใหญ่ท่านนี้เป็นข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพลังงานในสมัยพลเอกเปรม

ได้ฟังท่านเล่าเเล้วผมขนลุก...ครับ

ผมเข้าใจผิดมาตลอดว่าเมืองไทยไม่สามารถผลิตนำมันได้เองต้องนำเข้าจากต่างประเทศ

ซึ่งท่านบอกว่าเมืองไทยมีกำลังผลิตได้ 1,000,000 บาร์เรล/วัน(ปตท.)

เเละเมืองไทยใช้น้ำมันวันละ 700,000 บาเรล/วัน

เเละเมืองไทยส่งออกน้ำมันประมาณ 100,000 บาเรล/วัน

ฟังเเล้วเพื่อนคิดยังงัยครับ

เเละที่เเย่กว่านั้น..น้ำมันที่ส่งออกไปขายในต่างประเทศราคาถูกกว่าที่ขายในเมืองไทยหลายบาทถ้าเทียบต่อลิตร

ตอนนี้มาเลเซียใช้น้ำมันเบนซินเเละดีเซลประมาณลิตรละ 20 บาทต้นๆ

ท่านบอกว่าสาเหตุที่ทำให้น้ำมันราคาเเพง เพราะว่าอธิบดีหรือผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงพลังงานถือหุ้นบริษัทโรงกลั่น

ทำให้ไม่มีการเข้ามาจัดการเเละดูเเล

ราคาที่ปรับขึ้นทีละ .50 บาทเป็นการขึ้นจากโรงกลั่นซึ่งราคาที่ปรับขึ้นไม่ได้มาจาก cost ต้นทุน

เเต่ป็นราคาที่ตั้งขึ้นมาลอยๆ โดยอ้างอิงจากตลาดที่ผันผวนมากที่สุด

ในที่นี้ท่านยกตัวอย่างตลาดสิงคโปร์ เเต่จริงๆเราซื้อจากตะวันออกกลาง

เเละอีกอย่างที่น่าตกใจ ท่านบอกว่าในประเทศไทยมี stock น้ำมัน 2 เดือนเเละหมุนเวียนอย่างนี้เรื่อยๆ

พอเวลากระทรวงปรับน้ำขึ้นพวกพ่อค้าเอาน้ำมันใน stock มาปรับขึ้นด้วย

คิดดูเอาเองว่าเป็นเงินเท่าไหร่

ไทยใช้ 700,000 บาเรล/วัน ( 1 บาเรล = 159 ลิตร )

2 เดือนกี่ลิตร ลิตรละ .50 บาท ลองคูณดู

บริษัทที่ได้กำไรเยอะมากคือ ปตท เพราะมีโรงกลั่น 5 โรง อีก 2 โรงเป็นของเอกชน

รวมในประเทศไทยมีโรงกลั่น 7 โรง เป็นของ ปตท 5 โรง

เเล้วท่านสรุปกำไรของปตทในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ประมาณปี 2540-2544 ปตท กำไรปีละ 22,000 ล้านบาทครับ

ฟังเเล้วเป็นงัยครับพี่น้อง...

กำไรเท่ากับงบประมาณ 1 กรมเลยทีเดียว

เเละที่สุดยอดกว่านั้น ปี 2545-2550 ปตทกำไรเพิ่มเป็น 50,000ล้านบาท/ปี

เเละที่สุดๆ คือ ในปี 2548 กำไร 195,000 ล้านบาท

ฟังเเล้วอยากให้ลูกทำงานบริษัท ปตท มั้ยครับเพื่อนๆ

กำไรดังกล่าวมาจากอะไรลองคิดดูครับ

ประชาชนตาดำๆอย่างเราเสียค่าน้ำมันลิตรละ 36 บาท

ถ้าเป็นรัฐบาลก่อนๆ น้ำมันขึ้น 3 บาท รัฐมนตรี นายก ต้องก้นร้อนเเล้ว

เเล้วรัฐบาลน ี้ล่ะ..ตอนนี้ขึ้นไปกี่บาทเเล้ว เพื่อนๆลองคิดดูเเล้วกัน

ถ้า ปตท ลดกำไรลงเท่ากับ 20,000 ล้านบาท/ปี

เเค่นี้เราก็ใช้นำมันลิตร 20 บาทเเล้วครับ

(นี่เเหละเหตุผลที่ไม่อยากให้เเปรรูปอุตสาหกรรมพวกนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน)

นี่คือเหตุผลว่าทำไมพนักงานการไฟฟ้าถึงได้ประท้วงเวลามีการเเปรรูป

เพราะมันจะเป็นเหมือนน้ำมัน ซึ่งพอเข้าตลาดหุ้นจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนตามมา

อธิบดี รัฐมนตรี เมียอธิบดี เมียรัฐมนตรี ถือหุ้นโรงกลั่น

ทำให้ไอ้พวกนี้ไม่เข้าไปดูเเลเเละจัดการอย่างจริงจัง

ทำให้น้ำมันเเตะลิตรละ 40 บาทเเล้ว ณ ปัจจุบัน

มาร่วมมือกันดีไหม...


ด้วยการเติม esso, shell
และถ้าจะให้ดีกว่านี้..เราต้องร่วมมือกันไม่ซื้อมากกว่าที่จำเป็นต้องใช้
ถ้าทุกครั้งเราเคยเติม 1000 บาทหรือเต็มถ้ง.. คราวนี้เราจะไม่เติมมากกว่าที่เราจำเป็นต้องใช้

ตัวอย่างเช่น วันนี้จะวิ่ง 30 กม. เราก็เติม 4.5 ลิตรหรือ 200 บาท
จะวิ่งอีก 70 กม. เราก็เติม 10 ลิตรหรือ 400 บาท
จะวิ่งอีก 100 กม. เราก็เติม 14 ลิตรหรือ 500 บาท

อย่าเติมเยอะ...
ไม่ต้องไปตุนเพราะกลัวว่าพรุ่งนี้จะขึ้นราคาคราวนี้สต็อกน้ำมันในคลังก็จะล้น
เพราะปริมาณที่เคยขายทุกวันก็จะถูกเลื่อนให้ต้องเก็บไปขายในอนาคต
ถ้ามันยังอยากขายก็ต้องลดราคาลงมา ให้มันรู้ว่าไผเป็นไผ
เคยมีคนศึกษากรณีไข่ไก่แพง และได้ลองทำล้กษณะนี้ได้ผลมาแล้ว

สั่งสอนให้บทเรียนมันหน่อย เริ่มลงมือปฏิบัติการได้เลย
ไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรเลย ขอเพียงช่วยกันกระจายข่าวไปให้มากที่สุด

สามัคคีคือพลัง...
ส่งมาให้อ่านกันเพราะอยากให้ราคาน้ำมันลดลงจริงๆ
พวกเราโดนโอเปครวมหัวขึ้นราคาอย่างไม่เป็นธรรม ก็น่าจะมีมาตรการที่จะต่อสู้ ตอบโต้กลับไปบ้าง
ข้อเสนอนี ้ก็น่าจะเป็นข้อเสนอหนึ่งที่ถ้าร่วมกันทำจริงๆ ก็น่าจะแสดงอะไรออกมาได้บ้าง

ปล.. รัฐถือหุ้น มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ แล้วรัฐบาลชุดนี้.. กำลังทำอะไรอยู่ครับ...

ขอบคุณ คุณ พ. จาก เรื่องเด่นประเด็นดัง
ดูเพิ่มเติม

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

#พระเครื่องในประวัติศาสตร์ หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร สามารถศึกษาการอนุรักษ์ได้ด้วยตนเอง

#หลวงปู่ทวด องค์ในประวัติศาสตร์ เพื่อหาทุนในการพิทักษ์รักษา โบราณสถาน โบราณวัตถุ ๒๕๖๑

#พระกริ่งปวเรศแท้ในประวัติศาสตร์ไทย บันทึกไว้โดย สมเกียรติ กาญจนชาติ