จารึกประวัติศาสตร์ มหาเถรช่วยผู้ปราชิก?

เฮือกสุดท้าย !

เหนาะดิ้นสุดฤทธิ์ ก่อนเส้นตาย 9 มกรา

เจรจาลับ ขอบิณฑบาต สตง. ขอให้เรื่องสงบ

แต่..ความลับไม่มีในโลก

พูดได้คำเดียวว่า รู้แล้วจะหนาว !

 

 

ประตูวัดปากน้ำปิด

สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ไม่ยอมแลกตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชกับเกมภูเขาทอง เหมือนเอาพิมเสนไปแลกเกลือ จึงปิดประตูตาย ไม่ยอมให้เสนาะเข้าพบ ส่งผลให้เสนาะต้องวิ่งทางอื่น

 

สมเด็จสมศักดิ์ จำอวดหลังม่าน

สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ วัดพิชยญาติการาม กรรมการมหาเถรสมาคม ลูกพี่ของเจ้าคุณเสนาะ ยังคงมุ่งมั่นช่วยเหลือกันจนนาทีสุดท้าย ก่อนเส้นตาย วันประชุมมหาเถรสมาคม 9มกรา นี้ แต่งานนี้จะทำเอิกเกริกไม่ได้ จึงหาฤกษ์ประชุมเป็นเวลากลางคืน ส่วนสถานที่นั้นก็ไม่กล้าใช้วัดพิชัยญาติ แม้กระทั่งสมเด็จสมศักดิ์ ก็ไม่กล้าเข้าประชุม แต่เล่นบท"หลังไมค์" ขอร้องให้พระพรหมวชิรญาณออกรับหน้าเสื่อแทน

 

เจ้าคุณเอื้อน ม้าใช้ผู้ซื่อสัตย์

กองหน้าของสายอยุธยาในประชุม "ลับสุดยอด" ครั้งนี้ ชี้ไปที่ "พระพรหมดิลก" หรือเจ้าคุณเอื้อน เจ้าอาวาสวัดสามพระยา และเจ้าคณะ กทม. ยอมเปลืองตัว เข้าไปเป็นคีย์แมนเจรจาไกล่เกลี่ยช่วยเหลือเจ้าคุณเสนาะให้พ้นโทษ

 

พระพรหมวชิรญาณ วัดยานนาวา โต้โผในการประชุม

เมื่อประตูวัดปากน้ำปิดตาย วัดพิชัยญาติและวัดสามพระยาก็ไม่กล้ารับแขกในเวลาวิกาล สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ จึงตัดสินใจ "ต่อสาย" ถึง "พระพรหมวชิรญาณ-ประสิทธิ์ เขมงฺกโร" เจ้าอาวาสวัดยานนาวา และกรรมการมหาเถรสมาคม ผู้มีบารมีในทางรั้วในวังและในสายทหาร "ขอให้" ช่วยเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยกรณีประวัติศาสตร์ครั้งนี้ ซึ่งสายข่าวระบุว่า "เป็นคำขอร้องที่ยากต่อการปฏิเสธ" แบบว่าถ้าปฏิเสธก็อาจจะเสียไมตรีกันไปจนตาย สุดท้าย การประชุมลับสุดยอดก็เกิดขึ้นจนได้ในเวลาวิกาล แม้ว่าจะเลื่อนมาแล้วครั้งหนึ่งก็ตาม

 

พนม ศรศิลป์

ผอ.สำนักพุทธฯ เลขาธิการมหาเถรสมาคม
รับใช้ทุกสถานที่ ทุกเวลา แม้ว่าเป็นเวลาวิกาล

 

เสนาะก่อนสิ้นใจ
 

กรรมการมหาเถรสมาคม 4 รูป
ที่ถูกระบุว่าเข้าประชุมลับเพื่อเจรจาความช่วยเหลือเจ้าคุณเสนาะที่วัดยานนาวา
เวลากลางดึก วันที่ 4 มกราคม 2557

 

อา..โบราณว่า คนเราบทจะถึงคราว ยังไงก็ไปไม่รอด ยิ่งดิ้นก็ยิ่งรัด อะไรทำนองนั้น วันนี้ มีเหตุการณ์ "ช็อคซีนีมาร์" เหมือนสึนามิถล่มมหาเถรสมาคมให้ล่มระเนระนาด เพราะกวาดต้อนเอาทั้งกรรมการมหาเถรสมาคมมากมายถึง 3 รูป รวมทั้ง "เลขาธิการมหาเถรสมาคมโดยตำแหน่ง" เข้าไปเกี่ยวข้องกับ "การเจรจาช่วยเหลือคนผิด" อย่างที่เรียกว่า "ผิดธรรมผิดวินัย" และ "ผิดกฎหมาย"อย่างชัดแจ้ง เพราะมีประจักษ์หลักฐานชัดเจนว่า "เจ้าคุณเสนาะเอาเงินงานศพสมเด็จเกี่ยวเข้าบัญชีตัวเอง" ดิ้นไม่หลุดแบบนี้ จึงใช้วิธี "พิเศษ" เจรจาขอยอมความ ขอบิณฑาตต่อ สตง. จะขอคืนเงินและขอให้เรื่องจบ แต่ สตง. เขาซื่อสัตย์กว่าเจ้าคุณเสนาะ จึงตอบว่า "ไม่สามารถยอมความได้"เจรจาลับในคืนนั้นจึงล่ม

แต่ความ "ล่ม" ของการเจรจาในคืนนั้น ยังเป็นเพียง "น้ำจิ้ม" เพราะเมื่อข่าวรั่วไหลออกไป ก็เลยกลายเป็นว่า "ประชุมนัดนี้มีารเจรจาที่เสี่ยงต่อความผิด" ผิดทั้งทางพระธรรมวินัย กฎหมาย รวมทั้ง"จริยาพระสังฆาธิการ" เพราะในวันที่ 9 มกราคม ศกนี้ มีการประชุมมหาเถรสมาคม และหากพระมหาเถระทั้ง 4 รูปเหล่านี้เข้าประชุมด้วย ก็จะกลายเป็นว่า มหาเถรสมาคมประชุมนัดนี้ มีทั้ง ฝ่ายโจทย์ ฝ่ายจำเลย และฝ่ายตุลาการ เข้าร่วมประชุมร่วมกัน ซึ่งผิดวิสัยของการประชุมแน่นอน อาจจะส่งผลให้การประชุมเป็นโมฆะก็ได้ ถ้าหากมีใคร "ยื่น" ให้ สปช. ตีความ ถึงตอนนั้นก็อาจจะ "สั่นสะเทือน" ทั้งมหาเถรสมาคมเลยทีเดียว

อา.. ณ บัดนี้ คดีเจ้าคุณเสนาะ เดินทางมาถึงด่านสำคัญแล้ว บทบาทสำคัญของคดีประวัติศาสตร์นี้ อยู่ที่ "สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์" ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช จะใช้ "อำนาจ" เช่นไร จึงจะสามารถ "ปกครองคณะสงฆ์ไทย" ได้อย่างเรียบร้อย เพราะเวลานี้ กรรมการมหาเถรสมาคมในฝ่ายมหานิกายตั้ง 4 รูป เข้าไปพัวพันกับคดีเจ้าคุณเสนาะอย่างชัดเจนแล้ว ปลาตัวเดียวจะปล่อยให้เน่าทั้งข้อง ก็ต้องถามใจ "หลวงพ่อใหญ่วัดปากน้ำ" ว่าจะเอาอย่างไร

 


Big meeting day

ณ วัดยานนาวา

 

 

1. พระพรหมวชิรญาณ
2. พระพรหมสุธี
3. พระพรหมดิลก
4. นายพนม ศรศิลป์ 
5. บุคคลสำคัญจาก สตง หมายเลข 1
6. บุคคลสำคัญจาก สตง หมายเลข 2

ภายหลังความพยายามที่จะพบกันของบุคคลสำคัญ เพื่อเจรจาต่อรองเรื่องบางอย่าง ประสบความล้มเหลว อันเป็นผลมาจากข่าวรั่วไหลออกไปถึงหูผู้สื่อข่าว ทำให้กองทัพผู้สื่อข่าวเตรียมยกโขยงไปวัดยานนาวา เป็นเหตุให้ big meeting day ของค่ำวันนั้น ต้องล้มเลิกไป เพราะเจ้าของสถานที่ เกรงจะเป็นข่าวอึกทึกคึกโครม จึงยอมถอย ทำให้แขกสำคัญยามวิกาลของวัดยานนาวา รอเก้อไปจนถึงราว 5 ทุ่ม

แหล่งข่าววงในระบุถึงสาเหตุที่ความลับรั่วไหลออกมาถึงหูผู้สื่อข่าวว่า มาจากความเห็นของบุคคลในวัดยานนาวา ไม่อยากให้พระพรหมวชิรญาณ เข้าไปยุ่งกับปัญหาพระพรหมสุธี ซึ่งจะทำให้พระพรหมวชิรญาณแปดเปื้อนไปด้วย จึงหาทางยับยั้ง big meeting day ในคืนนั้น

แหล่งข่าวระบุอีกว่า สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ วัดพิชัยญาต เจ้าคณะใหญ่หนกลาง พยายามหาทางช่วยเหลือแขกบุคคลสำคัญของคืนนั้น อย่างสุดความสามารถ เพื่อให้รอดพ้นจากปัญหา สตง. จึงเร่งรัดให้มีการพบกันเพื่อเปิดเจรจาให้ได้ ทำให้ big meeting day ถูกต่อสายอีกครั้งในเย็นวันที่ 4 มกราคม ขณะผู้สื่อข่าวนอนใจว่า เป็นวันพระใหญ่ พระทุกรูปลงโบสถ์ น่าจะไม่มีการนัดพบกัน

 

big meeting day จึงเกิดขึ้น !

 

ต่อไปนี้ คือ ใจความข้อเจรจา ที่สำคัญ

พระพรหมสุธี : คือ ยังงัยละ อาตมาขอบิณฑบาต อาตมาจะคืนเงินให้ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ วัดพิชัยญาติท่านแนะนำมา คือ ท่านบอกให้อาตมาคืนเงินให้ แล้วขอให้เลิกแล้วกันไป อาตมาทำตามสมเด็จท่านบอกมา

คู่สนทนาจาก สตง : อือ ทำไมสมเด็จท่านแนะนำอย่างนั้น คืนเงินให้อย่างไรท่าน ในเมื่อมันผิดไปแล้ว

พระพรหมสุธี : ถึงอย่างไร อาตมาก็ขอบิณฑบาต เรื่องจะได้จบๆ เสียที ตั้งแต่เกิดเรื่อง อาตมากินไม่ได้ นอนไม่หลับมา 7 เดือน น้ำหนักลดไปมาก

คู่สนทนาจาก สตง : ทำอย่างนี้แล้วจะเป็นแบบอย่างให้พระทั่วไปได้อย่างไร ท่านก็เป็นพระผู้ใหญ่ แล้วชาวบ้านจะยึดถืออะไรกัน ต่อไปพระที่ทำผิดก็จะอ้างแบบท่านได้ ต่อไปพระทั้งประเทศจะเป็นอย่างไร

พระพรหมสุธี : คือ อย่างนี้นะท่านนะ เรื่องเงิน พูดจริงๆ อาตมาไม่รู้อะไรเลยมาตั้งแต่ต้น อาตมาไม่ได้เกี่ยวข้องมาตั้งแต่ต้น อาตมาก็ได้เรียนสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ไปแล้ว ท่านบอก ถ้าเราไม่รู้ ก็คืนไป เพื่อแสดงว่าเราบริสุทธิ์ใจ คืนทั้งหมดนั่นแหละ

คู่สนทนาจาก สตง : ท่านไม่รู้แล้วเงินไปอยู่ในบัญชีท่านได้อย่างไร

พระพรหมสุธี : คือ อาตมาไม่ได้ขอ เขาเอามาให้เอง อาตมารับไว้ในฐานะที่อาตมาเป็นเจ้าอาวาส หากไม่รับไว้ก็เกรงจะมีความผิด เพราะเงินเขาส่งมาแล้ว คิดจะส่งคืนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องมาตั้งแต่ต้น ส่วนเรื่องงานทั้งหมด ที่มีค่าใช้จ่าย อาตมาก็ไม่ได้ทำ พระที่วัดเป็นคนคิด เป็นคนทำ อาตมาไม่รู้เรื่อง ส่วนรายการที่เป็นค่าใช้จ่าย จะให้เอามาชี้แจงทั้งหมด อาตมาก็คงหาได้ไม่ครบ รายละเอียดต้องไปสอบถามพระที่ทำ

คู่สนทนาจาก สตง : ท่านไม่ได้ขอ ไม่รู้รายละเอียดของงาน แล้วท่านรับเงินมาได้อย่างไร ทำไมไม่ให้ผู้ที่เขารู้เรื่องไปจัดการตามวัตถุประสงค์ ทุกอย่างก็จะได้ไม่มีปัญหา

พระพรหมสุธี : คือ ยังงัยละ ถึงอย่างไร เรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว อาตมาขอบิณฑบาต อาตมาขอคืนเงิน แต่จะขอคืนส่วนที่ยังไม่ได้ใช้ ได้ไหม ส่วนที่ใช้ไปแล้ว ก็ถือว่าให้ถวายไว้ที่วัด

คู่สนทนาจาก สตง : คืนนะจะต้องคืน ท่านจะคืนจากส่วนไหน ถึงอย่างไรก็ต้องมีการตรวจสอบ หากรับมาไม่มีการตรวจสอบ เราก็อาจจะเป็นฝ่ายผิดเสียเอง ตามระเบียราชการ เงินหลวงที่ไม่ได้ใช้ก็ต้องคืนหลวง เพราะเป็นผลประโยชน์ของแผ่นดิน แต่การสอบก็ต้องดำเนินการต่อไปตามระเบียบ ไม่งั้นก็ไม่มีความกระจ่างให้กับสังคม ความผิดกับการคืนเงิน เป็นคนละประเด็นกัน

เหตุการณ์ก่อนหน้านี้

มีความพยายามที่จะให้พระพรหมวชิรญาณนัดเจรจากับ สตง. แต่การพบกันตามนัดล้มเหลวเนื่องจากข่าวรั่วไหลออกไปถึงหูผู้สื่อข่าว

วงในระบุถึงสาเหตุที่ข่าวรั่วไหลออกมาถึงหูผู้สื่อข่าว เนื่องจากบุคคลที่เกี่ยวข้องกับวัดยานนาวา ไม่อยากให้พระพรหมวชิรญาณเข้าไปยุ่งกับปัญหาพระพรหมสุธี จะทำให้พระพรหมวชิรญาณแปดเปื้อน

เหตุการณ์ก่อนหน้านี้อีก

สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ วัดพิชัยญาติ เรียกพระพรหมสุธีเข้าพบ แจ้งถึงปัญหา สตง. จะตรวจสอบเงิน 67 ล้าน งานศพสมเด็จเกี่ยว โดยพระพรหมสุธีได้บอกให้สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ทราบว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เกิดจากกลุ่มพระที่อยากเป็นเจ้าอาวาสเพียงไม่กี่องค์วางแผนร่วมกัน วางแผนกันมาตั้งแต่ขอเงินรัฐบาลมาจัดงานศพ ซึ่งท่านไม่รู้เรื่องมาตั้งแต่ต้น คิดกันเอง ทำกันเอง เป็นขบวนการ งานศพก็จัดเป็นเอิกเกริก แพงมาก สิ้นเปลืองมาก สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ แนะนำให้เอาเงินคืน สตง. เขาไป เรื่องจะได้จบ พอจบแล้ว เรื่องสงบๆ ลง ก็เอาคืนบ้าง พวกที่มันทำกับเรา อย่าให้มันทำกับเราฝ่ายเดียว ศอกลับมันบ้าง ไม่ต้องให้อยู่สบาย

เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ห่างไปอีก

วันที่ 30 ธันวาคม ก่อนสิ้นปี 2557 เจ้าหน้าที่ สตง. 3 คน เข้าพบพระพรหมสุธี

นั่น คือ จุดเริ่มต้นของ Big meeting day ในวันเริ่มต้นปีใหม่ เพื่อนำทางไปสู่การใช้มติมหาเถรสมาคมให้พระพรหมสุธีคืนเงินตามหนังสือของ สตง. ซึ่งอาจจะมีผู้พยายามใช้องค์กรมหาเถรสมาคมอุ้มพระพรหมสุธีให้มีลมหายใจต่อไป

 

ที่มา : เฟสบุ๊คตีแผ่ความจริง คนไร้คุณธรรม ไร้ความเป็นผู้นำ
8 มกราคม 2558

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

#พระเครื่องในประวัติศาสตร์ หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร สามารถศึกษาการอนุรักษ์ได้ด้วยตนเอง

#หลวงปู่ทวด องค์ในประวัติศาสตร์ เพื่อหาทุนในการพิทักษ์รักษา โบราณสถาน โบราณวัตถุ ๒๕๖๑

#พระกริ่งปวเรศแท้ในประวัติศาสตร์ไทย บันทึกไว้โดย สมเกียรติ กาญจนชาติ