150 ปี สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ประวัติศาสตร์ 150 ปี
เพื่อระลึกถึงวันคล้ายวันประสูติของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ.2405 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเป็นกำลังสำคัญของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ในการพัฒนาประเทศให้ได้รับความเจริญก้าวหน้า ทรงพัฒนางานด้านการปกครอง การศึกษา งานด้านสาธารณสุข ทรงก่อตั้งโรงพยาบาลในท้องถิ่นห่างไกล ทรงก่อตั้งโอสถศาลา หรือสถานีอนามัยในปัจจุบัน อีกทั้งทรงก่อตั้งกรมพยาบาลซึ่งมีความเจริญก้าวหน้าจนเป็นกระทรวงสาธารณสุขในปัจจุบัน และมีอีกหลายกระทรวง หลายกรม ที่ทรงเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้ง เช่น กรมศิลปากร ราชบัณฑิตยสภา พิพิธภัณฑสถาน หอสมุกพระนครและงานด้านอื่นอีกหลายด้าน อีกทั้งทรงเป็นที่ปรึกษาสำคัญในการทำให้ประเทศรอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของต่างชาติในสมัยนั้นด้วย |
เมื่อพระองค์ดำรงตำแหน่งนายกราชบัณฑิตยสภา ทรงอนุรักษ์และชำระหนังสือสำคัญทางประวัติศาสตร์ไว้จำนวนมาก รวมถึงทรงนิพนธ์หนังสือ ที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ไว้มากกว่า 650 เรื่อง ทำให้ทรงพระปรีชาสามารถและชำนาญงานทางด้านประวัติศาสตร์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ จึงเป็นบุคคลไทยพระองค์แรก ที่ได้รับการยกย่องจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO)ให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก เมื่อปี พ.ศ.2505 และทรงได้รับการถวายพระนามว่า "พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย" |
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ มีพระนามเดิมว่าพระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ประสูติเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ.2405 ในพระบรมมหาราชวัง เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และพระจอมมารดาชุ่ม ทรงได้รับการศึกษาขั้นแรกสำหรับภาษาไทยจากสำนักคุณแสง และคุณปาน ภาษาบาลีจากสำนักพระยาปริยัติธรรมธาดา (เปี่ยม) และหลวงธรรมนุวัติจำนง (จุ้ย) และภาษาอังกฤษจากสำนักโรงเรียนหลวง ซึ่งมีนายฟรานซิส ยอร์ซ แปทเตอร์สัน เป้นอาจารย์ ต่อมาทรงศึกษาวิชาทหารในสำนักหลวงรัฐรณยุทธ์ เมื่อพระชนมายุได้ 14 พรรษาทรงเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนนายร้อย กรมมหาดเล็ก เมื่อทรงสำเร็จการศึกษาทรงเข้ารับราชการเป็นทหารในตำแหน่งนายร้อยตรี บังคับกองแตรวงกองทหารมหาดเล็ก ทรงได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็น ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัวทรงจัดตั้งกระทรวงธรรมการ ทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอธิบดีกระทรวงธรรมการ ทรงรับราชการในตำแหน่งอธิบดีกระทรวงธรรมการเป็นที่พอพระทัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยเป็นเวลานานถึง 23 ปี เมื่อทรงลาออกจากตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยด้วยประชวรจนพระวรกายทรุดโทรมอย่างมาก พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีที่ปรึกษากระทรวงมหาดไทยเมื่อทรงรักษาอาการจนพระวรกายเป็นปกติแล้วจึงทรงเข้ารับราชการอีกครั้งหนึ่งในตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมุรธาธร ต่อมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเกิดสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ จึงทูลเสนอพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงก่อตั้งราชบัณฑิตยสภาขึ้น จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ดำรงตำแหน่งนายกราชบัณฑิตยสภาพระองค์แรก ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับหอสมุดพระนคร และพิพิธ๓ัณฑสถาน ในปี พ.ศ.2472 ทรงได้รับพระราชทานพระอิสริยยศพระบรมวงศ์ต่างกรมเป็น "สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กระมพระยาดำรงราชานุภาพ"ซึ่งนับว่าเป็นตำแหน่งสูงที่สุดสำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ | ||||||||
หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ พ.ศ.2475 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จไปประทับที่เกาะปีนัง เพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวายทางการเมือง ต่อมาเสด็จกลับประเทศไทยด้วยทรงประชวรด้วยพระโรคพระหทัยพิการ และสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2486 รวมพระชนมายุได้ 81 พรรษา
|
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ครับ