พร้อมเป็นโพธิรักษ์ 2 ? แฉคณะสงฆ์ไทย

พร้อมเป็นโพธิรักษ์ 2 !

พุทธอิสระเปิดหน้าเล่น เล่าหมดไส้หมดพุง

รู้ล่วงหน้าว่า "น้ำฝน" จะเข้าตรวจวัดอ้อน้อย

อยู่เบื้องหลังการส่ง "พระบ๊วย" เข้าเป็นกองหน้าชนน้ำฝนจนหงายหลัง หลังจากนั้นก็ตาม "ถล่ม" ซ้ำ ด้วย "ยูทู๊ป" 2 ดอกซ้อนๆ จนน้ำฝนงอมพระรามไปทั่วโลก วันนี้ พุทธอิสระเล่นข้ามรุ่น ชกเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ระบุ "เป็นหัวหน้าอันธพาลตัวจริง" ดังนั้น จึงไม่ยอมรับเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม


พูดเสียว

"วันนั้น แค่เคาะระฆัง รับรองน้ำฝนออกวัดไม่ได้"

และ..จะสู้กับเจ้าคณะจังหวัดนครปฐมต่อไป
ถ้าแพ้ก็จะลาออกจาก..มหาเถรสมาคม เหมือนโพธิรักษ์ !

อูย แบบนี้ ที่ประชุมคณะสงฆ์จังหวัดนครปฐม วันที่ 6 กันยายน ศกนี้ รับรองว่า "เครียด" !




พระราชรัตนมุนี
(ชัยวัฒน์ ปญฺญาสิริ ป.ธ.9)
รองเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ และเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม

ถูกพระสุวิทย์ระบุว่า "เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง" การบุกรุกวัดอ้อน้อยของพระน้ำฝน







กดที่ภาพเพื่อชม




ข่าวเก่า

พระราชรัตนมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ประกาศแต่งตั้งพระน้ำฝนเป็นหัวหน้าพระวินยาธิการประจำจังหวัดนครปฐมเป็นรูปแรก



มอบตราตั้ง-พระวินยาธิการ สอดส่องอาจาระพระ-เณร

เมื่อเร็วๆ นี้ "พระราชรัตนมุนี" เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ได้จัดประชุมพระสังฆาธิการ ระดับเจ้าอาวาสในเขตปกครองคณะสงฆ์จังหวัดนครปฐม ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ วัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ซึ่งถือเป็นการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อแก้ไขปรับปรุงพัฒนางานคณะสงฆ์ให้ก้าวหน้าไกลอย่างเป็นรูปธรรม

พระเดชพระคุณพระราชรัตนมุนี ได้ให้ข้อแนะนำในเรื่องของการปกครอง ที่ต้องคุมเข้ม และดูแลอย่างละเอียดเนื่องเพราะวงการสงฆ์นั้น มีบุคคลหลายกลุ่มที่พยายามเบียดตัวเข้ามาแสวงหาประโยชน์ นับวันจะมีจำนวนมากยิ่งขึ้น พระสงฆ์ยิ่งต้องรู้เท่าทัน อย่างชนิดรอบด้านครบวงจร 

พระราชรัตนมุนีท่านเจาะลึกไปถึงเรื่องการศึกษาของพระเณร ที่ต้องมุ่งเน้นพัฒนาในทุกรูปแบบ ซึ่งในยุคปัจจุบันการศึกษาของพระเณรยังมีปัญหาในเรื่องสถานที่และทุนการศึกษา ที่ยังต้องช่วยกัน โดยการตั้งเป็นกองทุนเผื่อไว้ในอนาคตข้างหน้า ดูแลกันอย่างจริงจังผนวกกับการศึกษาสงเคราะห์ ที่ต้องทำควบคู่ เพราะวงการสงฆ์นั้นการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ รวมไปถึงการเผยแผ่การสาธารณูปการและการสาธารณสงเคราะห์ต้องช่วยกันอย่างจริงจังด้วยความเมตตาอย่างแท้จริง

ที่สำคัญในการประชุมครั้งนี้มีวาระพิเศษ หรือเรียกว่าเมืองนครปฐม บุกเบิกเป็นปฐมฤกษ์ก็ว่าได้ นั่นก็คือ"การมอบตราตั้งให้พระวินยาธิการ" จังหวัดนครปฐม โดยอาศัยอำนาจตามความในข้อ 15 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 23 (พ.ศ.2541) ว่าด้วยระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535ยกตัวอย่างใบตราตั้งนี้ ระบุว่า....
จึงแต่งตั้งให้ 
พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ ฉายา กิตติจิตโต อายุ 39 พรรษา 18 วิทยฐานะ นักธรรมชั้นเอก วัดไผ่ล้อม ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนคร ปฐม เป็นหัวหน้าคณะพระวินยาธิการประจำจังหวัดนครปฐม มีอำนาจตรวจตราดูแลพระภิกษุสามเณรที่ประพฤติตนไม่สมควรแก่สมณวิสัย หรือล่วงละเมิดพระธรรมวินัย กฎมหาเถรสมาคม ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง มติ ประกาศ และคำสั่ง ผู้บังคับบัญชา ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2554 ถึง 24 มีนาคม 2556 ตั้ง ณ วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554 ลงชื่อ พระราชรัตนมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม

ในวันดังกล่าวได้มีการมอบตราตั้งให้พระวินยาธิการทั้งจังหวัดนครปฐม ทุกตำบล ทุกอำเภอ ซึ่งถือเป็นจังหวัดแรกและจังหวัดเดียวที่มีการทำใบมอบตราตั้งอย่างเป็นทางการ นับเป็นเกียรติยศที่สำคัญ เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติอย่างสูง

อีกทั้งการทำงานของพระวินยาธิการ (ตำรวจพระ) จังหวัดนครปฐม มีผลงานโดดเด่น สร้างความสงบสุขร่มเย็นมาสู่ชาวพุทธอย่างถ่องแท้

อีกทั้งญาติโยมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ พอเห็นอะไรที่ไม่ชอบมาพากลในทางพระพุทธศาสนาก็จะโทรแจ้งเบาะแสมายังตำรวจพระโดยตลอด ทำให้งานราบรื่น และได้ผลอย่างน่าพึงพอใจ

ช่วยกำจัดเหลือบที่กัดกินพระพุทธศาสนาให้หมดสิ้นไป 


ที่มา : ข่าวสด
7 เมษายน 2554



อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ดอทคอม รายงาน

4 กันยายน 2556
ถีบ (หัว) ส่ง !

พศ.โยนขี้ใส่หลวงพี่น้ำฝน

บอก "ไม่รู้" เอาวัยรุ่นเข้าวัดอ้อน้อย



อ้าวก็ไปด้วยกัน ทำไมไม่รู้ แบบนี้แสดงว่าถือหางทางสุวิทย์นี่


เวรกรรม น้ำฝนเอ๊ย ! สู้อุตส่าห์อาสาทำงานเพื่อเจ้านาย แต่สุดท้ายต้องมาตายคนเดียว โลกนี้หาคนจริงใจไม่มีเลย ดูสิ น่าจะเข้ามาคุยกับหัวหน้าพระวินยาธิการ หาทางแก้ไขปัญหา ในฐานะคนทำงานร่วมกัน แต่กลับจะวิ่งไปซบวัดอ้อน้อยซึ่งขัดขืน แถมยังออกข่าวว่า "น้ำฝน" เป็นตัวการนำอันธพาลเข้าวัดอ้อน้อยเสียอีก ทำงานร่วมกันได้ไหมเนี่ย คนแบบนี้ ไม่มีมารยาทเลย (ใครเอ่ย) ?

 



 
เหรียญรุ่นแรก รุ่นหน้าแตก




เป็นพระเป็นเจ้า เอาแต่เป่าหอย เลยพูดจาไม่มีใครเชื่อถือ

 พศ.นครปฐม เตรียมเข้าพบหลวงปู่พุทธะอิสระ แจงจ้อเท็จจริงหลวงพี่น้ำฝนตรวจปัสสาวะพระในอาวาส


นายวิโรจน์ อุ่นทรัพย์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ยอมรับว่า หลวงพี่น้ำฝน พระวินยาธิการตรวจปัสสาวะภิกษุในอาวาสวัดอ้อน้อยของหลวงปู่พุทธะอิสระ ซึ่งเป็นไปตามโครงการที่คณะสงฆ์ให้มีการตรวจปัสสาวะพระสามเณรทุกวัด แต่ถือเป็นการตรวจสอบภายใน จะไม่มีการนำสื่อไปด้วย เพราะหากตรวจพบปัสสาวะมีสารเสพติดทางเจ้าอาวาสแต่ละวัดเป็นผู้พิจารณาโทษเอง

แต่อย่างไรก็ตาม การไปตรวจปัสสาวะที่วัดอ้อน้อย แล้วมีสื่อและวัยรุ่นประมาณ 4-5 คน และก็อยู่ด้วยในเหตุการณ์ แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าหลวงพี่น้ำฝนนำสื่อและวัยรุ่น 4-5 คนไปด้วย สำหรับกรณีเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อยทำหนังสือถึงเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ไม่ยอมรับการเข้าตรวจปัสสาวะได้เข้าไปหารือกับทางเจ้าคณะจังหวัดนครปฐมแล้ว ซึ่งจากนี้ไป 3 อำเภอที่เหลือ เช่น อ.นครชัยศรี อ.สามพราน จะให้ทางเจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะตำบล เป็นผู้ดำเนินการแทนพระวินยาธิการ

"วันนี้ (2 กันยายน) ผมจะไปเข้าพบเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย เพื่อชี้แจงรายละเอียดทั้งหมด" นายวิโรจน์กล่าว

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 1 กันยายน เฟซบุ๊กของหลวงปู่พุทธะอิสระ www.facebook.com/buddha.isara แห่งวัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม นำภาพหนังสือของวัดอ้อน้อยที่ส่งถึง พระราชรัตนมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เพื่อชี้แจงกรณีสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม (พศจ.นครปฐม) เข้ามาตรวจปัสสาวะภิกษุในอาวาส ออกเผยแพร่ พร้อมทั้งนำคลิปวิดีโอเหตุการณ์เมื่อ 29 สิงหาคม ที่พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ในฐานะหัวหน้าพระวินยาธิการ (ตำรวจพระ) ของคณะสงฆ์จังหวัดนครปฐม นำทีมเข้าตรวจปัสสาวะพระสงฆ์ที่วัดอ้อน้อย

โดยพระอธิการศิริชัย สิริโสภโณ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ได้ออกมาพบ และปฏิเสธที่จะให้เข้าตรวจสอบ ทำให้คณะของหลวงพี่น้ำฝนต้องเดินทางกลับ หลังจากนั้นทางวัดอ้อน้อยได้ทำหนังสือเพื่อชี้แจงไปยังเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ในช่วงเย็นของ 29 สิงหาคมนี้


ข่าว : โพสต์ทูเดย์
4 กันยายน 2556
เอาเรื่อง !

พุทธอิสระส่งทนายแจ้งความพระน้ำฝน

เจ้าคณะจังหวัดนครปฐมโดนหางเลข






แน่เสียยิ่งกว่าแน่อีกน้อง น้องนะซีพี่กลัวไม่แน่




หลวงปู่พุทธอิสระส่งทนายแจ้งความเจ้าคณะจังหวัด-หลวงพี่น้ำฝน "ล่วงละเมิด-ข่มขู่คุกคาม"

เมื่อวันที่ 2 กันยายน พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือหลวงปู่พุทธะอิสระ แห่งวัดอ้อน้อย ธรรมอิสระ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เปิดแถลงข่าวว่า เนื่องจากวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 13.00 น. พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ กิตติจิตโต หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม พร้อมชายฉกรรจ์ 5 คน และนายวิโรจน์ อุ่นทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม เดินทางเข้ามาในเขตวัดอ้อน้อย ธรรมอิสระ โดยไม่ได้รับอนุญาต และมีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ ไม่ชอบด้วยกฎหมายและกฎมหาเถรสมาคม

พร้อมกับกล่าวอ้างว่า เป็นหัวหน้าคณะพระวินยาธิการ จังหวัดนครปฐม มีอำนาจและขอให้พระทุกรูปภายในวัดอ้อน้อย ธรรมอิสระ 46 รูป ยินยอมตรวจปัสสาวะ เพื่อหาสารเสพติด และอ้างว่าเป็นคำสั่งของพระราชรัตนมุนี วัดพระปฐมเจดีย์ เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ตามมติของคณะสงฆ์จังหวัดนครปฐมที่ให้เป็นผู้มีอำนาจในการจัดการ

หลวงปู่พุทธะอิสระกล่าวว่า หาเล่ห์ที่จะเล่นงาน เชื่อได้โดยสุจริตใจในพฤติกรรมของเจ้าคณะปกครองจังหวัดนครปฐม กับนายน้ำฝนว่าน่าจะอาศัยอำนาจมติคณะสงฆ์ มาเล่นงาน ปกติการตรวจปัสสาวะพระ ได้สอบถามไปทางเจ้าคณะปกครองทั้งระดับตำบลและระดับอำเภอว่า มีมติให้พระพระวินยาธิการ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม แต่ต้องแจ้งให้พระปกครองระดับตำบล และพระปกครองในระดับอำเภอทราบ แต่ต้องขออนุญาตสมภารก่อน ถ้าสมภารไม่อนุญาต ก็ไม่สามารถก้าวล่วงอำนาจของสมภาร เพราะเจ้าพนักงานโดยกฎหมายเป็นพระปกครองชั้นต้น
 
ขณะที่พระอธิการศิริชัย สิริโสภโณ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ธรรมอิสระ พร้อมด้วยนายพายับ เฮ้าประมงค์ ทนายความ เดินทางไปที่ สภ.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม และเข้าแจ้งความ กับ ร.ต.ท.อนุสรณ์ สุดโต พนักงานสอบสวน สภ.กำแพงแสน เพื่อแจ้งความแก่พระราชรัตนมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ กิตติจิตโต หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม และนายวิโรจน์ อุ่นทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ในข้อหาล่วงละเมิดและข่มขู่คุกคาม

ด้านพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่าที่ประชุมพระสังฆาธิการระดับจังหวัดนครปฐมโดยมีพระราชรัตนมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม รองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะตำบลในจังหวัด วันที่ 7 มิถุนายน 2556 ว่าเห็นชอบให้คณะสงฆ์ที่มีตำแหน่งและอำนาจร่วมกับหน่วยงานของราชการเข้าไปดำเนินการตรวจสิ่งเสพติดพระสงฆ์ทุกรูปภายในวัดทุกวัดในจังหวัดนครปฐม โดยมีหน่วยงานที่ร่วมปฏิบัติคือ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตนในฐานะพระวินยาธิการจังหวัดนครปฐม (หัวหน้าตำรวจพระ) ก็ได้สนองต่อมติ โดยให้ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นผู้ไปสำรวจแล้วมาแจ้งให้ทางตนและคณะไปร่วมทำการตรวจสอบแบบสุ่มไม่ให้วัดใดรู้ตัว โดยให้ดำเนินการตรวจพระวัดไผ่ล้อมเป็นวัดแรกและทุกรูปรวมถึงอาตมาด้วย



ข่าว : มติชน

3 กันยายน 2556

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

#พระเครื่องในประวัติศาสตร์ หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร สามารถศึกษาการอนุรักษ์ได้ด้วยตนเอง

#หลวงปู่ทวด องค์ในประวัติศาสตร์ เพื่อหาทุนในการพิทักษ์รักษา โบราณสถาน โบราณวัตถุ ๒๕๖๑

#พระกริ่งปวเรศแท้ในประวัติศาสตร์ไทย บันทึกไว้โดย สมเกียรติ กาญจนชาติ