มิได้ปลดพระน้ำฝน แต่ยุบทั้งคณะพระวินยาธิการ
ยุบทิ้ง !
พระวินยาธิการนครปฐม
ว้ดอ้อน้อยตีข่าว อ้างมติที่ประชุมคณะสงฆ์จังหวัดนครปฐม เมื่อ 6 กันยา ที่ผ่านมา ระบุว่า มิได้ปลดพระน้ำฝน แต่ยุบทั้งคณะพระวินยาธิการ หมายถึงว่า น้ำฝนหลุดจากตำแหน่งไปโดยปริยาย จริงหรือไม่ฮะ ท่านเจ้าคุณชัยวัฒน์ ?
นครปฐม - หลวงปู่พุทธะอิสระ เผยเริ่มมีคนป่วน และติดตามหลังมีปัญหาหลายเรื่อง วอนนักการเมืองทั่วประเทศอย่าอุ้มมารศาสนาเข้ามาเป็นพรรคพวก เพราะศาสนาจะหมดสิ้น เผยยังรักตัวแต่รักในพระศาสนามากกว่า
วันนี้ (7 ก.ย.) เวลา 10.00 น. ที่วัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) ต.ห้วงขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม หลวงปู่พุทธะอิสระ หรือพระสุวิทย์ ธีรธมฺโม วัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ได้ออกมาแสดงความเห็นหลังพระราชรัตมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม รวมถึงคณะสงฆ์ และคณะกรรมการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติจังหวัดนครปฐม ได้มีมติให้มีการยุติบทบาทคณะทำงานของพระวินยาธิการ ทั้งจังหวัดนครปฐม หลังจากที่มีกรณีพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม อ.เมืองนครปฐม ในฐานะหัวหน้าพระวินยาธิการจังหวัดนครปฐม ได้มีการออกตรวจปัสสาวะ ตามนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เพื่อทำให้เป็นวัดสีขาวในจังหวัดนครปฐม และได้มีการเข้าตรวจปัสสาวะภายในวัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ)
แต่เกิดปัญหาเคลือบแคลงใจ เมื่อหลวงปู่พุทธะอิสระ ไม่ได้ยินยอมให้มีการตรวจปัสสาวะของพระภายในวัด โดยได้อ้างว่า มีกลุ่มชายที่เดินทางมาในคณะของหลวงพี่น้ำฝน มีกิริยาไม่เหมาะสม ทั้งยังเป็นชายฉกรรจ์ ที่บางคนนั้นควรตรวจสอบว่ามีคดียาเสพติดเข้ามาอยู่ร่วม จากนั้นจึงได้ให้เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ทำการแจ้งความไว้ที่ สภ.กำแพงแสน รวมถึงหลวงปู่พุทธะอิสระ ได้มีการทำหนังสือทักท้วงไปยังสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติจังหวัดนครปฐม และเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว และมีมติว่า คณะของหลวงพี่น้ำฝนนั้น ปฏิบัติตามมติของคณะสงฆ์ของจังหวัดนครปฐม
แต่ต่อมา เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้มีคณะลูกศิษย์ของหลวงปู่พุทธะอิสระ ได้รวมตัวกัน และเดินทางมาชูป้ายป้ายผ้าใบแสดงความไม่เห็นด้วย กระทั่งคณะกรรมการที่กำกับดูแลเรื่องนี้ได้มอบหมายให้ นายวิโรจน์ อุ่นทรัพย์ ผอ.สำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ออกมาแจ้งให้ทราบว่า มีการให้ยุติการปฏิบัติงานของคณะพระวินยาธิการทั้งจังหวัดนครปฐม ซึ่งก่อนหน้า หลวงพี่น้ำฝน ได้ทำการตรวจสอบไปแล้ว 4 อำเภอ เหลืออีก 3 อำเภอในจังหวัด โดยทางหลวงพี่น้ำฝน ได้ยอมรับในการระงับการทำงานของคณะดังกล่าว
โดยหลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวว่า หลังจากทราบข้อมูลว่าในที่ประชุมของพระปกครอง เมื่อวานนี้ (6 ก.ย.) ในความเห็นคิดว่า การมีมติดังกล่าวไม่ได้เรียกคู่กรณีมาไต่สวนตามพระธรรมวินัย ซึ่งจะต้องพร้อมหน้าโจทก์ และจำเลย
วันนี้ (7 ก.ย.) เวลา 10.00 น. ที่วัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) ต.ห้วงขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม หลวงปู่พุทธะอิสระ หรือพระสุวิทย์ ธีรธมฺโม วัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ได้ออกมาแสดงความเห็นหลังพระราชรัตมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม รวมถึงคณะสงฆ์ และคณะกรรมการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติจังหวัดนครปฐม ได้มีมติให้มีการยุติบทบาทคณะทำงานของพระวินยาธิการ ทั้งจังหวัดนครปฐม หลังจากที่มีกรณีพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม อ.เมืองนครปฐม ในฐานะหัวหน้าพระวินยาธิการจังหวัดนครปฐม ได้มีการออกตรวจปัสสาวะ ตามนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เพื่อทำให้เป็นวัดสีขาวในจังหวัดนครปฐม และได้มีการเข้าตรวจปัสสาวะภายในวัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ)
แต่เกิดปัญหาเคลือบแคลงใจ เมื่อหลวงปู่พุทธะอิสระ ไม่ได้ยินยอมให้มีการตรวจปัสสาวะของพระภายในวัด โดยได้อ้างว่า มีกลุ่มชายที่เดินทางมาในคณะของหลวงพี่น้ำฝน มีกิริยาไม่เหมาะสม ทั้งยังเป็นชายฉกรรจ์ ที่บางคนนั้นควรตรวจสอบว่ามีคดียาเสพติดเข้ามาอยู่ร่วม จากนั้นจึงได้ให้เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ทำการแจ้งความไว้ที่ สภ.กำแพงแสน รวมถึงหลวงปู่พุทธะอิสระ ได้มีการทำหนังสือทักท้วงไปยังสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติจังหวัดนครปฐม และเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว และมีมติว่า คณะของหลวงพี่น้ำฝนนั้น ปฏิบัติตามมติของคณะสงฆ์ของจังหวัดนครปฐม
แต่ต่อมา เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้มีคณะลูกศิษย์ของหลวงปู่พุทธะอิสระ ได้รวมตัวกัน และเดินทางมาชูป้ายป้ายผ้าใบแสดงความไม่เห็นด้วย กระทั่งคณะกรรมการที่กำกับดูแลเรื่องนี้ได้มอบหมายให้ นายวิโรจน์ อุ่นทรัพย์ ผอ.สำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ออกมาแจ้งให้ทราบว่า มีการให้ยุติการปฏิบัติงานของคณะพระวินยาธิการทั้งจังหวัดนครปฐม ซึ่งก่อนหน้า หลวงพี่น้ำฝน ได้ทำการตรวจสอบไปแล้ว 4 อำเภอ เหลืออีก 3 อำเภอในจังหวัด โดยทางหลวงพี่น้ำฝน ได้ยอมรับในการระงับการทำงานของคณะดังกล่าว
โดยหลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวว่า หลังจากทราบข้อมูลว่าในที่ประชุมของพระปกครอง เมื่อวานนี้ (6 ก.ย.) ในความเห็นคิดว่า การมีมติดังกล่าวไม่ได้เรียกคู่กรณีมาไต่สวนตามพระธรรมวินัย ซึ่งจะต้องพร้อมหน้าโจทก์ และจำเลย
ล่าสุด ในที่ประชุมสงฆ์ส่วนใหญ่เห็นชอบ และให้ยุบหน่วยงานพระวินยาธิการจังหวัดนครปฐม ไม่ใช่ปลดพระวินยาธิการรูปใดรูปหนึ่ง เป็นการยุบทั้งหน่วยงาน ซึ่งก็ทำให้ตำแหน่งพระวินยาธิการสิ้นสุดทั้งจังหวัดนครปฐม
ข่าว : ผู้จัดการ
8 กันยายน 2556
พุทธะอิสระยอมรับ !
"ตัวเองเหมือนหมาบ้า"
เที่ยวกัดชาวบ้านไปทั่ว
อา..รู้ตัวเหมือนกันเหรอ ก็ยังดีที่ยังมีความรู้สึกอยู่ ไม่งั้นจะบ้าเลยเถิด เผลอๆ กัดตัวเองเข้า จะยุ่งนะฮะ อิอิ
ภารกิจพระโพธิสัตว์ยุคเฟสบุ๊ก
หลุดปาก "ท้าดวลไมค์" กับ "เกษม-สามแยก" ซึ่งได้รับฉายาว่า "บ้าคูณสอง" เจอพันธุ์เดียวกันรับคำท้าเข้า เลยถอย..บอก"ขอลุยเณรคำก่อน"
ขึ้นศาลอาญา "ฟ้องเณรคำ"
แต่ศาลยกคำร้อง ระบุ "ไม่ใช่ผู้เสียหาย"
งานนี้ลูกบอดสนิท
เสร็จงานเณรคำ พุทธะอิสระประกาศจองคิว "จัดการน้ำฝน"
เหมือนโดนย้อนรอย เพราะสุวิทย์ประกาศจะ "ตรวจสอบ" น้ำฝนก่อน พอรู้ว่าน้ำฝน"จะมาตรวจวัดอ้อน้อย" ก็เหมือนโดนเหยียบจมูก จึงโทรห้ามไม่ให้มา ปรากฏว่า น้ำฝนก็บ้าไม่แพ้กัน "ยิ่งมึงห้าม กูก็ต้องไป" สุดท้ายก็บรรลัยทั้งคู่
ใช่แต่เท่านั้น พุทธะอิสระ ยังลามปามไปถึง เจ้าคณะจังหวัด ผอ.สำนักพุทธฯนครปฐม พระพรหมสุธี (เจ้าคุณเสนาะ) วัดสระเกศ กรรมการมหาเถรสมาคม แบบว่า ปะ-ฉะ-ดะ คิดเอง-เออเอง-พูดเอง คิดน่ะคิดได้ แต่ดันไปเผยเป็นคำพูดออกไมค์ เหมือนคนไม่บรรลุนิติภาวะทางอารมณ์ ที่อ้างว่า "จะสร้างสรรค์" มันก็เลยกลายเป็น"ทำลาย" แบบนี้ไงที่เขาเรียกว่า "บ้า"
ถ้าประกาศตัวว่าเป็น "โพธิสัตว์" แต่มีศัตรูอยู่ทั่วเมือง แบบนี้ก็เห็นทีจะเป็นโพธิสัตว์พันธุ์ใหม่แล้วล่ะฮ่ะ มิใช่พระโพธิสัตว์ที่เราเคยได้ศึกษาปฏิปทาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่อาจจะเป็นโพธิสัตว์พันธุ์ "แรมโบ้" หลุดโลกไปเลย
ปล. พระศาสนามิใช่ของคนใดคนหนึ่ง เหมือนประเทศไทยนั่นแหละ ดังนั้น ถึงจะรักประเทศชาติพระศาสนายังไง ก็อย่าได้คิดผูกขาดว่า ประเทศชาติพระศาสนาเป็นของคุณคนเดียว เชื่อหรือไม่ก็ตามใจ อิอิ !
พระสุวิทย์ (พุทธะอิสระ) กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการที่อาตมาต้องทำเรื่องนี้ให้เป็นที่ประจักษ์ต่อพุทธศาสนิกชนให้ชัดเจน และพร้อมประกาศจะเป็นศัตรูทุกคนที่มาหากินกับพระศาสนา มากอบโกยโดยคำนึงถึงประโยชน์ สิ่งที่มากอบโกยเป็นเพียงชั่วครู่ชั่วยาม แต่ในขณะเดียวกัน ได้ทำลายความศรัทธาของประชาชนไปไม่รู้เท่าไหร่ และยอมรับว่า อาตมาอาจจะถูกมองว่าเป็นเหมือนหมาบ้ากัดคนอื่นไปทั่ว และยังยืนยันว่า ยังมีความกลัว รักตัวเองเหมือนคนอื่นๆ แต่ยังคงรักพระศาสนามากกว่า จึงจะยังคงเดินหน้าต่อไป
หลวงปู่พุทธะอิสระ ยังกล่าวอีกว่า วันนี้อาตมาก็ยอมรับว่ามีอำนาจเถื่อนเริ่มตามมาคุกคามมากขึ้น อย่างเช่นเมื่อคืนวันที่ 6 ก.ย. เวลา 20.00 น. มีชายฉกรรจ์ท่าทางเอาเรื่องมาขอทำการบวช แต่ก็มีการเข้ามาพูดจาวกวนกวนไปมาอย่างผิดสังเกต หรือแม้ช่วงนี้จะไปบรรยายธรรมกลับมาช่วงมืดก็จะมีรถแปลกๆ ขับมาติดตามมา ซึ่งอยากจะขอวอนว่า ขออย่าให้นักการเมืองทั้งประเทศ ว่าท่านอยากทำอะไรก็ทำไปเถิด แต่ขอวิงวอนว่าอย่าเอาบุคคลที่เกี่ยวข้องในพระพุทธศาสนาเข้าไปเป็นสมัครพรรคพวกของตนเอง เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนจะเป็นการทำลายพระพุทธศาสนา เพราะสุดท้ายแล้วพระพุทธศาสนาก็จะไม่เหลืออะไรเลย
ข่าว : ผู้จัดการ
8 กันยายน 2556
ถาม : เป็นเพราะคนเข้าไปที่วัดมากขึ้น หรือพระเองที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน?
ส.ศิวรักษ์ : ทั้ง 2 ฝ่าย คืออย่างแรกเลยพระต้องดูแลชาวบ้าน ชาวบ้านต้องดูแลพระ แต่ก่อนวัดกับชุมชนมันเป็นแห่งเดียวกัน แต่เดี๋ยวนี้มันหมดไปแล้ว สมัยก่อน ในเมืองหลวง ตั้งพระราชาคณะก็ตั้งพระที่มีคุณงามความดี ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นศรีแก่ศาสนา แก่พระนคร แต่เดี๋ยวนี้พระราชาคณะมีเป็นร้อย ติดสินบนกันเยอะเลยนะ เลื่อนสมณศักดิ์ติดสินบนเป็นล้าน ยิ่งกว่าตำรวจ คือพอมันพลาดเป้าหมายมันก็เซ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ครับ