หมดภาระ ! ดีเอสไอปลดพันธนาการ "รถหรูน้ำฝน" นั่นไง ตอบไม่ได้ว่าทำไมไม่ฟ้อง ทั้งๆ ที่ฟันธงล่วงหน้าไปแล้วว่า "ผิดชัวร์"

หมดภาระ !

ดีเอสไอปลดพันธนาการ
ส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาว่าจะฟ้องหรือไม่

หลังจากนั้นต่อไปก็ไม่เกี่ยว เพราะส่งสำนวนไปแล้ว เป็นอำนาจของอัยการพิจารณาว่าจะฟ้องหรือไม่ ดีเอสไอเป็นแต่เพียงเจ้าพนักงานสืบสวนสอบสวน เหมือนตำรวจนั่นแหละ แต่แยกออกมาตั้งกรมพิเศษ เอาไว้คุยอวดชาวบ้านว่าเก่งกว่าตำรวจ แรกๆ เขาก็เชื่ออยู่หรอก แต่วันนี้เขาก็เห็นไส้เห็นพุงหมดแล้ว ดีเอสไอมันก็แค่กรมกร๊วก ที่คอยรับใช้เจ้าพ่อ-นักการเมือง และเป็นกรมแห่งการต่อรองผลประโยชน์ประดามีในประเทศนี้

หลังจากวันนี้ไป ดีเอสไอก็ถือว่า หมดหน้าที่เกี่ยวกับเณรคำแล้ว พูดแบบภาษานักฟุตบอลก็ต้องบอกว่า "เตะลูกออก" ต้องรอให้กรรมการเป่านกหวีด และให้ฝ่ายอัยการ "ทุ่ม" ลูกฟุตบอลเข้าสนามมาอีก ถามว่าถูกต้องตามกระบวนการไหม ก็ตอบได้ว่า "ถูกต้องคร๊าบ" แต่เป็นกระบวนการแห่งการตุกติก เล่นเกม น่าจะใช้กฎ กติกา และมารยาท แบบนักกีฬา แต่กลับใช้เล่ห์เหลี่ยมเข้ามาเล่นแทน

ดูสิ เขียนไป 4 ประเด็นย่อย แต่รวมแล้วก็ประเด็นเดี่ยวนั่นแหละ คือ พรากผู้เยาว์เจ้าหน้าที่ไทยเขาเก่งนะ จะแตกประเด็นเป็น 4 เป็น 8 ก็เก่ง จะลดให้เหลือประเด็นเดียว ก็ทำได้ หรือไม่ให้มีประเด็นเลยก็ทำได้อีก มีเรื่องอะไรที่ทำไม่ได้ ดูอย่างกรณี"รถหรูน้ำฝน" นั่นไง ตอบไม่ได้ว่าทำไมไม่ฟ้อง ทั้งๆ ที่ฟันธงล่วงหน้าไปแล้วว่า "ผิดชัวร์" ถึงบอกว่า แค่หลักร้อยล้านอย่างน้ำฝน ยังปัดคดีเสียเงียบฉี่ แล้วนี่ระดับ "หมื่นล้าน" ของเณรคำ จะเหลืออะไร จับมันมาขังคุกได้ก็คงพอๆ กับจับทักษิณละมั๊ง ถามว่า กล้าเหรอ ?





ภาพนายสุขุม นำคณะลิเก มาเต้นจ้ำบ๊ะ เย้ยหยันนายธาริตถึงหน้าสำนักงาน
หมดศักดิ์หมดศรี "อธิบดีดีเอสไอ" หมดเลยงานนี้






โฉมหน้าของสุดยอดผู้พิทักษ์ความยุติธรรมในสังคมไทย

ถามว่ามีใครเชื่อบ้าง ว่า นายธาริต-ดีเอสไอ ทำงานโปร่งใสตรงไปตรงมา ชื่อ "ดีเอสไอ-กรมสอบสวนคดีพิเศษ" แต่ทำงานกระจอกยิ่งกว่าสารวัตรบ้านนอกซะอีก ใช้ปากทำงานไปวันๆ



'ดีเอสไอ' ส่งสำนวนอัยการ สั่งคดี 'อดีตพระเณรคำ' แล้ว พรากผู้เยาว์ อนาจาร-กระทำชำเรา 4 ข้อหา พร้อมนัด 'น้องสมีคำ' พบ 9 ก.ย.นี้ ชี้เบี้ยวจ่อขอศาลออกหมายจับ


เมื่อเวลา 14.30 น. พ.ต.ท.ทศพร ณ หนองคาย พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการ สำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้นำสำนวนเอกสารหลักฐาน จำนวน 216 หน้า พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง นายวิรพล สุขผล หรืออดีตพระเณรคำ อายุ 34 ปี รวม 4 ข้อหา ฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร, พาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่ออนาจารแม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม , กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และพาไปเพื่อการอนาจาร เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277, 279, 283 ทวิ วรรค 2 และ 317 ให้นายวินัย ดำรงค์มงคลกุล อธิบดีอัยการคดีพิเศษ พิจารณาสั่งคดี ซึ่งอัยการจะได้กำหนดวันนัดฟังคำสั่งว่าจะฟ้องผู้ต้องหาหรือไม่ต่อไป

ขณะที่ พ.ต.ท.ทศพร กล่าวว่า ดีเอสไอ ได้สรุปสำนวนให้ฟ้องนายวิรพล 4 ข้อหา ภายหลังได้รวบรวมพยานหลักฐานจากการสอบปากคำพยานบุคคล 17 ปาก ซึ่งการส่งสำนวนให้อัยการสั่งคดี จะเป็นจุดเริ่มต้นของการติดตามตัว นายวิรพล หรืออดีตพระเณรคำ ที่อยู่ต่างประเทศ เพราะหากอัยการมีคำสั่งฟ้องแล้วก็จะมีความชัดเจนเรื่องข้อกล่าวหา ที่ต้องมีการติดตามตัวผู้ต้องหามายื่นฟ้องต่อศาล โดยการยื่นสำนวนครั้งนี้ดีเอสไอก็ได้ประสานให้อัยการดูเรื่องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไว้ด้วย ส่วนสำนวนคดีอื่น ๆ นั้นอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพื่อสรุปสำนวน ซึ่งดีเอสไอจะทยอยส่งมอบให้พนักงานอัยการต่อไป

ส่วนกรณีที่ดีเอสไอ ติดตามตัวนายสุริ สุขผล น้องชายอดีตพระเณรคำ เพื่อเรียกมาสอบสวนและขอให้ตรวจดีเอ็นเอนั้นก่อนหน้านี้ดีเอสไอได้ออกหมายเรียกไปแล้ว 3 ครั้ง แต่นายสุริ อ้างว่า ไม่ได้มีการรับหมายเรียก ตนก็ได้เดินทางลงพื้นที่ด้วยตนเอง และได้พบนายสุริอยู่ที่บ้านพัก จึงได้ส่งหมายให้นายสุริด้วยตนเองแล้ว ที่นัดให้มาพบพนักงานสอบสวนวันที่ 9 ก.ย.นี้ เวลา 10.00 น. หากนายสุริไม่มาตามหมายเรียก ก็ถือว่า ขัดขืนคำบังคับตามกฎหมายของเจ้าพนักงาน ที่จะขอศาลออกหมายจับต่อไป


ข่าว : คมชัดลึก

8 กันยายน 2556

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

#หลวงปู่ทวด องค์ในประวัติศาสตร์ เพื่อหาทุนในการพิทักษ์รักษา โบราณสถาน โบราณวัตถุ ๒๕๖๑

#พระกริ่งปวเรศแท้ในประวัติศาสตร์ไทย บันทึกไว้โดย สมเกียรติ กาญจนชาติ

#พระเครื่องในประวัติศาสตร์ หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร สามารถศึกษาการอนุรักษ์ได้ด้วยตนเอง