"สึกกับตำรวจพระ" นั่นเอง แบบนี้เห็นที่พระมหาสายชลจะงานเข้าซะแล้ว
สึกที่วัดชนะสงคราม ?
ปริศนาปมใหญ่ที่พระมิตซูโอะทิ้งไว้ให้สาง
เพราะถ้าสึกตามธรรมเนียมและตามความตั้งใจไว้จริง ทำไมไม่สึกกับพระสายวัดป่าของหลวงพ่อชาซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ และทั้งๆ ที่วัดสุนันทวนารามนั้นอยู่ไกลถึงกาญจนบุรี แต่ทำไมต้องไปสึกถึงที่วัดชนะสงครามกรุงเทพมหานคร อันเป็นสำนักงานของเจ้าคณะภาค 1 ซึ่งเป็นผู้ปกครองในทางกฎหมายคณะสงฆ์เท่านั้น หรือพูดง่ายๆ ก็คือว่า "สึกกับตำรวจพระ" นั่นเอง แบบนี้เห็นที่พระมหาสายชลจะงานเข้าซะแล้ว พูดก็พูดเถอะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าพระมิตซูโอะจะถูกจับสึก !
เรื่องยังมิได้จบแค่นั้น เพราะพฤติกรรมนั้นบ่งบอกพันธุกรรม ข่าวสารก็รายงานชัดเจนว่า ทิดมิตซูโอะครั้งสึกแล้วก็รีบออกเดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อบินกลับญี่ปุ่นทันที ขนาดว่ารองเจ้าอาวาสยังไม่รู้เรื่อง มันเป็นเรื่องแปลกแต่จริง เพราะถ้าสึกตามปกติก็น่าจะลาบรรดาลูกศิษย์ลูกหาและญาติโยมที่เคยอุปถัมภ์ค้ำชูกันมา และถ้ากลัวว่าภาพพจน์จะเสีย เมื่อลาแล้ว จะบินกลับไปทำพิธีลาสิกขาที่ญี่ปุ่นก็ได้ ไม่เห็นว่าจะต้องรีบเร่งเปลื้องผ้าเหลืองก่อนขึ้นเครื่องบินเลย
ยิ่งเรื่องที่บรรดาผู้ใกล้ชิดนำมาอ้างต่อสังคมไทยที่ว่า "ตั้งใจสึกเพื่อไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ญี่ปุ่น" บ้าง "ต้องการตอบแทนบุญคุณแผ่นดินญี่ปุ่น" ดังนี้บ้าง ก็ยิ่งสร้างความเสียหายให้แก่วงการพระกรรมฐาน เพราะการสึกเพื่อประกาศพระศาสนานั้นไม่เคยมีในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา
ส่วนเรื่องที่ว่า "ต้องการรับใช้ชาวญี่ปุ่น" นั้น ก็เป็นการสมอ้างเอาเองของพระมิตซูโอะ เพราะไม่เคยมีชาวญี่ปุ่นคนไหนเรียกร้องให้พระมิตซูโอะลาสิกขาเพื่อกลับไปรับใช้ชาติบ้านเมือง หรือพูดก็พูดเถิด พระมิตซูโอะนั้นมีประวัติว่าออกจากบ้านเกิดเมืองนอนมานานแสนนาน ผ่านมาหมดแล้วทั้งรูปแบบสามัญชน โยคี และสุดท้ายก็มาเป็นพระที่เมืองไทย เรื่องพวกนี้มีแต่ชาวไทยเท่านั้นกระมังที่ทราบ ส่วนชาวญี่ปุ่นจะทราบกันซักกี่คน ดังนั้น คำอ้างที่ว่าจะกลับไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในรูปแบบฆราวาสให้แก่ชาวญี่ปุ่นจึงฟังไม่ขึ้น เพราะถ้าชาวญี่ปุ่นเรียกร้องต้องการให้พระมิตซูโอะกลับไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในบ้านเกิด ก็น่าจะเรียกร้องให้กลับไปในผ้าเหลือง มากกว่าจะนุ่งกางเกงไปเป็นทิด งานนี้เห็นทีบรรดาผ้าเหลืองและผ้าขาวจะโดนข้อหา "มุสา" กันเป็นแถวๆ แน่
แต่เรื่องนี้อีกไม่กี่วันก็คงเงียบแล้ว เพราะพระมิตซูโอะนั้นเป็นชาวต่างประเทศ เมื่อสึกและออกนอกประเทศไปแล้วก็เป็นอันพ้นไป ไม่มีใครติดใจอันใด แต่ถ้ายังอยู่ในประเทศไทยก็คงจะมีคนคอยติดตามดูพฤติกรรมไปเรื่อยๆ ซึ่งเมื่อนั้นก็คงจะลำบากน่าดู ก็พูดได้แต่เพียงว่า ขอให้ไปดีก็แล้วกัน
ประสาท !
ทิดมิตซูโอะโทรหาคนสนิท
บอก "ยินดีให้คนไทยได้เข้าพบ" เพื่อคลายสงสัย
ถามว่าสงสัยเรื่องอะไร เรื่องที่ตัวเองแอบสึกไปกระนั้นหรือ
อื้อฮือ..มิตซูโอะคงคิดว่าตัวเองสำคัญ ขนาดที่คนไทยทั้งประเทศต้องติดตามไปให้ความสำคัญถึงที่ญี่ปุ่นโน่น คิดผิดแล้วกระมัง เพราะอย่าลืมว่า เมืองไทยและคณะสงฆ์ไทย คือผู้ที่ให้อุปการะแก่นายมิตซูโอะ แม้นายมิตซูโอะจะกลับไปแล้ว ประเทศไทยและคณะสงฆ์ไทยก็มิได้สูญเสียอะไร พระพุทธศาสนา วัดวาอาราม และศาสนทายาท ก็ยังมีอยู่อย่างพร้อมมูล ที่คนสนใจข่าวนี้ก้เพราะมีข้อสงสัยหลายประการ โดยเฉพาะก็คือว่า ทิดมิตซูโอะนั้น เมื่อจะลาสิกขาก็ถามว่า ทำไมไม่ทำให้โปร่งใส ทำไมต้องลุกรี้ลุกรน แถมเมื่อจะโทรมาก็โทรหาแบบลึกลับ ไม่มีใครเป็นพยานแห่งการพูดคุยเลย แบบนี้นี่ไงล่ะที่เขาว่า คุณทำไม่เหมาะสม เพราะเป็นถึงพระผู้ใหญ่ในสายกรรมฐานของหลวงพ่อชา แต่ว่าพฤติกรรมกลับทำเหมือนเด็กเล่นขายของ ดังนั้น คงไม่มีคนไทยคนไหนโง่ไปให้คุณหลอกถึงญี่ปุ่นหรอก จะบอกให้
กาญจนบุรี - อดีตพระอาจารย์ “มิตซูโอะ” โทร.ข้ามประเทศหาลูกศิษย์ เตรียมเปิดอบรมฝึกกรรมฐานที่ญี่ปุ่น พร้อมเปิดโอกาสให้คนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเข้าพบเพื่อคลายความสงสัย
จากกรณีที่พระอาจารย์ มิตซูโอะ คเวสโก อายุ 63 ชาวญี่ปุ่น เจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม สาขาวัดป่าพง ที่ 117 หมู่ 8 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ได้ลาสิขาที่วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร กทม. แล้วเดินทางกลับไปยังประเทศบ้านเกิดคือ ประเทศญี่ปุ่นในทันที
ล่าสุด เมื่อเวลา 11.50 น. วันนี้ (11 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากแม่ชีพิณพรรณ เนียมมุณี ที่ปฏิบัติธรรมภายในวัดนานกว่า 8 ปี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ที่ผ่านมา อาจารย์ลัดดา สุวรรณกุล อายุ 71 ปี ข้าราชการบำนาญ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปากร จิตอาสาที่เข้ามาช่วยเหลือมูลนิธิภายในวัดได้รับสายโทรศัพท์จากอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ที่โทร.ทางไกลมาจากประเทศญี่ปุ่น และแจ้งให้ทราบว่า เมื่อเดินทางกลับถึงประเทศญี่ปุ่นบ้านเกิดก็ได้ไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ที่เคยให้ความช่วยเหลือท่านอยู่ในประเทศญี่ปุ่น โดยจะมีการเปิดคอร์สอบรมฝึกกรรมฐาน ให้แก่ชาวญี่ปุ่น และคนไทยขึ้นภายในเดือนกันยายนนี้ รวม 3 วัน
จากกรณีที่พระอาจารย์ มิตซูโอะ คเวสโก อายุ 63 ชาวญี่ปุ่น เจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม สาขาวัดป่าพง ที่ 117 หมู่ 8 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ได้ลาสิขาที่วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร กทม. แล้วเดินทางกลับไปยังประเทศบ้านเกิดคือ ประเทศญี่ปุ่นในทันที
ล่าสุด เมื่อเวลา 11.50 น. วันนี้ (11 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากแม่ชีพิณพรรณ เนียมมุณี ที่ปฏิบัติธรรมภายในวัดนานกว่า 8 ปี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ที่ผ่านมา อาจารย์ลัดดา สุวรรณกุล อายุ 71 ปี ข้าราชการบำนาญ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปากร จิตอาสาที่เข้ามาช่วยเหลือมูลนิธิภายในวัดได้รับสายโทรศัพท์จากอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ที่โทร.ทางไกลมาจากประเทศญี่ปุ่น และแจ้งให้ทราบว่า เมื่อเดินทางกลับถึงประเทศญี่ปุ่นบ้านเกิดก็ได้ไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ที่เคยให้ความช่วยเหลือท่านอยู่ในประเทศญี่ปุ่น โดยจะมีการเปิดคอร์สอบรมฝึกกรรมฐาน ให้แก่ชาวญี่ปุ่น และคนไทยขึ้นภายในเดือนกันยายนนี้ รวม 3 วัน
โดยกำหนดการฝึกอบรมกรรมฐานในวันที่ 21 กันยายน ที่เมืองคุมาโมโตะ วันที่ 22 กันยายน ที่เมืองโอกินาวา และวันที่ 23 กันยายน ที่เมืองนาโกยา ซึ่งในระยะเวลาทั้ง 3 วันที่ทำการฝึกอบรมกรรมฐาน จะเปิดโอกาสให้คนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเข้าพบเพื่อคลายความสงสัยในช่วงเวลาระหว่าง 11.00 น. ถึงเวลา 13.00 น. ทุกวัน จึงแจ้งมาเพื่อให้ทราบ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดเผยถึงเมืองที่อยู่อาศัยของอดีตพระอาจารย์ มิตซูโอะ คเวสโก แต่อย่างใด
นางถาวร จันทร์แก้ว อายุ 58 ปี แม่ค้าขายกาแฟโบราณอยู่ที่บริเวณทางเข้าหน้าวัด กล่าวว่า ตนไม่เคยทราบข่าวดังกล่าวมาก่อนเลย มาทราบก็ต่อเมื่อมีผู้สื่อข่าวมาสอบถาม ตนไม่เชื่อว่าพระอาจารย์สึกจนถึงตอนนี้ก็ไม่เชื่อ แต่อย่างไรก็ตาม หากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ตนเชื่อว่าพ่อค้าแม่ค้าทุกคนที่ค้าขายอยู่บริเวณนี้จะต้องรู้สึกเสียใจ และเสียดายอย่างแน่นอน เพราะท่านเป็นพระที่มีคุณธรรม ขยันหมั่นเพียร และช่วยเหลือพวกเราให้มีที่ทำกินจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนั้น ท่านยังมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียนในพื้นที่ทุกปี เพื่อให้ได้มีทุนไปเรียนหนังสือ ซึ่งสามารถแบ่งเบาภาระให้แก่ผู้ปกครองเป็นอย่างมาก ส่วนสาเหตุที่ท่านสึกนั้น ตนไม่เคยทราบข่าวมาก่อน ยอมรับว่าท่านเป็นพระที่ดีจริงมาก
สำหรับบรรยากาศภายในวัดเป็นไปอย่างเงียบเหงา แต่แฝงไปด้วยความร่มรื่นจากต้นไม้นานาพันธุ์ที่ขึ้นอยู่ริมถนนทั้ง 2 ฟากฝั่ง บริเวณศาลาพบชีพราหมณ์จำนวนหนึ่งกำลังตั้งหน้าตั้งทำความสะอาดลานวัด พร้อมทั้งล้างภาชนะต่างๆ เช่นที่เคยปฏิบัติมาทุกวัน
นางถาวร จันทร์แก้ว อายุ 58 ปี แม่ค้าขายกาแฟโบราณอยู่ที่บริเวณทางเข้าหน้าวัด กล่าวว่า ตนไม่เคยทราบข่าวดังกล่าวมาก่อนเลย มาทราบก็ต่อเมื่อมีผู้สื่อข่าวมาสอบถาม ตนไม่เชื่อว่าพระอาจารย์สึกจนถึงตอนนี้ก็ไม่เชื่อ แต่อย่างไรก็ตาม หากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ตนเชื่อว่าพ่อค้าแม่ค้าทุกคนที่ค้าขายอยู่บริเวณนี้จะต้องรู้สึกเสียใจ และเสียดายอย่างแน่นอน เพราะท่านเป็นพระที่มีคุณธรรม ขยันหมั่นเพียร และช่วยเหลือพวกเราให้มีที่ทำกินจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนั้น ท่านยังมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียนในพื้นที่ทุกปี เพื่อให้ได้มีทุนไปเรียนหนังสือ ซึ่งสามารถแบ่งเบาภาระให้แก่ผู้ปกครองเป็นอย่างมาก ส่วนสาเหตุที่ท่านสึกนั้น ตนไม่เคยทราบข่าวมาก่อน ยอมรับว่าท่านเป็นพระที่ดีจริงมาก
สำหรับบรรยากาศภายในวัดเป็นไปอย่างเงียบเหงา แต่แฝงไปด้วยความร่มรื่นจากต้นไม้นานาพันธุ์ที่ขึ้นอยู่ริมถนนทั้ง 2 ฟากฝั่ง บริเวณศาลาพบชีพราหมณ์จำนวนหนึ่งกำลังตั้งหน้าตั้งทำความสะอาดลานวัด พร้อมทั้งล้างภาชนะต่างๆ เช่นที่เคยปฏิบัติมาทุกวัน
ข่าว : มติชน
11 มิถุนายน 2556
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ครับ