ประวัติศาสตร์การทุจริตแห่งปี 2557
ประเดิมเชือด“พงศ์พัฒน์”
อายัด400ล.
ปปง.บี้แจงที่ดิน104แปลง
แฉใช้ชื่อญาติ-ลูกสมุนถือครอง
เส้นตาย30วันต้องเคลียร์ให้ชัด
ลั่นตามสอยเส้นทางเงินยกแก๊ง
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 9 ธันวาคม ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 16/2557 ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาสำนวนคดีการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) และพวก ที่กระทำความผิดฐานฟอกเงินตามมาตรา 5 ประกอบมาตรา 10 และมาตรา 60 แห่ง พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาหลักฐานข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้วเห็นว่าการกระทำของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และพวก เข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับการพนัน อันเป็นมูลฐานความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน จึงมีมติให้เจ้าหน้าที่ ปปง.ตรวจสอบธุรกรรมและทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และพวก
อายัดโฉนดที่ดิน104รายการ
สำหรับทรัพย์สินที่มีมติอายัดทรัพย์ชุดแรกตามที่พนักงานสอบสวนส่งมอบให้ คือ โฉนดที่ดิน 136 รายการ ที่พบว่ามี 32 รายการที่ได้มาก่อนที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จะเข้ารับตำแหน่ง ผบช.ก. เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2553 ดังนั้น จึงอายัดไว้เพียง 104 รายการ ที่ได้หลังรับตำแหน่งคิดเป็นมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท โดยโฉนดดังกล่าวมีชื่อ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เป็นผู้ครอบครองเพียงเล็กน้อย ส่วนใหญ่ถือครองโดยนอมินีที่เป็นเครือญาติ รวมถึงกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ซึ่งจะเปิดให้แสดงหลักฐานชี้แจงที่มาภายใน 30 วัน ส่วน ปปง. มีอำนาจอายัดทรัพย์ไว้ได้ภายใน 90 วัน
เตรียมเรียกผู้ครอบครองเข้าชี้แจง
พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า โฉนดที่ดินส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ จ.นนทบุรี ทั้งนี้ ในวันที่ 10 ธันวาคม จะทำหนังสือแจ้งไปยังผู้ที่มีชื่อครอบครองที่ดินให้เข้าชี้แจงถึงที่มาต่อไป ส่วนผู้ต้องหาที่มีชื่อเป็นผู้ครอบครองโฉนดที่ดินนั้น เจ้าหน้าที่ ปปง.จะเข้าไปสอบถามในเรือนจำ และนอกจากนี้พนักงานสอบสวนจะทยอยส่งทรัพย์สินอื่นให้พิจารณา เช่น รถยนต์ 10 คัน และวัตถุโบราณ รวมกว่า 20,000 ชิ้น ขณะเดียวกัน ปปง.อยู่ระหว่างการตรวจสอบติดตามเส้นทางการเงินของผู้เกี่ยวข้องทั้งเครือข่าย เบื้องต้นยังไม่สามารถระบุถึงจำนวนเงินหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ ส่วนการถ่ายโอนไปต่างประเทศในส่วน ปปง. ยังตรวจสอบข้อมูลหากพบจึงจะประสานไปยังต่างประเทศได้
ยอมรับเงินสดถูกขนออกนอกปท.
เลขา ปปง. เปิดเผยว่า ในส่วนของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เบื้องต้นตรวจสอบพบว่ามีเงินเข้าบัญชีหลักล้านบาทต่อเดือน ทั้งนี้ ยอมรับว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ทรัพย์สินที่เป็นเงินสดอาจจะถูกเคลื่อนย้ายขนผ่านช่องทางต่างๆ ตามแนวชายแดนระหว่างประเทศ ซึ่งยากต่อการที่ ปปง.จะไปติดตามเอามาได้ นอกจากนี้ การที่ ปปง.จะตรวจสอบได้สมบรูณ์ต้องรอข้อมูลจาก สตช.ที่จะส่งข้อมูลให้ทาง ปปง.ครบถ้วนเสียก่อน
ผบช.น.ย้ำให้“เสี่ยนพพร”มอบตัว
วันเดียวกัน พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีขบวนการอุ้มลดหนี้เครือข่าย พล.ต.อ.พงศ์พัฒน์ ว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวน บช.น.ได้สรุปสำนวนในคดีพร้อมส่งไปให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) พิจารณาเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นสำนวนคดีของพื้นที่ สน.วัดพระยาไกรและสน.พระโขนง ส่วน นายนพพร ศุภพิพัฒน์ หรือเสี่ยนิค ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด ผู้ต้องหาคดีแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง ซึ่งจ้างวานให้แก๊งของนายณัฐพล สุวดี ไปข่มขู่เพื่อขอลดหนี้จากผู้เสียหาย 120 ล้าน เหลือ 20 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำให้นายนพพรเดินทางมามอบตัว โดยตำรวจจะให้ความเป็นธรรม และขอยืนยันว่าการดำเนินการต่างๆ ในคดีนี้เป็นไปตามพยานหลักฐานทั้งสิ้น
ส่งสำนวนอ้างเบื้องสูงให้สตช.แล้ว
ทางด้าน พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 เปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวน ได้ส่งสำนวนคดีที่ สน.วัดพระยาไกร และ สน.พระโขนง ให้กับคณะพนักงานสอบสวนของ สตช. พิจารณาแล้ว โดยอยู่ในระหว่างการพิจารณาลงความเห็นสั่งคดีให้กับอัยการ ซึ่งไม่ได้นำสำนวนคดีที่ผู้ต้องหาก่อเหตุข่มขู่นายไตรสรณ์ ธีระตระกูล อดีตเจ้าของสัมปทานโรงน้ำแข็งในตลาดไท จ.ปทุมธานี ในพื้นที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี มารวมไว้ และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมแต่อย่างใด
“บัณฑิต”รวมหลักฐานรอแฉกลับ
ขณะที่แหล่งข่าวใกล้ชิด นายบัณฑิต โชติวิทยะกุล ผู้เสียหาย ระบุว่า ขณะนี้ นายบัณทิต อยู่ในกรุงเทพฯ แต่ยังไม่พร้อมเปิดเผยถึงรายละเอียดในกรณีที่ถูก นายนพพร ออกมาพาดพิงถึง เพราะต้องจัดเตรียมเอกสารต่างๆ รวมทั้งเตรียมพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่นายนพพรแถลง ผ่านสื่อออนไลน์นั้น ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด ยืนยันว่าหนี้สิน 120 ล้านบาทเป็นเงินกู้ยืม และมีมูลหนี้จริงตามกฎหมาย โดยมีหลักฐานชัดเจน
เร่งทำสำนวนคดีขู่เสี่ยโรงน้ำแข็ง
พล.ต.ต.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบก.ภ.จ.ปทุมธานี กล่าวถึงการทำสำนวนคดี นายไตรสรณ์ ธีระตระกูล อดีตเจ้าของสัมปทานโรงน้ำแข็งในตลาดไท จ.ปทุมธานี ที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ว่า ถูก นายชากานต์ ภาคภูมิ และพวก อ้างเบื้องสูงข่มขู่คุกคาม บังคับให้เลิกกิจการโรงน้ำแข็งที่ตลาดไทว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ชุดทำคดีเร่งทำสำนวนเพื่อส่งให้ทาง สตช.พิจารณาต่อไปแล้ว
นสพ.แนวหน้า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ครับ