ประจักษ์การทำหน้าที่ข้าราชการไทย? ไม่ปกป้องพระธรรมวินัย ภัยต่อความมั่นคงของชาติ
ปัดสวะ !
พนมออกตัว ไม่ยุ่งเรื่องคึกฤทธิ์
ให้เป็นอำนาจของเจ้าคณะจังหวัดปทุมสอบสวน
ให้เป็นอำนาจของเจ้าคณะจังหวัดปทุมสอบสวน
ส่วนตัวเองนั้น ยังไม่มีข้อมูล !
พนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักพุทธฯ
อืม ! ก็ไม่รู้ว่านายพนมนี่จับฉลากได้เป็น ผอ.พศ.หรือไง ทำไมถึงได้โง่เรื่องการศาสนาเช่นนั้น ถ้าคนระดับ "ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา" ซึ่งต้องเป็น "เลขาธิการมหาเถรสมาคม" โดยตำแหน่ง แต่กลับไม่รู้เรื่องพระธรรมวินัย ถามว่าพระพุทธศาสนาจะไปทางไหน เป็นถึงนักการศาสนา "นัมเบอร์วัน" ของประเทศไทย แต่ตอบคำถามสะเปะสะปะ มันไม่น่าจะเป็นไปได้
1. ตามอำนาจหน้าที่ หรือภาระหน้าที่ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ใช่มีแต่กินเงินเดือนภาษีของประชาชนเท่านั้น แต่ต้องทำหน้าที่ในการคุ้มครองดูแลพระพุทธศาสนา หมายถึงว่า ต้องเป็นหูเป็นตาแทนชาวบ้านหรือชาวพุทธทั่วประเทศ ที่สู้อุตส่าห์จ่ายภาษีจ้างพวกคุณมาทำงาน ถ้าไม่ทำงานหรือทำงานไม่เป็น ก็ควรลาออกไป ไม่ควรสะเออะหน้าอยู่ในตำแหน่งนี้ เหมือนเลี้ยงหมา แต่หมาไม่เห่า ไม่เฝ้าบ้าน ปล่อยให้ขโมยขึ้นบ้าน แล้วจะเลี้ยงไว้ให้เปลืองน้ำข้าวไปทำไม
2. ในวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวนอธิกรณ์ จริงอยู่ ถึงจะมีมติมหาเถรสมาคมบ่งชัดว่า ถ้ามีพระภิกษุต้องอธิกรณ์ (ทำผิดเป็นคดีความ) ต้องให้ผู้ปกครองทำการสอบสวนตามลำดับชั้น นั่นหมายถึงว่า ถ้าพระอยู่ที่ไหนแล้วทำผิดที่นั่น ก็ให้ต้นสังกัดจัดการ แต่กรณีของ "นายคึกฤทธิ์" นั้น มันเดินสายทำผิดพระธรรมวินัยไปทั่วบ้านทั่วเมือง เปิดยูทู๊ปดูก็รู้ หน้าหูไม่หนวกตาไม่บอด เมื่อทำผิดทั่วราชอาณาจักร ก็สามารถดำเนินคดีได้ทั่วประเทศอยู่แล้ว ไหนบอกว่าสำนักพุทธฯมีศูนย์แจ้งข่าวร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องพระทำผิดพระธรรมวินัยอะไรต่างๆ ไง ทำไมไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย
3. ในกรณีเป็นคดีอิทธิพล คนทำผิดเป็นเจ้าพ่อมาเฟียหรือเสี่ยใหญ่ จะปล่อยให้เจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นทำการสอบสวน ย่อมจะเกิดอุปสรรค ทั้งด้านวิจารณญาณของเจ้าหน้าที่ และพยานบุคคลที่อาจถูกข่มขู่หรือไม่กล้าให้การตามความเป็นจริง ทั้งนี้เพราะกลัวอิทธิพลของผู้ต้องหา ในทางสากลจึงตั้งหน่วยงานพิเศษขึ้นมา เช่น เอฟบีไอ ดีเอสไอ เป็นต้น เพื่อดึงคดีอิทธิพลเข้าสู่ส่วนกลาง จึงจะสามารถขับเคลื่อนกลไกแห่งกระบวนการยุติธรรมได้ มิใช่เอะอะอะไรก็ให้ "เจ้าคณะตำบล" รับไปตะพึด แค่เนื้อไก่ เนื้อหมู หรือเนื้อวัว แม่ค้าตลาดสดยังรู้เลยว่าต้องใช้มีดขนาดไหนในการหั่น คนเป็นถึงระดับ ผอ.พศ. ไม่รู้ว่าคดีไหนร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรง เป็นคดีแพ่ง อาญา หรือว่าคดีเป็นภัยต่อความมั่นคง ถ้าลงไม่รู้เรื่องก็จบเห่แล้วพระพุทธศาสนาของไทย
4. นายพนม ถามนักข่าวว่า "ยังไม่ทราบจะสอบประเด็นไหน ใหญ่หรือเล็ก ถ้าใหญ่ก็คือ ปาราชิก" นี่แสดงว่านายพนมโง่แล้ว ไม่รู้ว่า "ยังมีกรณีที่ใหญ่ร้ายแรงกว่าปาราชิก" นั่นคือ การบิดเบือนพระธรรมวินัย ที่เคยเรียกว่า ทำพระธรรมวินัยให้วิปริต ส่วนการทำปาราชิกของพระภิกษุก็คือ การทำผิดพระธรรมวินัย ที่เคยเรียกว่า "ทำวิปริตจากพระธรรมวินัย" นั่นแหละ ถ้าเรื่องแค่นี้ นายพนมยังไม่รู้ ไม่เข้าใจ ก็ฉิบหายแล้วพระพุทธศาสนา เหมือนการฉ้อโกงหรือฆ่าคนตายมีความผิดอาญา แต่ถ้า "เปลี่ยนแปลงล้มล้างรัฐธรรมนูญ" ถือว่าร้ายแรงกว่านั้นมากมายนัก เพราะเป็นระบอบการปกครองของรัฏฐะ พระพุทธศาสนาก็มีสถานะเช่นนั้น เรื่องนี้ไม่มีสอนในห้องเรียนนักธรรมบาลีไม่ว่าระดับไหน แสดงถึงความโง่ของมหาเถรสมาคมเองอีกด้วย อย่างอื่นสอนหมด แต่ไม่สอนเรื่องปกป้องพระธรรมวินัย มันก็ไร้ความหมาย
5. คำถามของนายพนมข้างต้น แสดงให้เห็นว่า นายพนมนอกจากจะไม่รู้เรื่องพระพุทธศาสนาแล้ว ยังไม่สนใจจะรู้อะไรอีกด้วย ไม่รู้แม้กระทั่งว่าพระไตรปิฎกของคณะสงฆ์ไทยมีที่มาที่ไปอย่างไร และใครที่บิดเบือน รวมทั้งควรจะรักษาพระไตรปิฎกอย่างไร ให้เป็นมรดกของชาติและศาสนาอย่างยืนนานต่อไป จึงต้องถามว่า วันๆ นายพนมทำอะไรบ้างในตำแหน่ง ผอ.พศ.
โฉมหน้ากรรมการสงฆ์อำเภอลำลูกกาที่ซูเอี๋ยคึกฤทธิ์
เจ้าคณะอำเภอลำลูกกา
สวบสวนไม่ได้เรื่อง ก่อนกลับก็รับคัมภีร์ของคึกฤทธิ์ไปด้วย
ตกลงว่าท่านไปสอบสวนหรือไปขึ้นครูกันแน่
สวบสวนไม่ได้เรื่อง ก่อนกลับก็รับคัมภีร์ของคึกฤทธิ์ไปด้วย
ตกลงว่าท่านไปสอบสวนหรือไปขึ้นครูกันแน่
6. ในการสอบสวน "คุณคึกฤทธิ์" โดยเจ้าคณะอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เมื่อเดือนสิงหาคม 2557 ที่ผ่านมานั้น ภาพก็ปรากฏชัดว่า "ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมคึกฤทธิ์" หน้ำซ้ำยังมีกรรมการบางรูปไปกระซิบคึกฤทธิ์ว่า "ถ้าผมไม่มาก็จะเสียการปกครอง ผมรู้อยู่แล้วว่าเป็นยังไง ฮึฮึ" มีหลักฐานพยานเป็นทั้งภาพและเสียง แสดงให้เห็นว่า นอกจากคณะสงฆ์อำเภอลำลูกกาจะไม่ทันเกมแล้ว ก็ยังมีกรรมการบางรูป "รู้เห็นเป็นใจให้คึกฤทธิ์" เสียอีก แบบนี้จะให้คณะสงฆ์อำเภอลำลูกกาสืบสวนได้อย่างไร
7. คดีคึกฤทธิ์ถูกนำเข้าพิจารณาในมหาเถรสมาคม เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2557ที่ผ่านมา โดยมหาเถรสมาคมยืนยันให้ "คุณคึกฤทธิ์" สวดพระปาติโมกข์ 227สิกขาบท เหมือนพระสงฆ์ไทยทั่วไป นั่นแสดงว่า คดีของคุณคึกฤทธิ์ "ผ่านศาลชั้นต้นมาถึงชั้นฎีกาแล้ว" เมื่อเกิดการฟ้องร้องเพิ่มเติม ก็ไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นที่"เจ้าคณะอำเภอลำลูกกา" อีก แต่สามารถนำเรื่องเข้าพิจารณาในมหาเถรสมาคมได้เลย นี่นายพนมเตรียมตัวจะเป็น ผอ.พศ. อย่างเดียว โดยไม่สนใจที่ไปที่มาอะไรเลยหรือเนี่ย
และอีกสารพัด โอ๊ย อย่าเพิ่งไล่คึกฤทธิ์เลยชาวพุทธเอ๋ย ไล่นายพนม ศรศิลป์ พ้นพุทธมณฑลไปก่อนเถิด ขืนนายคนนี้ยังอยู่ต่อไป ก็ฉิบหายไม่รู้จบ
คึกฤทธิ์ เดียรถีย์ ในคราบผ้าเหลือง
ผอ.พระพุทธศาสนา โยนเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีตั้งกรรมการตรวจสอบพระคึกฤทธิ์ ยันต้องดูความผิดร้ายแรงถึงปาราชิกหรือไม่
เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. นายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.) เปิดเผยว่า ในเบื้องต้นยังไม่ทราบว่ามีการยื่นเรื่องตรวจสอบ พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตถิผโล เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง แต่ในลักษณะนี้สำนักพุทธศาสนามีมติของมหาเถรสมาคมไว้ในกรณีที่เหตุเกิดที่ใดก็จะให้พระสังฆาธิการในเขตปกครองนั้นๆ เป็นผู้กำกับดูแลตรวจสอบ สำหรับวัดของพระอาจารย์คึกฤทธิ์นั้นอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ทางสำนักพระพุทธศาสนาก็จะให้เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ และพระสังฆาธิการ เป็นผู้ตรวจสอบ และหากตรวจสอบเสร็จก็จะมีการทำรายงานจบที่จังหวัด
ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นนี้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีน่าจะเป็นผู้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ซึ่งทางจังหวัดก็มีคณะกรรมการดูแลอยู่ และเป็นไปตามมติของมหาเถรสมาคมที่กำหนดไว้ ทั้งนี้หากพบประเด็นความผิดทางคณะกรรมการจะเสนอว่าประเด็นความผิดอยู่ในระดับใด
“เป็นระดับที่ร้ายแรงไหม หรือเป็นแค่ความผิดเล็กน้อย โดยเบื้องต้นยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นความผิด ส่วนระดับความผิดร้ายแรงก็เช่น กรณีจะปาราชิก” นายพนม กล่าว
ที่มา : ไทยโพสต์
25 ธันวาคม 2557
25 ธันวาคม 2557
http://www.alittlebuddha.com/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ครับ