ประวัติหลวงพ่อเยื้อน
ประวัติ หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร จ.สุรินทร์ (พระพิศาลศาสนกิจ)
ประวัติ หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร จ.สุรินทร์ (พระพิศาลศาสนกิจ)
หลวงพ่อเยื้อน ขนฺติพโล พระนักอนุรักษ์ป่า
หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ดูลย์ อตุโล บวชเมื่อปี 2515 เมื่อท่านอายุได้ 20 ปี เมื่อท่านได้บวชแล้ว วันแรกหลวงปู่บอกว่าให้ไปนั่งภาวนากับหมู่เพื่อน โดยบอกว่าให้กำหนดลมหายใจเข้าพุท ออกโธ เหมือนปกติที่ตามแบบวัดป่า หลวงพ่อท่านได้เล่าให้ฟังว่า ท่านก็กำหนดตามที่หลวงปู่สอน แต่ในจิตลึกๆ มันบอกท่านว่า ถ้ามัวจะตามลมหายใจเข้า และออกอยู่อย่างนี้มันจะสงบได้อย่างไร ท่านจึงเปลี่ยนใหม่ว่า เมื่อกำหนดลมหายใจเข้าแล้ว เวลาลมหายใจออกท่านไม่ตามลมออก กลับกำหนดเข้าไปข้างใน
ท่านบอกว่าท่านนั่งกำหนดได้ไม่นาน มันกลับดิ่งเข้าไปจนมันทะลุ แล้วจิตท่านก็เปลี่ยนเลย ท่านบอกว่าครั้งแรกที่นั่งมันเหมือนตาย ตายแล้วเกิดใหม่ เช้าวันรุ่งขึ้น หลวงปู่เรียกหาเณรให้ไปดูพระที่เพิ่งบวชใหม่ให้มาหาหลวงปู่ หลวงปู่ก็ถามว่า ภาวนา เป็นยังไง หลวงพ่อบอกว่า ไม่ทราบว่ายังไงนะครับหลวงปู่ แต่จิตผมมันว่าพุทโธเองอยู่ในใจนี่แม๊บๆๆ ไม่ยอมออก หลวงปู่ช่วยเอาออกที หลวงปู่จึงได้นั่งกำหนดดูอยู่ แล้วก็บอกว่า เอาออกไม่ได้หรอก จิตเขาว่าพุทโธเอง ตอนนี้คุณน่ะเปลี่ยนแล้ว
หลวงตาเยื้อน ท่านเล่าให้ฟังว่า ท่านบอกว่าตอนนั้นจิตมันว่าแต่พุทโธเอง จะคิดถึงบ้านก็ไม่ได้ จะนึกถึงแม่ก็ไม่ได้ ตาที่มองไปทางไหนมันก็ทะลุไปหมด เห็นอะไรก็ละลายไปหมด ตอนนั้นท่านบอกว่า ท่านอยากนั่ง ใจมันก็สั่งให้เดินจงกรม เดินจงกรมรอบโบสถ์วัดบูรพ์อยู่อย่างนั้น เห็นโบสถ์โบสถ์ก็ละลายหายไปหมด ท่านบอกว่า ท่านยังไม่ได้เรียนหนังสือธรรมเลย อ่านหนังสือก็ไม่ค่อยออก เพราะจบ ป.4 ไม่รู้จักคำว่าไตรลักษณ์ แต่เข้าใจว่า ทุกอย่างมันละลายหมด
วันที่สอง หลวงปู่สั่งไม่ให้ไปภาวนากับหมู่เพื่อน ให้ไปภาวนาเดี่ยวเลย ท่านก็นั่งภาวนาตั้งแต่หัวค่ำ วันที่สองนี้จิตมันได้พิจารณาธาตุ ขันธ์ กลับไปกลับมาเองจนไม่เหลืออะไร ท่านได้เคยพูดให้ผู้เขียนฟังว่า จิตมันตัดสินของมันเอง จิตมันเอาความว่างแยกความว่าง เอาจิตแยกจิต ท่านจับเอาความว่างตรงนั้นชนความว่าง เพราะจิตมันคิดว่า ให้มีความว่าง มันก็ยังมีตัว ยังเป็นอวิชชา ท่านก็เลยเอาตรงที่เห็นมันใสๆ ว่างๆ ตรงนั้นจับชนกัน จนแตกละเอียด จิตจึงลอยเด่น เหมือนพระจันทร์เต็มดวง วันรุ่งขึ้นหลวงปู่ดุลย์ก็เรียกอีกครั้ง คราวนี้ท่านนั่งกำหนดดูนานทีเดียว แล้วก็บอกว่า ต่อจากไปนี้ ออกพรรษาแล้ว ผมจะส่งคุณไปอยู่ที่วัดป่าบ้านตาดไปอยู่กับพระอาจารย์มหาบัว ไปเอาข้อวัตรหลวงปู่มั่น
หลังจากออกพรรษาแล้ว หลวงพ่อเยื้อนท่านจึงไปอยู่กับหลวงตามหาบัวที่บ้านตาด เป็นเวลา 4 ปี ท่านทำหน้าที่อุปฐากหลวงตา หลวงตาท่านจะเรียกหลวงพ่อเยื้อนว่า “ธรรมสุรินทร์”
ปี 2519 ทางกองทัพภาคที่ 2 ต้องการพระมาอยู่เป็นขวัญกำลังใจทหารในบริเวณชายแดน เนิน424 จึงได้ไปขอพระจากสมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระสังฆราชจึงบอกว่าให้มาขอจากหลวงปู่ดูลย์ หลวงปู่ดูลย์จึงทำหนังสือไปขอตัวพระเยื้อนมาจาก หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาดอย่างเป็นทางการ
พื้นที่ป่าสงวนเกือบ 20,000 ไร่นี้ทางกรมป่าไม้ได้มอบให้วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโรเป็นผู้ดูแล โดยกำหนดให้เป็นพื้นที่พุทธอุทยาน ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในอีสานใต้ ที่เต็มไปด้วยไม้ที่สำคัญทางเศรษฐกิจคือ พยุง และประดู่ และมีสัตว์ป่าที่ยังคงเหลืออยู่หลายชนิด เช่น เสือปลา กวาง เก้ง หมาไน หมูป่า กระจง ค่าง ลิง ชะนี นกยูง เป็นต้น
ทุกวันนี้เรามีทหารพรานจากกองกำลังสุรนารี และตำรวจตระเวนชายแดนมาอยู่ประจำวัดเขาศาลาฯ เพื่อพิทักษ์ป่าร่วมกับหลวงพ่อและพระสงฆ์ของวัด เพราะมีคนพยายามลอบตัดไม้และล่าสัตว์ ทั้งหลวงพ่อ พระและทหาร ตำรวจต่างก็ต้องทำงานหนักกันเกือบทุกวัน
วิธีการที่เราจะทำการอนุรักษ์ และรักษาป่าไม้ไว้ได้ มีหลายวิธี ตั้งแต่การปลูกป่าเพิ่มเติม การให้ความรู้เรื่องการอนุรักษ์ป่ากับเยาวชน และระดับผู้ช่วยและผู้ใหญ่บ้าน นักบริหารทั้งหลาย อบต. ที่มาเข้าอบรมศึกษาธรรมะอยู่เรื่อยๆ การบวชพระเณรภาคฤดูร้อน เป็นเวลา 1 เดือน โดยการส่งพระ เณรเข้าไปอบรมปฏิบัติธรรมกันในป่า และกระจายกันจำวัดในป่า ก็เป็นการช่วยเป็นหูเป็นตาดูแลรักษาป่าอีกทางหนึ่งด้วย
เมื่อปี 2549 หลวงพ่อเยื้อน ขนฺติพโล ได้รับสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระพิศาลศาสนกิจ เป็นเจ้าคณะอำเภอศีขรภูมิ และอีก 5 อำเภอ
และปี 2550 เป็น 1 ใน 5 ของผู้ได้รับรางวัล ผู้บำเพ็ญประโยชน์ในการพัฒนาจิตประจำปี 2550 ของสภาชาวพุทธและมูลนิธิโลกทิพย์
และปัจจุบันท่านทำงานอนุป่าไม้อย่างต่อเนื่อง ช่วยเหลือดูแลลูกศิษย์ให้ได้รับศึกษาระดับที่สูงขึ้นไปทั้งในประเทศและส่งไปศึกษาต่อในต่างประเทศหลายรูป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ครับ