ศึกษาพฤติกรรมมารศาสนา ปี ๒๕๕๗
แจ๊กพอต !
สมเด็จวัดพิชัยญาติถูกหวย
ถูกสมเด็จวัดปากน้ำ "เรียกตัว" พบด่วน
กรณีพระพรหมสุธี และหนังสือ สตง. ขอความร่วมมือ
ขอให้ไปคุยกับเจ้าคุณเสนาะโดยด่วน
มิเช่นนั้นก็คงไม่รับประกันความปลอดภัย
ร้อนฉ่ากันทั้งมหาเถรเลยเชียวล่ะงานนี้ !
อา..อาการแบบนี้ท่านเรียกว่า "งานเข้า" แต่งานนี้มิใช่งานเล็กๆ หากแต่เป็น "งานใหญ่" ระดับ "สมเด็จพระสังฆราชถูก สตง.เตือน" มันจึงเป็นเรื่องใหญ่ระดับ "แจ๊กพอต" ใครโดนเข้าก็เหมือนถูกหวย แต่จะเป็นหวยใต้ดินหรือหวยบนดินก็ไม่รู้สิ งานนี้อย่าว่าแต่เข้าข้างใครเลย แค่...ทำอืดอาด ก็สามารถถูกครหาได้ทันทีว่า "มีส่วนเอื้อช่วยเหลือคนโกง" เรื่องเหม็นๆ แบบนี้ใครจะไปยุ่ง ดังนั้น งานนี้ ใครเป็นคนผูก ก็ต้องไปแก้ ใครอยู่ใกล้เจ้าคุณเสนาะ ก็ต้องไปพูด ต้องไปบอก ต้องไปเตือน ต้องไปสอน ว่าเดี๋ยวนี้มันเดือดร้อนถึงผู้ใหญ่แล้วรู้มั๊ย ทำอะไรไม่คิดเลย เผาวัดสระเกศจนวายวอดแล้ว ยังจะมาเผาวัดปากน้ำอีก มันใช้ไม่ได้เลยเหนาะนี่ อุตส่าห์ให้โอกาส "นะ ท่านเจ้าคุณ ไปเตือนเด็กของท่านหน่อย หวังว่าคงไม่ต้องให้ผมเตือนเอง เพราะผมเตือนไม่เป็น ปลดก็ปลดเลย !"
สมเด็จพระพุทธชินวงศ์
(สมศักดิ์ อุปสโม)
วัดพิชยญาติการาม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง
ในฐานะผู้บังคับบัญชาพระพรหมสุธี และยังเป็นชาวอยุธยาบ้านเดียวกันด้วย มีข่าวมาตั้งแต่ต้นว่า เมื่อเริ่มเกิดปัญหาขึ้นมาในวัดสระเกศนั้น สมเด็จสมศักดิ์ได้เรียกตัวเจ้าคุณเสนาะไปพบ และได้ให้แนวทางการต่อสู้ว่า "ขอให้อยู่เงียบๆ แล้วจะดีเอง" ต่อมา เมื่อข่าวดังเกินไปจนปิดไม่ไหว เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ได้สั่งตั้งกรรมการสอบสวนเจ้าคุณเสนาะ และก็ปรากฏว่า จนกระทั่งบัดนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการ ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุให้สมเด็จวัดปากน้ำ ต้องยื่นมือเข้าไปแก้ไขปัญหาวัดสระเกศด้วยตัวเอง แก้ไปแก้มากลายเป็นว่า "ติดร่างแห" เข้าไปด้วย ทั้งนี้ เพราะสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เห็นว่า "พระพรหมสุธี" มีตำแหน่งเป็น"กรรมการมหาเถรสมาคม" จึงทำหนังสือถึง "ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม" ซึ่งก็คือ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และเป็นประธานมหาเถรสมาคมโดยตำแหน่ง
แต่ถามว่า เกี่ยวอะไรกับ "สมเด็จพระพุทธชินวงศ์" ก็ตอบได้ว่า เกี่ยวหลายอย่าง เพราะ
1. สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ซึ่งปกครองกรุงเทพมหานครและคณะสงฆ์ภาคกลางไว้ทั้งหมด เป็นจำนวนถึง 23 จังหวัด ได้แก่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ พระนครศรีอยุธยา อ่างทองสระบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท อุทัยธานี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด นครปฐม สุพรรณบุรี กาญจนบุรี สมุทรสาคร ราชบุรี เพชรบุรี สมุทรสงคราม ประจวบคีรีขันธ์
2. สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เป็นคนจังหวัดอยุธยา เป็นหัวหน้ากลุ่มสหภูมิอยุธยา ซึ่งถือว่ามีบทบาทสูงสุดในการบริหารคณะสงฆ์ส่วนกลาง มีการผูกขาดอำนาจไว้ในกลุ่มนี้ทั้งหมด ตั้งแต่ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เจ้าคณะภาค 1 และเจ้าคณะ กทม. ล้วนแต่ถูกพระสหภูมิอยุธยา "ยึดโควต้าไว้หมด" ถึงกับมีเสียงสวดมนต์จากพระเณรทั่วประเทศว่า "พระอยุธยาเล่นพรรคเล่นพวก" สมเด็จสมศักดิ์วันนี้ จึงมีฐานะเป็น "หัวเรือใหญ่" ของชาวอยุธยา
3. เมื่อเกิดเรื่องราวรุนแรงขึ้นมาในวัดสระเกศนั้น เจ้าคุณเสนาะได้ออกมายืนยันกับนักข่าวว่า "สมเด็จพระพุทธชินวงศ์" เป็นผู้ใหญ่ให้แนวทางแก่ตนเอง ในการแก้ไขปัญหาวัดสระเกศ การเปิดเผยต่อนักข่าวเช่นนี้ ทำให้สมเด็จวัดพิชัยญาติ "หนีไม่ออก" ต้องยอมเงียบมาตั้งแต่นั้น แต่ก็ยังหลบไม่พ้น เพราะตำแหน่งต่างๆ มันเกี่ยวพันกันอยู่
นี่แหละฮะ โบราณว่า "คบคนพาล พาลพา ไปหาผิด" เมื่อสมเด็จสมศักดิ์ ออกหน้าปกป้องเจ้าคุณเสนาะ คอยให้ท้าย "สอนโน่นสอนนี่ อย่าดิ้น ขอให้นิ่งๆ เข้าไว้ เดี๋ยวดีเอง" วันนี้ ผลแห่งการเทรนด์ของสมเด็จวัดพิชัยญาติก็ออกมาแล้ว "ถูกสมเด็จวัดปากน้ำเรียกไปเตือน" ก็หมายถึงว่า โดนเตือนทั้งสมเด็จสมศักดิ์และรองสมเด็จเสนาะก็เพราะอะไร ถ้ามิใช่ "คบคนพาล ฯลฯ"
"อาตมาได้เข้าพบ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เพื่อพูดคุยถึงข่าวที่เกิดขึ้น ท่านบอกให้ใช้ขันติ สงบ เท่านั้น"
พระพรหมสุธี (เสนาะ ปญฺญาวชิโร)
เจ้าอาวาสวัดสระเกศ
12 กันยายน 2557
Pic of the year
ภาพ : วันที่ 23 ธันวาคม 2557 สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช นิมนต์สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ วัดพิชยญาติการาม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เข้าพบที่สำนักงานวัดปากน้ำ เพื่อปรึกษาปัญหา กรณีสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน มีหนังสือแจ้งมายังสำนักงานผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชว่า พระพรหมสุธี เจ้าอาวาสวัดสระเกศ ไม่ให้ความร่วมมือกับ สตง. ในการตรวจบัญชี และขอให้สมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาให้พระพรหมสุธี ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งอะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ดอทคอม ได้รายงานไปเมื่อวานนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการสนทนาระหว่างสมเด็จวัดปากน้ำกับสมเด็จวัดพิชัยญาติ เป็นไปอย่างเคร่งเครียด โดยสมเด็จวัดปากน้ำได้ยื่นหนังสือจาก สตง. ให้สมเด็จวัดพิชัยญาติอ่าน ก่อนจะซักถามประเด็นต่างๆ รวมถึงแนวทางในการแก้ปัญหาพฤติกรรมของเจ้าคุณเสนาะ
เชื่อว่า ทางสมเด็จวัดพิชัยญาติต้องรีบดำเนินการภายในวันสองวันนี้ เพราะนี่ถือว่าเป็นกรณีร้ายแรงที่กระทบกระเทือนถึง "สมเด็จพระสังฆราช" เป็นคดีประวัติศาสตร์ ซึ่งความจริงก็ไม่มีเหตุอันใดที่จะต้องเกี่ยวข้อง เพราะเป็นคดีส่วนตัว แต่การดื้อแพ่งของเจ้าคุณเสนาะ ซึ่งชะล่าใจว่าได้แบ๊กดีเป็นถึงเจ้าคณะใหญ่หนกลางหนุนหลัง จึงทำอะไรไม่เกรงใจใคร ผลสุดท้ายเรื่องก็ลามมาถึงวัดปากน้ำและวัดพิชัยญาติจนได้ พูดได้คำเดียวว่า "เอาไม่อยู่"
เรื่องภายในวัดสระเกศที่ผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคมพยายาม "จำกัดพื้นที่" มาแต่เริ่มนั้น บัดนี้ได้แตกกระจาย ขยายวงกินพื้นที่เข้าไปถึง "วัดปากน้ำ-วัดพิชัยญาติ" แล้ว และแน่นอนว่า "มหาเถรสมาคม" ก็ตกอยู่ในการจับตาของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองด้วย ว่าได้ใช้ "นิติธรรม" ในการบริหารจัดการกับ "กรรมการมหาเถรสมาคม" ซึ่งต้องคดี อย่างตรงไปตรงมาหรือไม่ หนังสือจาก สตง. ก็เป็นหลักฐานยืนยันชั้นดีที่สุดแล้ว
กรณี "ญาติพี่น้อง" ของหม่อมศรีรัศมิ์ ถูกข้อหาว่า "แอบอ้างเบื้องสูง" ทำการทุจริตผิดกฎหมาย จึงถูก "ถอนสกุลพระราชทาน" และถูกดำเนินคดีมากมายหลายคน ย่อมจะเป็นตัวอย่างชั้นดีที่วัดปากน้ำและวัดพิชัยญาติต้องตระหนัก เมื่อต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีของเจ้าคุณเสนาะในวันนี้ อย่าคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ สมเด็จก็สมเด็จเถอะ พลาดวันไหนก็มีสิทธิ์ "โดนปลด" เหมือนกัน จะปลดเสนาะหรือปลดตัวเอง ก็เลือกเอา
อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ดอทคอม รายงาน
23 ธันวาคม 2557
ตามก้นลูกพี่ !
เสี่ยน้ำฝนฟ้องไทยรัฐทีวี
กรณีเสนอข่าวไล่ที่ชุมชนวัดไผ่ล้อม
นี่แหละ ลูกพี่เขาสอนมาดี เลยชอบมีคดี
โอม..มะลึกกึ๊กกึ๋ย !
แต่..ผู้จัดการ ก็ระมัดระวังหน่อยนะ ตีน้ำฝนมากเข้า จะกระทบถึง "ลูกพี่เหนาะ" ที่วัดสระเกศ ซึ่งเป็นสาย "อย." ของสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ซึ่งนายสนธิเคยขอบวชมาแต่ก่อนจะถูกต่อต้าน จนต้องถอนสายบัวไปบวชกับพระธรรมยุตภาคอีสาน ที่ผู้จัดการไม่ยอมเล่นข่าว "เสี่ยเหนาะ-วัดสระเกศ" ก็ใช่ว่าคนเขาจะไม่รู้ว่า"สนธิลิ้ม" ถือหางข้างไหน ก็แค่ว่า "เจ้าคุณธงชัยเป็นพระเสื้อแดง" ส่วนเจ้าคุณเสนาะ"อยู่ตรงกันข้ามกับท่านธงชัย" ก็เท่านั้น แดงทำอะไรก็ผิด เหลืองทำอะไรก็ถูก ทำนองสื่อเลือกข้าง ถ้า "น้ำฝน" ไม่กัดกันกับ "เสี่ยสุวิทย์-พุทธะอิสระ" วัดอ้อน้อย ป่านนี้ รับรองน้ำฝนกลายเป็นเทพเจ้าของชาวท่าพระอาทิตย์ไปแล้ว ไหว้พระเพราะ "สี"กับไว้พระเพราะ "ศีล" มันต่างกันไกล
แถมน้ำฝนยังเป็นพระในสังกัด "มติชน" ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับ "ผู้จัดการ" เข้าไปอีก นี่ก็เลยกลายเป็นว่า น้ำฝนถูกสนธิขึ้นบัญชีดำ พร้อมเมื่อไหร่เป็นต้องเช็คบัญชี ตีน้ำฝนกระทบถึงใครหลายคน เสียดายแต่ว่า ถ้าน้ำฝนไม่ใช่เด็ก "ป๋าเหนาะ" มาแต่เดิม มันจะถนัดมือมากกว่านี้ ที่ตีทั้งต่อยเลยล่ะ ใช่ไม่ใช่ !
“หลวงพี่น้ำฝน” เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ส่งทนายยื่นฟ้องไทยรัฐทีวี ออกข่าวหมิ่นไล่ที่ชาวบ้านออกจากวัด เรียกค่าเสียหาย 30 ล้าน ระบุพร้อมเจรจาไกล่เกลี่ย
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดา วันนี้ (23 ธ.ค.) นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร ทนายความรับมอบอำนาจจากพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ พระคมน์กฤตย์ กิตติกิตโต (สุนทรสุวรรณ) หรือ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท ทริปเปิล วี บรอดคาสท์ จำกัด ผู้ประกอบการ ไทยรัฐทีวี, นายผดุงศักดิ์ เหล่ากิจไพศาล บรรณาธิการ, นายพีระวัฒน์ อัฐนาค ผู้ดำเนินรายการ และ นางปัทมา สีดา เป็นจำเลยที่ 1 - 4 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมาณกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และ พ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ. 2548 มาตรา 4 และ 48
คำฟ้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2557 เวลา 00.15 น. จำเลยทั้ง 4 ได้ร่วมกันใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์ในรายการ “ครบข่าวดึก” โดยมี นางปัทมา จำเลยที่ 4 เป็นผู้ให้ข่าวและให้ข้อมูลทำนองว่า ชาวบ้าน จ.นครปฐม กว่า 300 คน เข้าขอความช่วยเหลือกับ นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยอ้างว่าโจทก์ขับไล่ชาวบ้านกว่า 80 หลังคาเรือน ให้ออกจากบ้าน ซึ่งอยู่ในบริเวณวัดภายใน 3 เดือน และยังอ้างมีการข่มขู่จากโจทก์ว่าหากไม่รื้อถอนตามกำหนดอาจถูกทำร้ายและเผาไล่ที่ ทั้งที่ข้อเท็จจริงแล้ววัดไผ่ล้อมเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินซึ่งให้บุคคลภายนอกเช่าตั้งแต่ปี 2515 เป็นต้นมา โดยมีการจัดเก็บค่าเช่าจากผู้พักอาศัย กระทั่งปี 2550 ได้มีการประชุมหารือของคณะกรรมการวัดและมีมติให้นำแปลงที่ดินดังกล่าวไปก่อสร้างโรงเรียนปริยัติธรรม ศูนย์ปฏิบัติธรรมและอาคารต่างๆ เพื่อใช้ประโยชน์ในกิจการพุทธศาสนา จึงได้มอบหมายให้ไวยาวัจกรของวัดไปแจ้งกับผู้เช่าอาศัยแล้วได้มีการยกเลิกเก็บค่าเช่า โดยแจ้งให้ผู้เช่าขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดิน แต่ผู้พักอาศัยกลับไม่ได้ขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออก ซึ่งโจทก์ในฐานะเจ้าอาวาสก็ได้มีหนังสือบอกกล่าวขอคืนพื้นที่กับผู้เช่าแล้ว ดังนั้นการกระทำของจำเลยทั้ง 4 จึงทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียงและถูกดูหมิ่นโจทก์ จึงขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมาย และให้จำเลยทั้ง 4 ร่วมกันโฆษณาคำพิพากษาของศาลในหนังสือพิมพ์รายวัน ไทยรัฐ เดลินิวส์ มติชน และหนังสือพิมพ์รายวันอื่นอีกอย่างน้อย 3 ฉบับ เป็นเวลา 7 วัน
โดยศาล รับคดีไว้ในสารบบหมายเลขดำ อ.4220/2557 และนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ในวันที่ 9 มี.ค. 2558 เวลา 09.00 น.
ขณะที่วันเดียวกัน นายศุภภัทร์พจน์ ทนายความ ยังรับมอบอำนาจจากพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัททริปเปิลฯ, นายผดุงศักดิ์ บรรณาธิการ, นายพีระวัฒน์ ผู้ดำเนินรายการ และนางปัทมา เป็นจำเลยที่ 1 - 4 ต่อศาลแพ่งอีกสำนวนหนึ่งด้วย เรื่องกระทำละเมิด จากการหมิ่นประมาทดังกล่าว โดยเรียกค่าเสียหายทั้งสิ้น 30 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7 ต่อปี นับจากวันถัดฟ้องเป็นต้นไป ซึ่งศาลแพ่งได้รับคดีไว้ในสารบบความหมายเลขดำ 5575/2557 โดยศาลนัดสืบพยานโจทก์ ในวันที่ 9 มี.ค. 2558 เวลา 13.30 น.
ภายหลัง นายศุภภัทร์พจน์ ทนายความ กล่าวว่า เราได้ใช้สิทธิทางกฎหมายยื่นฟ้องทั้งคดีแพ่งและอาญา แต่หากระหว่างการพิจารณาคดีมีการพูดคุยไกล่เกลี่ยกันระหว่างคู่ความทั้งสองฝ่ายก็พร้อมจะพูดคุยด้วย
ข่าว : ผู้จัดการ
24 ธันวาคม 2557
เพิ่มอำนาจเจ้าคุณเสนาะ !
สำนักพุทธฯตีปี๊ปก่อนสิ้นปี
"ปรับโครงสร้าง พศ. เน้นงานพระธรรมทูต"
เออเฮอะ ! ก็อยากจะเชื่ออยู่ดอกว่า "ดังไกล" แน่ เพราะแค่คดีส่วนตัวของเจ้าคุณเสนาะเวลานี้ ใช้เวลากี่ปีถึงจะสิ้นสุด แถมด้วยภาพพจน์ในต่างประเทศ ก็แทบไม่เหลือหลอ บินไปโชว์ตัวที่อเมริกาเป็นครั้งแรก ก็เล่นเอาภาพลักษณ์กรรมการมหาเถรสมาคม "ย่อยยับอัปรา" เกณฑ์พระเณรเถรชีไปยืนต้อนรับถึงประตูเครื่องบินที่แอลเอ จัดฉาก "ทูลถวายช่อดอกไม้" เหมือนเชื้อพระวงศ์เสด็จ นั่งสูงกว่าพระเถระ ไปถึงธรรมกายก็แสดงฤทธิ์ "เดินเหยียบพรมโรยดอกไม้กั้นสัปดน เอ๊ย สัปทน เข้าวัด ปูนบำเหน็จเจ้าคุณ 4 ตำแหน่ง" ฯลฯ กลับมาก็แสดงฤทธิ์ เปลี่ยนวัดสระเกศอันศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นสนามมวย ท้าตีท้าต่อยพี่ๆ น้องๆ ภายในวัด แจ้งจับเข้าคุกเข้าตะราง ลามปามไปทั่วฟ้าเมืองไทยแล้วในวันนี้ วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ "เพิ่มหน่วยงาน" ให้คุณเสนาะ เอาไปใช้เป็นไม้ค้ำยันขึ้นเป็นสังฆราชในอนาคต บู๊ล้างผลาญขนาดนี้ น่าจะเขียนสโลแกนถวาย "พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระพรหมสุธี" ด้วยนะว่า "พระธรรมทูตไทยไปมวยโลก"
ประทานโทษเถิดนะฮะ บรรดาข้าราชการในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติทั้งหลาย โดยเฉพาะ คุณพนม ศรศิลป์ ผอ.พศ. ทำงานห่วยแตกแบบเจ้าคุณเสนาะนี่นะหรือ ที่จะเอามาพัฒนางานพระธรรมทูตทั่วโลก เล่นมุกท้ายปีแบบไม่ธรรมดาเลยนะ เอาแค่ให้เหนาะเดินให้ทั่ววัดสระเกศคนเดียวตอนสองทุ่มโดยไม่โดนตีหัวก่อนเถิด อย่าคิดไกลไปเผยแผ่ถึงต่างประเทศเลย วันวานก็ไม่กล้าเข้าวัดโสธร ต้องย้ายที่ประชุมหนีไปถึงนครนายกโน่น ถามว่า พวกคุณหูหนวกตาบอดกันหรือไง ถึงได้ปล่อยมุกตื้นๆ ออกมาแบบนี้น่ะ ดูสมเด็จฯสมศักดิ์ซี วันนี้ ต้องถ่อสังขารไปวัดปากน้ำอย่างทุลักทุเล เพราะใคร ถ้ามิใช่..เสนาะ
มอบอำนาจให้คนดีที่สุด
ถวายอำนาจให้คนดีที่สุด
ครม.ไฟเขียวปรับโครงสร้าง พศ.
วันนี้ (23 ธ.ค.) นายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และให้สำนักเลขาธิการ ครม. นำร่างเสนอนายกรัฐมนตรี ลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งจะทำให้ พศ.มีโครงสร้างการบริหารงานใหม่ จากเดิม 9 ส่วนงาน เป็น 10 ส่วนงาน โดยให้กองกลาง เปลี่ยนเป็น สำนักงานเลขานุการกรม และเพิ่มกองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาขึ้น 1 กอง สำหรับส่วนงานที่เหลือยังคงไว้เช่นเดิม ประกอบด้วย กองพุทธศาสนศึกษา กองพุทธศาสนสถาน สำนักงานพุทธมณฑล สำนักงานศาสนสมบัติ สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม กลุ่มตรวจสอบภายใน กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร และศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต
“การมีกองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา จะทำให้การส่งเสริมงานคณะสงฆ์ในด้านการเผยแผ่เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะงานของพระธรรมทูต และการสร้างแผนงานการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้สอดคล้องกับศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทำให้การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในไทยเป็นไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้จะผลักดันให้ตั้งศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนาระดับอำเภอขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการจัดตั้งศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนาระดับจังหวัดไปแล้ว เพื่อรองรับพระสงฆ์ที่จบการศึกษาในระดับต่างๆ ได้มีพื้นที่ทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา" ผอ.พศ. กล่าว.
ข่าว : เดลินิวส์
24 ธันวาคม 2557
https://drive.google.com/file/d/0B_nOh0gPsWNSTlE5Z1EtWGZCQXM/view?usp=sharing
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ครับ