สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระวรธรรมคติวันอาสาฬหบูชา 2556 ให้ชาวพุทธนำพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งของจิตใจ
สมเด็จพระสังฆราชประทานพระวรธรรมคติอาสาฬหบูชา
วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม 2556 เวลา 15:29 น.
วันนี้(18 ก.ค.)สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระวรธรรมคติ เนื่องในวันอาสาฬหบูชา พ.ศ. 2556 ความว่า วันอาสาฬหบูชา เป็นอภิลักขิตกาล คือ วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง เป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา คือ คำสอนที่เป็นหลักสำคัญของพระพุทธศาสนาครั้งแรก เรียกว่า ธรรมจักกัปปวัตตนสูตร และเป็นวันที่เกิดพระสงฆ์ซึ่งเป็นหนึ่งในพระรัตนตรัย อันเป็นที่เคารพสูงสุดในพระพุทธศาสนา เป็นเหตุให้พระรัตนตรัยบังเกิดขึ้นในโลกครบบริบูรณ์ ซึ่งจะถือว่าเป็นวันบังเกิดขึ้นของพระรัตนตรัยก็ได้
เมื่ออภิลักขิตกาลเช่นนี้เวียนมาถึง ควรที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จักได้น้อมใจรำลึกถึงพระรัตนตรัย พร้อมทั้งสำรวจตรวจสอบดูใจของตนเองว่า ได้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะที่พึ่งแท้จริงแค่ไหนเพียงไร
อันการถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะที่พึ่งตามนัยแห่งพระพุทธศาสนานั้น มิใช่ถึงโดยการกราบไหว้อ้อนวอน หรือ ถึงโดยการอธิษฐานขอพรให้พระรัตนตรัยมาช่วยปกป้องรักษา เพื่อที่ตนจะได้มีชีวิตอย่างปลอดภัยเป็นสุข
แต่การถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะอย่างแท้จริงนั้น คือ การศึกษาเรียนรู้พระรัตนตรัยให้เข้าใจแจ่มชัดแล้วน้อมนำเอาความจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ พระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนและพระสงฆ์สาวกของพระพุทธองค์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นแบบอย่าง มาเป็นหลักเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสมถูกต้อง อันจะทำให้ได้ชื่อว่านับถือและบูชาพระรัตนตรัยอย่างแท้จริงด้วยทั้งพระรัตนตรัยก็จะปกป้องคุ้มครองมิให้ตกไปสู่ความชั่ว โดยไม่ต้องอธิษฐานอ้อนวอน ขออำนวยพรให้ท่านทั้งหลายเจริญในธรรม ประสบสันติสุขทั่วกัน ขออำนวยพร
เมื่ออภิลักขิตกาลเช่นนี้เวียนมาถึง ควรที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จักได้น้อมใจรำลึกถึงพระรัตนตรัย พร้อมทั้งสำรวจตรวจสอบดูใจของตนเองว่า ได้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะที่พึ่งแท้จริงแค่ไหนเพียงไร
อันการถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะที่พึ่งตามนัยแห่งพระพุทธศาสนานั้น มิใช่ถึงโดยการกราบไหว้อ้อนวอน หรือ ถึงโดยการอธิษฐานขอพรให้พระรัตนตรัยมาช่วยปกป้องรักษา เพื่อที่ตนจะได้มีชีวิตอย่างปลอดภัยเป็นสุข
แต่การถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะอย่างแท้จริงนั้น คือ การศึกษาเรียนรู้พระรัตนตรัยให้เข้าใจแจ่มชัดแล้วน้อมนำเอาความจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ พระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนและพระสงฆ์สาวกของพระพุทธองค์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นแบบอย่าง มาเป็นหลักเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสมถูกต้อง อันจะทำให้ได้ชื่อว่านับถือและบูชาพระรัตนตรัยอย่างแท้จริงด้วยทั้งพระรัตนตรัยก็จะปกป้องคุ้มครองมิให้ตกไปสู่ความชั่ว โดยไม่ต้องอธิษฐานอ้อนวอน ขออำนวยพรให้ท่านทั้งหลายเจริญในธรรม ประสบสันติสุขทั่วกัน ขออำนวยพร
นายสุระ เตชะทัต ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า วธ.ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชน ร่วมพิธีแห่เทียนพรรษาโบราณ เนื่องในสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ประจำปี 2556 ในวันที่ 19 ก.ค. 56 เวลา 09.00 น. ณ บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ซึ่งจะมีการจัดริ้วขบวนแห่ต้นเทียนพรรษา 10 ริ้วขบวน ไปถวายยังพระอารามหลวง 10 วัด ได้แก่ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วัดปากน้ำภาษีเจริญ วัดบวรนิเวศวิหาร วัดสุทัศน์เทพวราราม วัดไตรมิตรวิทยาราม วัดสามพระยา วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ วัดราชนัดดาราม วัดสุวรรณาราม และวัดปรินายก เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติ และร่วมสืบสานประเพณีทางพระพุทธศาสนา
นายสุระ กล่าวต่อไปว่า กรณีที่หลายฝ่ายกังวลว่า การนำเสนอข่าวอดีตหลวงปู่เณรคำ หรือ สมีคำ และข่าวคราวในแง่ลบพระสงฆ์รายวัน จะส่งผลกระทบต่อศรัทธาชาวพุทธทำให้ไม่อยากเข้าวัดทำบุญในช่วงอาสาฬบูชา และวันเข้าพรรษานั้น ตนคิดว่าไม่น่าจะส่งผลให้พระพุทธศาสนาของเราเสื่อมถอย เพราะเป็นเรื่องของตัวบุคคล ในสังคมของเรา ไม่ว่าจะหน่วยงานทั้งประเทศไทย หรือ ต่างประเทศ ย่อมจะมีทั้งคนดี และมีคนไม่ดีด้วยกันทั้งนั้น ข่าวที่เกิดขึ้นเป็นเพียงส่วนน้อยที่นำศาสนามาหาผลประโยชน์ แต่สถาบันศาสนาพุทธของเรายังมีโครงสร้าง เป็นระบบสืบทอดสิ่งที่ดีงามมาแต่โบราณ เรามีความรัก เทิดทูนต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ด้วยเพราะศรัทธาที่อยู่ใจ แต่สิ่งไหนที่ไม่ดีก็ไม่ถือว่าเป็นขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมของไทย และสิ่งที่เกิดขึ้นก็จะมีช่องทางที่จะสามารถพิสูจน์ความจริงให้ประชาชนได้รับรู้อย่างเรามีข่าวแพร่หลายอยู่ขณะนี้
นายสุระ กล่าวอีกว่า กรณีที่มีข่าวแง่ลบในวงการศาสนา จะกระทบกับการบริจาคของชาวพุทธนั้น เห็นว่า ประชาชนต่างบริสุทธิ์ใจที่จะทำบุญเพื่อทำนุบำรุงศาสนาให้เจริญสืบไป ดังนั้นทุกคนที่จะทำบุญก็จะใช้ประสบการณ์ และใช้สิ่งที่เราดำเนินชีวิตอยู่กับศาสนาพุทธมาใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณาถึงหลักเหตุผลที่เราจะเชื่อมั่นในคำสั่งของขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในหลักการพิจารณาความเป็นจริง
“ศาสนา หรือ สถาบันที่เราเคารพรัก เราต้องช่วยกันดูแล และช่วยกันเข้าไปเรียกศรัทธา หรือทำให้เกิดเข้มแข็ง ช่วยกันสืบทอดสิ่งที่ดีงาม ประเด็น ที่มีผู้นำศาสนาไปแสวงหาประโยชน์ สิ่งเหล่านั้น เราชาวพุทธก็ควรใช้หลักเหตุและผล ใช้ดุลยพินิจ เพราะหลักศาสนาพุทธของเราสอนให้พิจารณาถึงหลักความจริง ขอให้กำลังใจชาวพุทธทุกท่าน เรื่องที่กำลังเกิดขึ้นนั้น ไม่ได้บั่นทอนพี่น้องชาวพุทธทั้งโลก เพราะพุทธศาสนาของเราเป็นศาสนาที่ดีงาม เป็นศาสนาที่มีเหตุมีผล ที่จะพิสูจน์ถึงความจริงเป็นรูปธรรม ที่บุคคลหนึ่งบุคคลใดทำให้กระทบต่อภาพของศาสนา นั่นคือการเอาศาสนาแอบอ้างเป็นเพียงการแอบอ้างตัวบุคคลเท่านั้น” ที่ปรึกษา รมว.วธ. กล่าว
นายสุระ กล่าวต่อไปว่า กรณีที่หลายฝ่ายกังวลว่า การนำเสนอข่าวอดีตหลวงปู่เณรคำ หรือ สมีคำ และข่าวคราวในแง่ลบพระสงฆ์รายวัน จะส่งผลกระทบต่อศรัทธาชาวพุทธทำให้ไม่อยากเข้าวัดทำบุญในช่วงอาสาฬบูชา และวันเข้าพรรษานั้น ตนคิดว่าไม่น่าจะส่งผลให้พระพุทธศาสนาของเราเสื่อมถอย เพราะเป็นเรื่องของตัวบุคคล ในสังคมของเรา ไม่ว่าจะหน่วยงานทั้งประเทศไทย หรือ ต่างประเทศ ย่อมจะมีทั้งคนดี และมีคนไม่ดีด้วยกันทั้งนั้น ข่าวที่เกิดขึ้นเป็นเพียงส่วนน้อยที่นำศาสนามาหาผลประโยชน์ แต่สถาบันศาสนาพุทธของเรายังมีโครงสร้าง เป็นระบบสืบทอดสิ่งที่ดีงามมาแต่โบราณ เรามีความรัก เทิดทูนต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ด้วยเพราะศรัทธาที่อยู่ใจ แต่สิ่งไหนที่ไม่ดีก็ไม่ถือว่าเป็นขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมของไทย และสิ่งที่เกิดขึ้นก็จะมีช่องทางที่จะสามารถพิสูจน์ความจริงให้ประชาชนได้รับรู้อย่างเรามีข่าวแพร่หลายอยู่ขณะนี้
นายสุระ กล่าวอีกว่า กรณีที่มีข่าวแง่ลบในวงการศาสนา จะกระทบกับการบริจาคของชาวพุทธนั้น เห็นว่า ประชาชนต่างบริสุทธิ์ใจที่จะทำบุญเพื่อทำนุบำรุงศาสนาให้เจริญสืบไป ดังนั้นทุกคนที่จะทำบุญก็จะใช้ประสบการณ์ และใช้สิ่งที่เราดำเนินชีวิตอยู่กับศาสนาพุทธมาใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณาถึงหลักเหตุผลที่เราจะเชื่อมั่นในคำสั่งของขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในหลักการพิจารณาความเป็นจริง
“ศาสนา หรือ สถาบันที่เราเคารพรัก เราต้องช่วยกันดูแล และช่วยกันเข้าไปเรียกศรัทธา หรือทำให้เกิดเข้มแข็ง ช่วยกันสืบทอดสิ่งที่ดีงาม ประเด็น ที่มีผู้นำศาสนาไปแสวงหาประโยชน์ สิ่งเหล่านั้น เราชาวพุทธก็ควรใช้หลักเหตุและผล ใช้ดุลยพินิจ เพราะหลักศาสนาพุทธของเราสอนให้พิจารณาถึงหลักความจริง ขอให้กำลังใจชาวพุทธทุกท่าน เรื่องที่กำลังเกิดขึ้นนั้น ไม่ได้บั่นทอนพี่น้องชาวพุทธทั้งโลก เพราะพุทธศาสนาของเราเป็นศาสนาที่ดีงาม เป็นศาสนาที่มีเหตุมีผล ที่จะพิสูจน์ถึงความจริงเป็นรูปธรรม ที่บุคคลหนึ่งบุคคลใดทำให้กระทบต่อภาพของศาสนา นั่นคือการเอาศาสนาแอบอ้างเป็นเพียงการแอบอ้างตัวบุคคลเท่านั้น” ที่ปรึกษา รมว.วธ. กล่าว
ศึกษาข้อมูล วิทยานิพนธ์ด้านความมั่นคงสถาบันพระศาสนา ในประวัติศาสตร์ ได้ที่https://docs.google.com/file/d/0B_nOh0gPsWNSUkVWRG9aQ3pkbmc/edit
ช่วยแบ่งปันได้เพื่อสร้างบุญบารมี ถวายสมเด็จพระสังฆราช ครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ครับ