บันทึกประวัติศาสตร์ ต้องศึกษา ? ช่วยแชร์เพื่อปกป้องพระธรรมวินัย
วันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ได้เข้ากราบนมัสการท่าน เจ้าคุณพระเทพสารเวที่ เลขานุการในสมเด็จพระสังฆราช ณ.วัดบวรนิเวศ เวลา ๙.๕๕ ได้สนทนาในเรื่องความมั่นคงของสถาบันพระศาสนา และปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ คือกรณีเณรคำ ขอสรุป ให้สื่อและชาวพุทธที่ต้องการตรวจสอบข้อเท็จจริงและวิเคราะปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น
สรุป ๑. เหตุการที่เกิดขึ้นในกรณีเณรคำ ถ้ามีข้อมูลหลักฐานพยานบุคคลที่เชื่อถือได้ ว่าเณรคำทำผิดพระธรรมวินัยอาบัติปราชิกแล้ว การรักษาพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า เป็นหน้าที่มหาเถร ผู้มี่หน้าที่ก็ต้องจับให้เณรคำสึกออกไป เจ้าหน้าที่ข้าราชการที่มีหน้าที่ก็ต้องทำการตรวจสอบให้รวดเร็ว ไม่ใช่มีข้อมูลมาเป็นเดือนแล้วไม่ทำการอะไรจึงทำให้ เณรคำสามารถโยกย้ายเงิน ทองที่หลอกประชาชนมาหนีไปต่างประเทศได้
และที่สำคํญท่านเจ้าคุณเลขา อยากให้หน่วยงานด้านความมั่นคงและผู้มีหน้าที่ ต้องตรวจสอบกรรมการมหาเถรสมาคม ทุกท่านเพื่อรักษาพระธรรมวินัย ว่าเณรคำได้นำ รถหรูและเงินทองไปถวายให้ท่านใดบ้าง เพื่อสร้างความประจักษ์แจ้งแก่ประชาชนทั่งประเทศ และการใช้จ่ายเงินของวัดใหญ่ๆทั่วประเทศ ย้อนหลัง ๑๐ ปี เช่น วัดโสธร วัดพระพุทธชินราช วัดสระเกด
๒.เรื่องมหาเถรสมาคมไม่ปฎิบัติตาม พระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช
ข้อมูลที่ประจักษ์แจ้งในพฤติกรรมการล้มล้างพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า ?
ในกรณีให้สึกธัมไชโย จึงทำให้เกิดภัยต่อความมั่นคงของพระศาสนา ขึ้นในปัจจุบันได้เกิดลัทธิต่างๆมากมาย ทำให้ชาวพุทธเสื่อมศรัทธาในพระศาสนา ศึกษาข้อมูล วิทยานิพนธ์ด้านความมั่นคงสถาบันพระศาสนา ในประวัติศาสตร์ ได้ที่https://docs.google.com/file/d/0B_nOh0gPsWNSUkVWRG9aQ3pkbmc/editช่วยแบ่งปันได้เพื่อสร้างบุญบารมี ถวายสมเด็จพระสังฆราช ครับ
จากข้อมูลที่นำมาให้ท่านได้ศึกษา ท่านเจ้าคุณ พระเทพปํญญากวี ได้ให้ความเห็นว่า สามารถยื่นฟ้อง
เรื่อง พฤติกรรมของมหาเถรสมาคม ในการล้มล้างพระธรรมวินัย และ กฎหมายรัฐธรรมนูญ
ให้ศาลรัฐธรรมมูญ พิจารณาได้ จึงขอให้ข้อมูลมา ถ้ามีหน่วยงานหรือองค์กรใดจะทำหน้าที่นี้ ข้าพเจ้ายินดีให้ข้อมูลและร่วมยื่นเรื่องต่อศาล
ข้อมูลขบวนการที่ต้องศึกษา http://picasawebcothssomkiert.blogspot.com/2011/12/blog-post_11.html
จารึกวงล้อประวัติศาสตร์ ข้อมูลที่ประจักษ์แจ้งในพฤติกรรมล้มล้างพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า ( การปราบปรามทุจริตที่สำคัญที่สุดคือสื่อ เพราะหากสื่อปิดปากไม่ออกข่าว คิดว่าธุระไม่ใช่ บ้านเมืองก็จะหูหนวกตาบอด ไม่รับรู้อะไร เพราะถึงแม้คนไม่ได้อ่านวันนี้แต่วงล้อประวัติศาสตร์จะจารึกอยู่เสมอ หากเกิดเรื่องร้ายแรง ที่ทำลายจริยธรรมคุณธรรม แต่สื่อไม่ออกข่าว ประวัติศาสตร์ก็จะชี้ว่า เหตุที่จมปัก เพราะสื่อมีส่วนเช่นกัน หากเราไม่ผนึกกำลังกันบ้านเมืองจะไปไม่รอด
http://picasawebcothssomkiert.blogspot.com/2013/07/blog-post_5.html
ข่าว
เผยธาตุแท้พระธรรมฐิติญาณ !
ปกป้องเณรคำอย่างเอาเป็นเอาตาย
ออกอารมณ์กับสื่อมวลชน ตั้งฉายา "สื่อมารชน"
เปรียบเทียบ
"สมัยพระพุทธเจ้าก็ยังโดนมารผจญ"
อา..เอาเหี้ยมาเปรียบกับพระพุทธเจ้าเจียวเหรอ
ใครบังอาจพูดเช่นนี้ก็ "ฤษีกินเหี้ย" ดีๆ นี่เอง
ฤษีกินเหี้ย
ฤษีกินเหี้ย
วู้..เคยเดินธุดงค์กำมะลอให้ธัมมชโยด้วย
แดกทุกค่ายเลย ทั้งธรรมยุต ทั้งธรรมกาย ทั้งเณรคำ
แหมก็อย่างว่าละฮะ แดก เอ๊ย รับคัมรีทีละล้านห้า ปิดหูปิดตาว่าเป็นคนดีที่สุดในโลก น่าจะนิมนต์พระธรรมฐิติญาณไปเป็นเจ้าคณะภาคให้เณรคำทีแคลิฟอร์เนีย จะได้ปกครองฉันท์พ่อลูกอย่างสุขสบายใจ เผลอๆ จะได้เครื่องบินใหม่เป็นกัณฑ์เทศน์อีกด้วย
กดที่ภาพเพื่อชม
กดที่ภาพเพื่อชม
ข่าว : รายการเรื่องเล่าเช้านี้
12 กรกฎาคม 2556
เจ้าคณะภาค 10 โดน !
พระพุทธอิสระแจ้งดีเอสไอให้ดำเนินคดี
ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
อา..แบบนี้ก็เห็นทีตำแหน่งเจ้าคณะภาค 10 จะหลุดละซีฮะ เป็นเกียรติประวัติเชียวนา ว่า "พระธรรมฐิติญาณ" เป็นเจ้าคณะภาครูปแรกที่โดนคดีจากดีเอสไอ ว่าแต่อยากจะให้ดีเอสไอช่วยตรวจสอบหลวงตาลวงโลกองค์นี้ที ว่าในบัญชีมีเงินอยู่กี่ร้อยล้าน ?
พระธรรมฐิติญาณ
หัวหน้าองครักษ์พิทักษ์เณรคำ
ปูดรถ 35 คัน “เณรคำ” หอบเงินสดซื้อรถอีกมูลค่ากว่า 28 ล้าน-หลวงปู่พุทธะอิสระร้องดีเอสไอสอบ ดร.สนอง พร้อมพวก 3 คน ปั้นอรหันต์นายคำขึ้นมาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ชี้เป็นขบวนการปล้นสะดมทำลายพุทธศาสนา ระบุไม่มั่นใจต่อกระบวนการตุลาการของคณะสงฆ์
วันนี้ (11 ก.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พระสุวิทย์ ธีรธัมโม หรือหลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เข้าพบนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีเจ้าคณะปกครองภาค 10 เจ้าคณะปกครองจังหวัดศรีสะเกษ เจ้าคณะปกครองอำเภอกันทรลักษ์ เจ้าคณะปกครองตำบลยาง เจ้าคณะปกครองจังหวัดอุบลราชธานี เจ้าคณะปกครองอำเภอเมืองอุบลราชธานี และเจ้าคณะปกครองตำบลในเมือง รวม 7 รูป โดยกล่าวหาละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ไม่ตรวจสอบการตั้งสำนักสงฆ์ของหลวงปู่เณรคำ และไม่เร่งรัดดำเนินการให้หลวงปู่เณรคำปาราชิกพ้นจากการเป็นสงฆ์ นอกจากนี้ยังร้องทุกข์กล่าวโทษนายสนอง วรอุไร นายสุขุม วงประสิทธิ์ และพระภูมินทร์ ภูรปัญโญ อ้างสนับสนุนหลวงปู่เณรคำให้มีการฉ้อโกงประชาชน เบื้องต้นดีเอสไอรับเรื่องไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมนิมนต์พระสุวิทย์ ธีรธัมโม เข้าให้การกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ สำนักคดีความมั่นคง ดีเอสไอ ในทันที
พระสุวิทย์ ธีรธัมโม หรือหลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย กล่าวว่า ได้ยื่นหนังสือต่อนายธาริต เพื่อกล่าวโทษ ดร.สนอง วรอุไร กับพวก รวม 3 คน ที่ปั้นอรหันต์นายคำขึ้นมาตั้งแต่สิบกว่าปีที่แล้วทำให้ก่อกำเนิดอรหันต์จอมปลอมลวงโลกจนเดือดร้อนต่อพระพุทธศาสนา ขอให้ดีเอสไอไปสืบค้นตามข้อมูลที่ให้ พร้อมร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าคณะปกครอง ซึ่งน่าจะเข้าหลักคดีอาญาที่ว่าด้วยรับของโจรและประพฤติผิดหลักการปกครองของเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีหลักฐานพร้อม และรับราชสักการระของนายคำมาตลอด 10 ปี หมายถึงเจ้าคณะภาค 10 เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ และเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบลที่ที่พักสงฆ์ของนายคำตั้งอยู่ ที่ผ่านมาได้ละเว้นต่อการปฏิบัติหน้าที่ เพราะนายคำได้ติดป้ายว่าเป็นสำนักสงฆ์ ทั้งที่ไม่มีสิทธิใช้ได้เพียงที่พักสงฆ์ แต่ไม่มีการดำเนินการ ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าเป็นวัดจึงบริจาค ทั้งที่มีเจ้าคณะปกครองได้เข้าออกแต่ไม่มีการให้ปลดป้าย ทั้งที่บางแห่งถูกสั่งปลดป้ายที่บอกว่าเป็นวัดโดยไม่ได้รับอนุญาตเพียง 1-2 สัปดาห์ จึงกล่าวหาว่าช่วยเหลือและปกป้องมาตลอดทั้งที่ความผิดปรากฏชัดก็ไม่ทำอะไร ตามพระธรรมวินัยนายคำต้องปาราชิกตั้งแต่กล่าวอวดอุตริแล้ว มีปาราชิกข้ออื่นอีกมาก ยังดึงเกมช่วยเหลือกระทบต่อพระพุทธศาสนา ถ้าทำตั้งแต่สัปดาห์แรก ยึดหลักพระธรรมวินัยจะหยุดความเสียหายได้
เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อยกล่าวอีกว่า ตามพระวินัยนายคำไม่มีสิทธิ์ใช้คำว่าพระเณรนำหน้า เพราะในพระวินัยข้อหนึ่งกล่าวชัดว่าภิกษุอยู่ในที่ลับตากับหญิงสองต่อสอง มีบุคคลควรเชื่อได้มากล่าวโจทย์โดยด้วยอาบัติอะไรก็ให้ปรับตามอาบัตินั้น ก็กล่าวโจทย์ไปว่าเป็นอาบัติปาราชิก เพราะภาพเห็นชัดและก่อนหน้านี้คนที่ใกล้ชิดทราบดีว่าเค้าได้เสพเมถุนมาเนื่องๆ มีชื่อของพระเลขาฯ ที่มีน้องคนหนึ่งที่เป็นเหยื่อของนายคำ หรือเอามาให้นายคำได้เสพเมถุณ พระองค์นี้ก็ยังติดต่อรับใช้ถือเป็นพระเลขาฯ ก็มีชื่อเป็นหลักฐานที่นำมามอบให้ดีเอสไอ เขาทำกันมาเป็นสิบปี เรื่องนี้พูดมาหลายปีแต่ไม่มีใครเชื่อ หาว่าอิจฉาตาร้อน แต่จริงแล้วมันปล้นสะดมทำลายศาสนา ที่จริงถ้าเกิดขึ้นใหม่ๆ แล้วคณะสงฆ์จัดการตั้งแต่สัปดาห์สองสัปดาห์ คงไม่เยิ่นเย้อถึงขนาดนี้ แต่เพราะคณะสงฆ์ยังเห็นดีเห็นงามกับรากที่เขาทำให้ เจ้าคณะปกครองยังชื่นชม ขนาดว่าคำกล่าวว่าพระชั่วๆ ยังมีคนไหว้ ดีกว่าพระดีๆ แล้วไม่มีคนไหว้
พระสุวิทย์ ธีรธัมโม กล่าวอีกว่า แม้เมื่อวานยังมีการพูดในลักษณะมีการนำเอานายคำไปเทียบกับพระพุทธเจ้า ไม่น่าเชื่อจะออกจากปากผู้ใหญ่เจ้าคณะปกครอง จึงไม่มั่นใจต่อกระบวนการตุลาการของคณะสงฆ์ ทั้งนี้ยังมีพระรูปอื่นอีกที่มีพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ ตราบใดที่ยังละเลยอีกไม่นานคงได้ยินข่าวแถวสมุทรสาคร และนครปฐม คงมีข่าวเกี่ยวกับรถหรู เจ้าคณะปกครองยังละเลย ก็จะเกิดนายคำ 2, 3, 4, 5 ทำลายบั่นทอนศรัทธาชาวบ้าน สิ้นหวังต่อการนับถือพระพุทธศาสนา วันนี้จึงมาให้ข้อมูลดีเอสไอลงไปตรวจสอบเรื่องตามกฎหมายคณะสงฆ์ ตั้งแต่ละเมิดอาบัติด้วยการปกปิดอาบัติชั่วหยาบ ผิดจรรยาพระสังฆาธิการ และถือว่าบกพร่องหน้าที่อย่างร้ายแรง ละเว้นหน้าที่ และรับของโจร ที่อาตมาวิเคราะห์ได้ว่าเจ้าคณะปกครองตามลำดับชั้นตั้งแต่เจ้าคณะภาพ 10 ธรรมยุทธ จนถึงเจ้าคณะตำบลในถิ่นที่นายคำอาศัยอยู่ มีความบกพร่อง และผิดวินัยจึงประมวลมาพร้อมหลักฐาน จึงให้ดีเอสไอเพื่อหวังว่าไปสืบค้นและยึดคืนสมบัติของคนเหล่านั้นเอากลับมาสู่สาธารณะหรือศาสนาส่วนกลาง หรือคืนให้กับเจ้าทุกข์ อาตมาร้องทุกข์กล่าวโทษถึงบุคคลหรือกลุ่มนิติบุคคลที่ปั่นนายคำมาด้วย
วันนี้ (11 ก.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พระสุวิทย์ ธีรธัมโม หรือหลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เข้าพบนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีเจ้าคณะปกครองภาค 10 เจ้าคณะปกครองจังหวัดศรีสะเกษ เจ้าคณะปกครองอำเภอกันทรลักษ์ เจ้าคณะปกครองตำบลยาง เจ้าคณะปกครองจังหวัดอุบลราชธานี เจ้าคณะปกครองอำเภอเมืองอุบลราชธานี และเจ้าคณะปกครองตำบลในเมือง รวม 7 รูป โดยกล่าวหาละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ไม่ตรวจสอบการตั้งสำนักสงฆ์ของหลวงปู่เณรคำ และไม่เร่งรัดดำเนินการให้หลวงปู่เณรคำปาราชิกพ้นจากการเป็นสงฆ์ นอกจากนี้ยังร้องทุกข์กล่าวโทษนายสนอง วรอุไร นายสุขุม วงประสิทธิ์ และพระภูมินทร์ ภูรปัญโญ อ้างสนับสนุนหลวงปู่เณรคำให้มีการฉ้อโกงประชาชน เบื้องต้นดีเอสไอรับเรื่องไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมนิมนต์พระสุวิทย์ ธีรธัมโม เข้าให้การกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ สำนักคดีความมั่นคง ดีเอสไอ ในทันที
พระสุวิทย์ ธีรธัมโม หรือหลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย กล่าวว่า ได้ยื่นหนังสือต่อนายธาริต เพื่อกล่าวโทษ ดร.สนอง วรอุไร กับพวก รวม 3 คน ที่ปั้นอรหันต์นายคำขึ้นมาตั้งแต่สิบกว่าปีที่แล้วทำให้ก่อกำเนิดอรหันต์จอมปลอมลวงโลกจนเดือดร้อนต่อพระพุทธศาสนา ขอให้ดีเอสไอไปสืบค้นตามข้อมูลที่ให้ พร้อมร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าคณะปกครอง ซึ่งน่าจะเข้าหลักคดีอาญาที่ว่าด้วยรับของโจรและประพฤติผิดหลักการปกครองของเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีหลักฐานพร้อม และรับราชสักการระของนายคำมาตลอด 10 ปี หมายถึงเจ้าคณะภาค 10 เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ และเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบลที่ที่พักสงฆ์ของนายคำตั้งอยู่ ที่ผ่านมาได้ละเว้นต่อการปฏิบัติหน้าที่ เพราะนายคำได้ติดป้ายว่าเป็นสำนักสงฆ์ ทั้งที่ไม่มีสิทธิใช้ได้เพียงที่พักสงฆ์ แต่ไม่มีการดำเนินการ ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าเป็นวัดจึงบริจาค ทั้งที่มีเจ้าคณะปกครองได้เข้าออกแต่ไม่มีการให้ปลดป้าย ทั้งที่บางแห่งถูกสั่งปลดป้ายที่บอกว่าเป็นวัดโดยไม่ได้รับอนุญาตเพียง 1-2 สัปดาห์ จึงกล่าวหาว่าช่วยเหลือและปกป้องมาตลอดทั้งที่ความผิดปรากฏชัดก็ไม่ทำอะไร ตามพระธรรมวินัยนายคำต้องปาราชิกตั้งแต่กล่าวอวดอุตริแล้ว มีปาราชิกข้ออื่นอีกมาก ยังดึงเกมช่วยเหลือกระทบต่อพระพุทธศาสนา ถ้าทำตั้งแต่สัปดาห์แรก ยึดหลักพระธรรมวินัยจะหยุดความเสียหายได้
เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อยกล่าวอีกว่า ตามพระวินัยนายคำไม่มีสิทธิ์ใช้คำว่าพระเณรนำหน้า เพราะในพระวินัยข้อหนึ่งกล่าวชัดว่าภิกษุอยู่ในที่ลับตากับหญิงสองต่อสอง มีบุคคลควรเชื่อได้มากล่าวโจทย์โดยด้วยอาบัติอะไรก็ให้ปรับตามอาบัตินั้น ก็กล่าวโจทย์ไปว่าเป็นอาบัติปาราชิก เพราะภาพเห็นชัดและก่อนหน้านี้คนที่ใกล้ชิดทราบดีว่าเค้าได้เสพเมถุนมาเนื่องๆ มีชื่อของพระเลขาฯ ที่มีน้องคนหนึ่งที่เป็นเหยื่อของนายคำ หรือเอามาให้นายคำได้เสพเมถุณ พระองค์นี้ก็ยังติดต่อรับใช้ถือเป็นพระเลขาฯ ก็มีชื่อเป็นหลักฐานที่นำมามอบให้ดีเอสไอ เขาทำกันมาเป็นสิบปี เรื่องนี้พูดมาหลายปีแต่ไม่มีใครเชื่อ หาว่าอิจฉาตาร้อน แต่จริงแล้วมันปล้นสะดมทำลายศาสนา ที่จริงถ้าเกิดขึ้นใหม่ๆ แล้วคณะสงฆ์จัดการตั้งแต่สัปดาห์สองสัปดาห์ คงไม่เยิ่นเย้อถึงขนาดนี้ แต่เพราะคณะสงฆ์ยังเห็นดีเห็นงามกับรากที่เขาทำให้ เจ้าคณะปกครองยังชื่นชม ขนาดว่าคำกล่าวว่าพระชั่วๆ ยังมีคนไหว้ ดีกว่าพระดีๆ แล้วไม่มีคนไหว้
พระสุวิทย์ ธีรธัมโม กล่าวอีกว่า แม้เมื่อวานยังมีการพูดในลักษณะมีการนำเอานายคำไปเทียบกับพระพุทธเจ้า ไม่น่าเชื่อจะออกจากปากผู้ใหญ่เจ้าคณะปกครอง จึงไม่มั่นใจต่อกระบวนการตุลาการของคณะสงฆ์ ทั้งนี้ยังมีพระรูปอื่นอีกที่มีพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ ตราบใดที่ยังละเลยอีกไม่นานคงได้ยินข่าวแถวสมุทรสาคร และนครปฐม คงมีข่าวเกี่ยวกับรถหรู เจ้าคณะปกครองยังละเลย ก็จะเกิดนายคำ 2, 3, 4, 5 ทำลายบั่นทอนศรัทธาชาวบ้าน สิ้นหวังต่อการนับถือพระพุทธศาสนา วันนี้จึงมาให้ข้อมูลดีเอสไอลงไปตรวจสอบเรื่องตามกฎหมายคณะสงฆ์ ตั้งแต่ละเมิดอาบัติด้วยการปกปิดอาบัติชั่วหยาบ ผิดจรรยาพระสังฆาธิการ และถือว่าบกพร่องหน้าที่อย่างร้ายแรง ละเว้นหน้าที่ และรับของโจร ที่อาตมาวิเคราะห์ได้ว่าเจ้าคณะปกครองตามลำดับชั้นตั้งแต่เจ้าคณะภาพ 10 ธรรมยุทธ จนถึงเจ้าคณะตำบลในถิ่นที่นายคำอาศัยอยู่ มีความบกพร่อง และผิดวินัยจึงประมวลมาพร้อมหลักฐาน จึงให้ดีเอสไอเพื่อหวังว่าไปสืบค้นและยึดคืนสมบัติของคนเหล่านั้นเอากลับมาสู่สาธารณะหรือศาสนาส่วนกลาง หรือคืนให้กับเจ้าทุกข์ อาตมาร้องทุกข์กล่าวโทษถึงบุคคลหรือกลุ่มนิติบุคคลที่ปั่นนายคำมาด้วย
ข่าว : ผู้จัดการ
12 กรกฎาคม 2556
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ครับ